อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 647 หลับไปพร้อมอ้อมกอด (2)
เย่เซียวขับรถกลับบ้าน ไม่ทันระวังด้วยซ้ำว่าระหว่างทางสูบบุหรี่ไปกี่มวน ในหัวฉายแต่ภาพวนซ้ำไปมาของอีกคนเรียกให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
กลับถึงบ้านคนที่หน้าประตูตกใจกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นสภาพเขา
นี่โดนปล้นมาอย่างนั้นหรือ?
แต่ยังมีใครกล้าจะปล้นนายท่านหรือ? ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วหรืออย่างไร
……
น่าหลันขังตัวเองไว้ในห้องตลอดคืนอย่างทุกข์ใจ ไม่ว่าอาชิงจะปลอบเธออย่างไรเธอก็ไม่ตอบกลับสักคำ นั่งริมหน้าต่างนิ่งมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย รอคอยผู้ชายคนนั้น
เดิมทีเธอคิดว่าคืนนี้เขาไม่น่ากลับมาแล้วแต่ไฟหน้ารถที่ใกล้เข้ามากลับทำให้ตาเธอสว่างวาบ
ในคฤหาสน์มีเพียงเขาที่สามารถขับรถมาจอดหน้าประตูหลักได้
เธอที่แต่แรกยังนั่งนิ่งแทบจะไถลตัวลงจากริมหน้าต่างทันที อาชิงวิ่ง ‘ตึงตัง’ ขึ้นมาชั้นบน “คุณคะ รีบออกมาเร็ว นายท่านกลับมาแล้ว มาคนเดียวไม่มีคุณไป๋”
ได้ยินประโยคสุดท้ายน่าหลันพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รอปรับลมหายใจได้เป็นจังหวะก็ดึงประตูเดินออกไป
ชั้นล่างเย่เซียวกำลังเข้ามา
“นายท่าน เป็นอะไรคะ? ทำไมถึงบาดเจ็บแบบนี้?”ครึ่งท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขารวมถึงใบหน้าแทบมีแต่รอยแผล แม้แต่คนรับใช้ที่เปิดประตูให้ยังสะดุ้งตกใจ
“ไม่เป็นไร” เย่เซียวเข้ามาเดินขึ้นไปชั้นบน ตอนนี้เขาต้องการอาบน้ำเพื่อชะล้างความหงุดหงิดไม่สบายใจทั้งหมด
ขึ้นไปชั้นบน
ปะทะกับน่าหลันที่อยู่ตรงชั้นบันไดพอดี
“ทำไมยังไม่นอน?” เย่เซียวถามเธอ
“…ฉันไม่รู้ว่าคุณไปไหน เป็นห่วงก็เลย…นอนไม่หลับ” น่าหลันมองเขาหน้าเศร้าๆ อยู่ๆ เดินลงไปก้าวหนึ่งสองแขนโอบเอวเขาเบาๆ แนบหน้ากับอกเขา “ฉันโทรหาคุณคุณไม่รับสาย กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป”
เย่เซียวชะงักนิ่ง
ก้มหน้ามองใบหน้าของน่าหลันที่คล้ายคลึงกับใครบางคน ชั่วขณะหัวคิ้วขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม
ใบหน้านั้นเหมือนคำสาปที่กำลังดึงทึ้งเส้นประสาทของเขา
อีกทั้ง…
ตอนนี้พอมองดีๆ ยิ่งรู้สึกว่าความจริงน่าหลันแตกต่างกับเธอมาก อย่างน้อยก็ต่างจากไป๋ซู่เย่ในเวลานี้อย่างสิ้นเชิง ใบหน้าอีกฝ่ายมีแต่ความมุ่งมั่นปนดื้อรั้นมากกว่า เคยโอนอ่อนซบอกเขาเหมือนน่าหลันแบบนี้ที่ไหนกัน?
