อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 646 หลับไปพร้อมอ้อมกอด (1)
ยกแขนเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าให้เธอก่อนจะมีชั้นเหงื่อผุดขึ้นมาใหม่
“ยังทนไหวไหม?” เขาถามเสียงเบาปนแหบแห้งเล็กน้อย
เธอสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงรับคำจากเสียงในลำคอ ‘อืม’ มือเขาลูบไล้แผ่นหลังเธอเป็นการปลอบประโลมเบาๆ โดยไม่รู้ตัวคล้ายว่าทำแบบนี้แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บให้เธอได้บ้าง
แม้ไป๋ซู่เย่จะหลับตาอยู่แต่เธอยังสัมผัสได้ถึงการปลอบประโลมจากเขาได้ดี หัวใจที่ขมขื่นในทีแรกเริ่มมีความอบอุ่นแผ่ซ่านมาแทนที่อย่างน่าแปลก ใจอ่อนยวบ…
ผู้ชายคนนี้นี่…
ควบคุมความรู้สึกเธอได้ง่ายๆ วินาทีก่อนเหยียบเธอให้ตกนรก วินาทีนี้พาเธอขึ้นสวรรค์ได้…
ความสุขความทุกข์ปะปนกันไป อารมณ์เฉยชาอารมณ์เดือดพล่านที่สลับปะทะกันไปมานั้นเรียกให้เธอรู้สึกมีอะไรติดตรงคอจนน่าอึดอัด แสบจมูกนิดๆ เพราะอยากร้องไห้
เธอรู้สึกแค่ว่าทุกความดื้อรั้นและเย่อหยิ่งของตัวเองจะถูกเขาพังทลายให้อ่อนแอลงไปหมด เธอก้มหน้าอ้าปากกัดไหล่เขาไว้ เย่เซียวตัวสะท้านก่อนจะสัมผัสถึงความเปียกชื้นตรงลาดไหล่ เขากลับไม่กล้าไปดูว่านั่นเป็นหยาดเหงื่อของเธอ หรือว่า…
น้ำตา…
ผู้หญิงที่หัวแข็งและใจร้ายคนนี้ น้ำตาไหลได้จริงๆ หรือ?
……………………
ถังซ่งคอยมองพวกเขาสองคน รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัด เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแค่ถอนหายใจเงียบๆ ส่ายหัวแล้วทำแผลอย่างตั้งใจต่อไป
…………………………
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
แผลบนตัวเธอทั้งหมดถูกทำเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยความชำนาญมือของเขาเธอจึงไม่ต้องเจ็บปวดมาก แต่พอเย็บเสร็จก็ทำเอาเจ้าตัวแทบหมดแรงเหมือนกัน
“ต้องพักดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เดี๋ยวจะส่งตัวไปที่ห้องพักวีไอพี” หลังทำแผลเสร็จถังซ่งเองก็ลอบถอนหายใจโล่งอก หากทำได้ไม่ดีเย่เซียวจะต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่
“อืม” เย่เซียวยังกอดไป๋ซู่เย่อยู่ไม่ได้ปล่อยมือ
ถังซ่งจิ้มไหล่เขาที “อย่ากอดอีกเลย ที่นี่มีพยาบาลคอยดูอยู่ไม่เป็นอะไรหรอก นายออกมา เดี๋ยวทำแผลให้”
เย่เซียวเงียบไปอึดใจ
หลุบตามองเธอในอ้อมแขนแวบหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าไป๋ซู่เย่ก็ได้ยินที่ถังซ่งพูดเลยฝืนขยับตัวให้เลื่อนลงจากไหล่เขา อ้อมแขนว่างเปล่าสร้างความเย็นวาบตรงอกแก่เย่เซียวไม่น้อย หมายจะรั้งเธอมากอดโดยไม่รู้ตัวแต่สุดท้ายสองมือก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศ กำหมัดแน่นเก็บมือ
น่าขำจริงๆ!
