อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 648 หลับไปพร้อมอ้อมกอด (3)
เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่หลับสบายขนาดนี้
เขาไม่อยากหาสาเหตุของมัน
…………
วันรุ่งขึ้น
ยามแสงแรกของดวงอาทิตย์ทะลุผ่านกระจกใสเข้ามาข้างในเธอก็ตื่นพอดี เมื่อคืนนอนคว่ำหน้าตลอดคืน พอลืมตาขึ้นลองขยับคอเล็กน้อยแต่กลับปวดเสียเหลือเกิน
ของตกใส่หัวไม่เบาเลยถึงทำให้ตอนนี้ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง
เผลอกวาดมองรอบห้องที ข้างในนี้ไม่มีใครสักคน
แววตาเธอหม่นลงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเอง
เธอกำลังผิดหวังอะไร? หรือคิดว่าทันทีที่ลืมตาจะเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงหัวเตียงอย่างคราวก่อนหรือ? วันนั้นเธอกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขาจนถึงขีดสุด บางทีเขาคงกำลังคิดว่าเธอทำตัวเองทั้งนั้น
ขณะที่กำลังคิดเหลวไหล ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเคาะดัง
“เข้ามา” ไป๋ซู่เย่คิดว่าเป็นพยาบาล นิ่งค้างไปชั่วอึดใจเมื่อเห็นคนหน้าประตู
อาจเป็นเพราะแผลที่เกิดขึ้นตอนพังประตูเมื่อคืน หน้าเขายังมีผ้าก๊อซแปะอยู่
“อรุณสวัสดิ์” เธอไม่คิดว่าเย่เซียวจะมาเช้าขนาดนี้จึงรีบลุกกึ่งนั่งกึ่งนอน ยังเวียนหัวอยู่หน่อยๆ ยกมือนวดขมับ หัวคิ้วชนกัน
“ถ้าเจ็บก็อย่าขยับตัว” น้ำเสียงเย่เซียวเย็นชาเช่นเดิมไม่มีอารมณ์ขึ้นลงไปมากกว่านั้น เขาเดินเข้าไปโน้มตัวดึงหมอนสอดหลังเธอ ความใกล้ชิดทำให้ใบหน้ามุมข้างเขาตกอยู่ในกรอบสายตา เย็นยะเยือกไม่เปลี่ยนแต่กลับเพิ่มความอบอุ่นแก่หัวใจเธออย่างน่าแปลก
เธอรู้สึกว่าตัวเองใช้ไม่ได้เลย เธอลืมเรื่องที่เขาใช้ความรุนแรงกับเธอเมื่อคืนไปแล้วหรือ?
“ขอบคุณ” หลังกล่าวขอบคุณไปเธอก็เบี่ยงหน้าหันหนีไม่มองเขาอีก ไม่อนุญาตให้ตัวเองจมปลักกับความอบอุ่นเพียงชั่วคราวนี้ มันไม่มีผลดีอะไรหรอก “คุณมาหาฉันเพราะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อคืนรีบกลับไปขนาดนั้น เช้านี้มาเร็วอย่างนี้ คิดว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญ
เย่เซียวล้วงโทรศัพท์มาจากกระเป๋าให้เธอด้วยใบหน้าเกร็งแน่นและเรียบตึง ไป๋ซู่เย่ดูพบว่าเป็นโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่โรงแรมเมื่อคืน อีกทั้งพอเปิดออกมีสายที่ไม่ได้รับจากอวิ๋นช่วนอีกสิบกว่าสาย
นึกถึงเมื่อคืนไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคราวหลังจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร คิดว่าต้องอึดอัดมากแน่ๆ
“ดูเหมือนว่าเขาจะตามจีบคุณไม่ห่างเลยนะ” จากน้ำเสียงเย่เซียวฟังไม่ออกว่าดีหรือร้าย สายตานิ่งจ้องมองเธอ
เธอไม่ได้ตอบเพียงแค่สอดโทรศัพท์ใส่ใต้หมอน เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ไม่คิดจะโทรกลับ หรือเห็นว่าผมอยู่นี่เลยรู้สึกผิด?”
เขาพูดจิกแทบทุกคำ
“โทรศัพท์ก็ส่งถึงที่แล้ว ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรไปทำงานเถอะ ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบคำถามเขาแต่กลับออกปากไล่อีกคนแทน
น้ำเสียงราบเรียบอย่างมาก
แต่ยิ่งเรียบแบบนี้ยิ่งทำให้เขาคุกรุ่นในใจ
“คุณไม่อยากเห็นผมขนาดนั้นเลย?” เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชา เลิกผ้าห่มบนตัวเธอออก “ไป๋ซู่เย่ คุณยิ่งไม่อยากเห็นผมมากเท่าไหร่ ผมจะยิ่งไม่ให้คุณได้สมใจ”
“คุณทำอะไร?” ไป๋ซู่เย่เกิดลนชั่วขณะ มือเผลอกำผ้าห่มแน่นโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางต่อต้านของเธอเขาเห็นมันทุกอย่างจนเจ็บแปลบที่หัวใจแวบหนึ่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ นึกถึงที่ถังซ่งพูดว่าหากใช้กำลังความรุนแรงกำราบผู้หญิงบนเตียง มีแต่จะสร้างความหวาดกลัวและเกลียดชังแก่เธอ
ส่วนผู้หญิงคนนี้…ความจริงแม้แต่พละกำลังยังกำราบไม่ได้…
“คิดว่าผมจะทำอะไรคุณอีกหรือไง?” เย่เซียวดึงผ้าห่มโยนลงพื้น “คุณสบายใจได้ เมื่อคืนทำพอแล้ว ร่างกายของคุณไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดมากอย่างที่คิด!”