หรืออย่างตอนเมื่อครู่ที่ไม่ได้ฉีดยาชา เจ็บขนาดนั้นเธอกลับไม่หลุดเสียงสักนิด
“เย่เซียว?”น่าหลันเห็นเขาไม่ตอบกลับอะไรอยู่นานเลยแหงนหน้ามองด้วยความฉงน
เขาหลุดจากภวังค์
“ผมไม่เป็นไร คุณไปนอนเถอะ” เย่เซียวคลายหัวคิ้วที่ขมวดออก หมดอารมณ์จะปลอบเธอพลางแกะสองแขนที่เกาะเอวออก “ตัวผมสกปรก ขึ้นไปก่อนล่ะ”
เดินไปอย่างไม่รอช้ายิ่งไม่มีใจจะกลับมามองท่าทางผิดหวังของน่าหลันสักแวบเดียว เหลือเพียงแผ่นหลังให้เธอได้เชยชม
น่าหลันยืนมองอยู่ด้านหลังนิ่ง สุดท้ายแค่ถอนหายใจหนักๆ
เย่เซียวยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชากับเธอแล้ว…
ตัวจริงมาแล้ว ฉะนั้นตัวสำรองอย่างเธอก็ไม่เข้าตาเขาอีกต่อไป ใช่ไหม?
“คุณคะ” อาชิงมองเธอด้วยความเป็นห่วงแวบหนึ่ง
น่าหลันเอ่ยปาก “ไม่เป็นไร ฉันขึ้นไปก่อนล่ะ”
หลังเย่เซียวเข้าห้องปิดประตูเธอก็เข้าห้องตาม อาชิงถอนหายใจ “คุณคะ ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศคุณก็ยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีความสุข เมื่อก่อนดีจะตาย ตามหลังนายท่านไม่มีอะไรให้กังวล ทำไมตอนนี้ถึงไม่เหมือนเดิมล่ะคะ?”
“จะเหมือนเดิมได้ยังไง?” น่าหลันย้อนถามเสียงเบา ทุกประโยคแฝงด้วยความขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อก่อนระหว่างพวกเขาไม่มีบุคคลที่สาม เขาไม่ใช่คนที่จะเข้าใกล้ผู้หญิง เธอถึงไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีผู้หญิงคนใดแย่งเย่เซียวไปจากเธอ
แต่กระทั่งไป๋ซู่เย่ปรากฏตัวเธอถึงรู้ว่าความจริงไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง แต่เพราะผู้หญิงเหล่านั้นสู้ดอกฝิ่นต้นที่แห้งเหี่ยวในใจเขาไม่ได้เลย
ต่อให้ดอกไม้นั่นจะเหี่ยวเฉาไปสิบปีเต็มแล้วก็ตาม…
……………………
เย่เซียวอาบน้ำเสร็จใช้ผ้าขนหนูพันตัวออกจากห้องอาบน้ำ ใช้ผ้าเช็ดผมลวกๆ
ดึกมากแล้ว
ค่ำคืนแสนสงบไร้ซึ่งเสียงรบกวนยิ่งเงียบเท่าไรยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เปิดโทรทัศน์เปลี่ยนไปช่องใหม่ แต่ใจยังล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคล้ายหัวใจกำลังถูกบางอย่างกระชากไปมาอยู่
สุดท้าย…
สิบนาทีหลังจากนั้นเขาตัดสินใจยอมแพ้ ทิ้งผ้าขนหนู เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปที่ห้องของเขาเพื่อคว้ากุญแจรถออกจากบ้าน
“นายท่าน ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปอีกหรือคะ?” คนรับใช้รีบถามเมื่อเห็นเขาเดินลงบันไดอย่างเร่งรีบ