นี่เพิ่งผ่านไปครู่เดียวเท่านั้น ทำไมเขาถึงหลงใหลกับความรู้สึกนี้ได้?
………………
ไป๋ซู่เย่ถูกเข็นเข้าไปในห้องพักฟื้น
เย่เซียวนั่งอยู่ในห้องทำงานของถังซ่งปล่อยให้ถังซ่งทำแผลไปอย่างไม่สบอารมณ์ สูบบุหรี่ตามสบายเพราะไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีผู้ป่วยเข้าออก บวกกับรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีถังซ่งถึงปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ห้ามเขาสูบบุหรี่
ตอนทำแผลให้เขาได้จิปากไปหลายที “มีเศษกระจกแทงเข้าไปที่เท้าเยอะขนาดนี้ นายไม่เจ็บหรือไง?”
เจ็บไหม?
ตอนนี้เจ็บนิดๆ ล่ะ
แต่เมื่อครู่ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ หัวใจทั้งดวงอยู่ที่เธอทั้งหมด ใจจดใจจ่อคิดแต่ว่ารีบพาเธอมาส่งที่โรงพยาบาลโดยเร็ว
ถังซ่งคีบเศษกระจกออกให้เขาทั้งหมดและพันแผลทุกแผลก่อนที่จะจุดบุหรี่ให้ตัวเองหนึ่งมวน “เมื่อก่อนฉันดูไม่ออกเลยนะว่าความรุนแรงของนายใช้กับผู้หญิงด้วย?”
เย่เซียวคร้านจะอธิบาย
“ดูจากร่องรอยบนตัวเธอ นายมีอะไรกับเธออีกแล้วใช่ไหม?”
เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชา “นายดูละเอียดจังนะ!”
“แน่นอน หน้าที่ของหมอ” ถังซ่งถาม “ทำได้ไม่สะใจสินะ?”
“นาย…” เย่เซียวเตรียมเปิดปากด่า
“นายอย่ารีบร้อนจะด่าฉัน ฉันหวังดีกับนายต่างหากถึงได้พูดปากเปียกปากแฉะกับนาย จะบอกให้นะ เวลามีอะไรกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก รู้ไหมว่าที่รู้สึกดีที่สุดคืออะไร?”
เย่เซียวดับหัวบุหรี่ แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ฉันไม่มีผู้หญิงที่รัก”
“โอเคๆๆ! นายไม่รักเธอ เกลียดเธอ พอใจแล้วสินะ?” ถังซ่งแก้คำ “งั้นตอนที่มีอะไรกับผู้หญิง รู้ไหมตอนไหนรู้สึกดีที่สุด? ที่รู้สึกดีไม่ใช่การครอบครองเธอจากกำลังแต่ใช้เทคนิคทำให้เธอละลาย รับรองว่าเธอต้องหนีไม่รอด เสร็จครั้งนี้ยังอยากทำอีก นายเล่นทรมานเธอแทบตายทุกครั้ง ถ้าฉันเป็นเธอนะ แค่เห็นนายถอดเสื้อผ้าก็กลัว เกลียดนายเข้าไส้แล้ว!”
“ใครจะถอดให้นายดู?” เย่เซียวตอบกลับอย่างไม่พอใจ พอได้ยินเขาว่าเช่นนี้พานนึกถึงภาพที่ตัวเองขืนใจเธอที่โรงแรมด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดไปกันใหญ่
คว้ากุญแจรถเดินออกไป
“กลับแล้วเหรอ?” ถังซ่งถาม
เย่เซียวไม่แม้แต่หันกลับมา
“นายไม่สนใจไป๋ซู่เย่แล้ว?”
“สนใจไปแล้วไง” พาเธอมาโรงพยาบาล อยู่เย็บแผลเป็นเพื่อนเธอ เขาในฐานะศัตรูของเธอน่าจะหมดหน้าที่แล้ว ยังจะต้องสนใจอะไรอีก? เย่เซียวคิดว่าตัวเองไม่ควรอยู่ต่อ เธอไม่ใช่ผู้หญิงของตน เป็นศัตรูของตนต่างหาก!