ไป๋ซู่เย่ถลึงตาใส่เขา เมื่อคืนเขาทำอะไรเธอไปกี่ครั้ง? เธอนับแทบไม่หวาดไม่ไหวแต่รู้ว่าอย่างน้อยต้องมากกว่าสามครั้งขึ้นไป ตอนนี้เขายังพูดแบบนี้อีก!
“มองอะไร?” เย่เซียวช้อนตัวเธอขึ้นจากเตียง
“คุณอยากทำอะไรอีก?” ไป๋ซู่เย่ขัดขืนหลายที
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทำอะไรคุณไม่ต้องตื่นเต้น กลางวันแสกๆ ผมไม่สนใจหรอก”
“…” ไป๋ซู่เย่หมดคำจะพูด สิบปีก่อนตอนอยู่กับเขา เขาเป็นคนจริงจังกับทุกสิ่ง ไม่มีทางพูดจาพล่อยๆ ต่อหน้าเธออย่างนี้แน่นอน ไป๋ซู่เย่ใช้แขนข้างเดียวโอบลำคอเขาไว้ “คุณเบาหน่อย ฉันเจ็บ…”
ได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้เย่เซียวก็ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ก้มหน้ามองเธอด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง “ในเมื่อเจ็บ ทำไมเมื่อคืนไม่ยอมขอร้องผม? แค่อ้าปากพูด ไม่แน่ผมอาจจะพิจารณาปล่อยคุณไป”
ไป๋ซู่เย่กระชับแขนที่กอดเขาไว้น้อยๆ เหยียดมุมปากโดยไม่มองเขา “เทคนิคคุณแย่ขนาดนี้จะขอยังไงก็เปล่าประโยชน์ ยังไงซะ…ครั้งต่อๆ ไปก็เหมือนเดิม”
“…” นี่กำลังท้าทายอำนาจเขาชัดๆ!
ลมหายใจของเย่เซียวหนักอึ้งขึ้นอย่างมาก สายตาดุดันจ้องเธอไม่ห่าง “เทคนิคของผมก็ต้องดูคู่กรณีด้วย คุณก็แค่ของเล่นบนเตียงของผม ผมมีหน้าที่ต้องเอาใจคุณเหรอ?”
“ดูคู่กรณี…” ไป๋ซู่เย่พึมพำสามพยางค์นี้ก่อนจะยิ้มจางๆ “ฉะนั้น ตอนคุณอยู่กับน่าหลันบนเตียง คงไม่ได้ทำเหมือนตอนอยู่กับฉัน”
“เธออ่อนโยน บริสุทธิ์ ก็ต้องมีค่าพออ่อนโยนใส่ ส่วนคุณ…”
“ฉัน ฉันใจร้ายไร้ความปรานี โหดเหี้ยมอำมหิต สมแล้วที่ต้องถูกคุณเหยียบย่ำบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ไป๋ซู่เย่พูดต่ออย่างประชดตัวเอง ดวงตาฉายแววอ้างว้างหน่อยๆ
ที่เขาไม่รู้คือความจริงเธอเองก็กลัวเจ็บ…
โดยเฉพาะ แผลเหล่านี้ได้มาจากเขา
เย่เซียวมองเธอวูบหนึ่งพร้อมแค่นเสียงที “ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจ จากนี้ก็อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเธอแบบไม่เจียมตัวอีก”
ไป๋ซู่เย่ยกยิ้มมุมปาก หัวเราะ “ยังดี…”
“ยังดีอะไร?”
“ยังดีที่ระหว่างเราเหลือเวลาอีกแค่สิบห้าวัน”
เย่เซียวชะงักงัน
สิบห้าวัน…
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าที่แท้เวลามันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน…
“คุณนับเวลาถอยหลังทุกวันเลยเหรอ?” ใบหน้าของเขาเกร็งแน่นเหมือนกัดฟันพูดกระแทกทุกคำ
“แน่นอนอยู่แล้ว” เธอผ่อนเสียงลงกลัวเขาจะจับผิดถึงความปากไม่ตรงกับใจในน้ำเสียงของเธอ แสร้งพูดด้วยท่าทางสบายๆ “สิบห้าวันหลังจากนี้ ทุกอย่างที่ฉันเจอตอนอยู่กับคุณจะคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน…ฉันจะลืมมันไปทุกอย่าง”
เย่เซียวหายใจหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นฉาบบนใบหน้าเป็นชั้นบางๆ
เขาไม่พูดอะไรอีกแค่อุ้มเธอเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
บนทางเดินมีผู้คนเดินขวักไขว่โดยเฉพาะเหล่าพยาบาลตัวน้อย อดหันสายตามาทางพวกเขาอย่างนึกสนใจไม่ได้ ไป๋ซู่เย่เริ่มทำตัวไม่ถูก “เย่เซียว…”
“หุบปาก!” เขาไม่อยากฟังเธอพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว ต่อให้เป็นคำคำเดียวก็ตาม! ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางพูดคำดีๆ ออกมาได้!
“เราจะไปไหนกันแน่?” ไป๋ซู่เย่รู้ว่าอารมณ์เขาไม่คงที่ เห็นได้ชัดว่าประโยคใดประโยคหนึ่งของเธอจากบทสนทนาเมื่อครู่ไปกระตุ้นอารมณ์เขาเข้า เขาในสิบปีให้หลังยิ่งอยู่ยิ่งอารมณ์แปรปรวน
ฉะนั้นขณะเย่เซียวใช้ความเงียบตอบคำถามของเธอ เธอเองก็ชินชากับท่าทางของเขาจึงปิดปากไม่ถามอีก
………………………………….