“อืม ไม่ต้องรอ คืนนี้ไม่กลับมาแล้ว”
“ค่ะ”
เขาหายไปจากคฤหาสน์ในเวลาอันรวดเร็ว
ชั้นบน น่าหลันไล่สายตามองตามรถของเขากระทั่งไฟรถหายไปจากสวนดอกไม้อันกว้างใหญ่ สายตาเธอก็หม่นแสงลงทันที…
เถาวัลย์แห่งความอิจฉาริษยาค่อยๆ ฝังรากลึกลงในใจอย่างควบคุมไม่ได้ โตขึ้นเรื่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ ล้อมพันรอบหัวใจของเธอ…
……………………
ส่วนผสมช่วยในการนอนหลับในยามีผลดีไม่น้อย หนึ่งชั่วโมงให้หลังไป๋ซู่เย่เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
ไม่รู้ตัวกระทั่งตอนพยาบาลมาตรวจห้องด้วยซ้ำ
ยิ่งไม่รู้ว่าเย่เซียวจะปรากฏตัวที่นี่
“คุณเย่เซียว” พยาบาลถอยออกมาจากห้อง กำลังจะเปิดประตูแทบจะชนอกชายหนุ่มเข้าอย่างจัง ตกใจจนหน้าซีดรีบถอยหลังทันควัน
เย่เซียวไม่พูดอะไร นิ้วชี้เรียวชิดปากเป็นเชิงให้เธอเงียบเสียงเผื่อรบกวนคนที่อยู่ข้างใน
พยาบาลกดเสียงเบาลงอย่างเชื่อฟัง “คุณไป๋หลับไปแล้วค่ะ”
“อาการตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉีดยาแก้อักเสบไป ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรค่ะ”
“อืม”
เย่เซียวพยักหน้าน้อยๆ ไม่พูดอะไรอีก โบกมือเป็นเชิงให้พยาบาลออกไป
เขาเช็คแผลบนตัวเธออย่างละเอียด พอเห็นว่าอาการดีขึ้นจึงถอนหายใจโล่งอก สีหน้าเรียบนิ่งเล็กน้อยยามนึกถึงคืนนี้ที่ใช้ความรุนแรงกับเธอ เขากึ่งนอนบนเตียง เลิกผ้าห่มอย่างระมัดระวัง ยื่นมือเข้าไปในกางเกงชุดผู้ป่วยเธอเพื่อทายาตรงส่วนนั้นให้เธอ ก่อนออกจากบ้านยังไม่ลืมไปหยิบหลอดยาจากห้องเธอด้วย การกระทำนี้ เย่เซียวคิดว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดมากกว่า
ถึงเธอจะน่าแค้นใจนัก สมแล้วที่ต้องทนรับทุกอย่าง แต่อย่างไรเสียเธอเป็นเพียงผู้หญิง อีกอย่างเขาไม่ได้ใจร้ายอย่างเธอ
ไป๋ซู่เย่หลับลึกมาก สะลึมสะลือแต่ก็ไม่ตื่น แค่ตอนที่ปลายนิ้วเขาแตะโดนแผลเธอ เธอครางออกมาเบาๆ เหมือนละเมอ “เจ็บ…”
เสียงเล็กเสียงน้อยอย่างนั้น หากเป็นวันปกติที่มีสติอยู่คงไม่มีวันได้ยิน
เย่เซียวรู้สึกโดนทุบที่อก ทุกความแข็งกร้าวอ่อนยวบยาบลงในฉับพลัน ประคองตัวเธอให้พิงบนอกเขา ปลายนิ้วบีบคลึงใบหูนิ่มเธออย่างเบาแรง “ผมจะเบามือ…”
มือผ่อนแรงลงอย่างมาก
ไป๋ซู่เย่ครางเสียงตอบรับ ‘อืม’ อย่างไม่มีสติ ซบหน้ากับอกเขาหลับต่อ
ทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ แต่เย่เซียวกลับไม่ยอมปล่อยเธออีก ปิดเสื้อนอนลงบนเตียงและหลับไปทั้งอย่างนั้น
…………………………………………..