จุดนี้เขาจะต้องจำให้ขึ้นใจ
ถังซ่งมองแผ่นหลังนั่นพลางดับหัวบุหรี่ไปตามๆ กัน “ใจร้ายจริงๆ นะ”
…………………………
ก่อนถังซ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไปดูไป๋ซู่เย่ที่นอนพักอยู่บนเตียง
หลังศีรษะเจ็บไม่น้อย ความจริงไป๋ซู่เย่ก็หลับไม่สนิทพอ สะลึมสะลือ พอถังซ่งมาสำรวจดูยาของเธอทีจึงตื่น
“ยานี่มีส่วนผสมที่ช่วยให้หลับสบาย ฉีดเสร็จน่าจะนอนพักดีๆ ได้แล้ว” ถังซ่งบอกเธอ
“อืม งั้นฉันจะออกโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
“หัวแตกแล้วยังรีบร้อนจะออกจากโรงพยาบาลอีกเหรอ? จากอาการของคุณอย่างน้อยก็ต้องพักสักสองสามวันล่ะ”
ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ ตั้งแต่ตัวเองมาพัวพันกับเย่เซียวก็ไม่เคยใช้ชีวิตราบรื่นสักวันเลย
“พอแล้ว ถ้าคุณไม่มีอะไรผมกลับก่อนล่ะ คุณเองก็รีบพักผ่อนเถอะ” ถังซ่งสั่งเธอ
“อืม” ไป๋ซู่เย่หยักหัวรับ สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ “เย่เซียวล่ะ? แผลเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี ผมทำแผลให้เขาเสร็จเขาก็หยิบกุญแจรถกลับไปแล้ว”
“…อ่อ” ไป๋ซู่เย่รับคำสั้นๆ กลับไปนอนคว่ำบนหมอนเหมือนเดิม สายตากลับมองตรงไปข้างหน้าไม่พูดอะไร
ถังซ่งมองเธอ “ผิดหวังเหรอ?”
เธอชะงัก หัวเราะแผ่ว “ไม่หรอก แผลบนหัวก็ไม่ใช่เขาทำ จะให้ฉันขอให้เขารับผิดชอบงั้นเหรอ?”
เขาไม่ได้ทอดทิ้งไม่สนใจตัวเองแถมยังยอมพาเธอมาส่งโรงพยาบาล อยู่เย็บแผลเป็นเพื่อนเธอ นี่คงเป็นขีดจำกัดของเขาแล้วสินะ
หรือว่า…
หลงคิดว่าเขาจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อตัวเองเหมือนแต่ก่อน? เธอไม่โง่ถึงขั้นคาดหวังอย่างนั้น
“แผลของคุณ ไม่ใช่เขาเป็นคนทำเหรอ?”
“คุณเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งหลายปี คิดหรือว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เอาของฟาดใส่ผู้หญิงได้? ฉันไม่ระวังตัวเอง”
ถังซ่งหัวเราะ “เขาไม่ใช่คนที่จะเอาของทำร้ายผู้หญิงจริงๆ แต่คุณเป็นข้อยกเว้นนี่นา ผมเห็นเขามีความคิดอยากจะฆ่าคุณด้วยซ้ำ เลยคิดว่าเขาเป็นคนทำร้ายคุณไปโดยปริยาย”
ไป๋ซู่เย่แย้มปาก
ข้อยกเว้นนี้ สมกับเป็นข้อยกเว้นจริงๆ…
ถังซ่งกลับไปแล้ว
ห้องพักผู้ป่วยตกสู่ความเงียบอย่างผิดปกติ ทั้งที่ยามีส่วนผสมช่วยเรื่องหลับแต่เธอกลับลืมตามองไปนอกหน้าต่าง ความง่วงงุนลดน้อยลงกว่าเดิม
………………………………………….