อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 650 หลับไปพร้อมอ้อมกอด (5)
“เย่เซียว” ไป๋ซู่เย่อดเรียกเขาไม่ได้เมื่อมองแผ่นหลังนั่น
เขาหันกลับมามองเธอด้วยสายตาสงสัย “มีอะไร?”
“เมื่อคืน…คุณกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไป๋ซู่เย่ถามลองเชิง
“กลับไปนานแล้ว”
“อ่อ”
“มีอะไรอีกไหม?”
“เมื่อคืนคุณกลับมาที่โรงพยาบาลอีกเหรอ?”
เย่เซียวย่นคิ้วน้อยๆ สุดท้ายปากบางขยับพูดออกมาสั้นๆ “เปล่า”
“…”
ไม่รอไป๋ซู่เย่ถามอะไรอีกเขาก็กระแทกประตูออกไปแล้ว
………………
รอเขาออกไปไป๋ซู่เย่ถึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากใต้หมอน โทรหาไป๋หลางก่อน
ไป๋หลางรู้ว่าเธออยู่โรงพยาบาล อยากจะรีบมาหาแต่ถูกเธอปฏิเสธไป
“นายไม่ต้องมา แค่ปัญหาเล็กๆ นอนพักไม่เกินสองวันหรอก อีกอย่างถ้าคุณหญิงโทรมาอีกหรือไปหาฉันที่กระทรวงความมั่นคงโดยตรงนายก็ไม่ต้องพูดอะไร แค่บอกว่าฉันติดงานสัมมนาอยู่ที่อื่น ฉันไม่อยากให้พวกท่านต้องเป็นห่วง”
“รัฐมนตรี อย่างน้อยคุณก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะครับ มีผู้หญิงอย่างคุณที่ไหนที่เรื่องอะไรก็แบกไว้หมดคนเดียวบ้าง?”
ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ สิบปีนี้เวลาส่วนมากเหมือนว่าเธอผ่านมันมาเพียงลำพังจริงๆ
ข้างกายมีผู้คนคอยห่วงใยมากมายตั้งแต่ครอบครัวไล่ไปถึงเพื่อน แต่คนที่สามารถแทรกเข้าไปในหัวใจเธอจริงๆ ได้นั้นแทบไม่มี
เธอเก็บตัวเองไว้ในเปลือก ไม่อยากเผยมุมที่อ่อนแอให้ใครเห็น
“ฉันวางสายก่อนล่ะ พอดีว่าเหนื่อยนิดหน่อย ถ้าไม่ใช่งานเร่งด่วนอะไรรอฉันกลับไปแล้วค่อยจัดการ แต่ถ้าเร่งด่วนให้โทรหาฉัน โรงพยาบาลมีสายชาร์จแบต ฉันจะเปิดเครื่องไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ครับ”
หลังวางสายจากไป๋หลาง ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงเห็นหมายเลขที่ไม่ได้รับสิบสายนั่นอีกครั้ง
เมื่อคืนอวิ๋นช่วนได้ยินไปมากเท่าไร…กับเรื่องของตนและเย่เซียว?
ไม่ว่าจะเท่าไร เธอต้องให้คำอธิบายแก่เขาสักหน่อย
เงียบไปอึดใจสุดท้ายไป๋ซู่เย่ก็โทรหาเบอร์อวิ๋นช่วน รอสายอยู่ครู่เดียวอีกฝ่ายรีบกดรับทันที “ซู่ซู่?”
เสียงอวิ๋นช่วนแฝงด้วยความประหม่าปนกังวลเสียส่วนมาก
ไป๋ซู่เย่นึกขอบคุณในใจ “ฉันเอง”
“ผมเป็นห่วงคุณมาก”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไร”
อวิ๋นช่วนเงียบไปได้เพียงครู่ ส่วนไป๋ซู่เย่ที่กำโทรศัพท์อยู่ทางนี้เองก็จมอยู่ในความเงียบ
พักใหญ่เธอชิงพูดก่อน “ขอโทษ…”
อวิ๋นช่วนถามอึกอัก “นั่นแฟนคุณเหรอ?”
“…เปล่า แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันค่อนข้างซับซ้อน”
“เขาไม่ดีกับคุณ” อวิ๋นช่วนคาดเดาว่าพวกเขาอาจจะมีความสัมพันธ์เป็นอดีตคนรัก วันนั้นในโทรศัพท์เขาพอจะได้ยินเสียงบทสนทนาบ้าง
“ฉันไม่จำเป็นต้องให้เขาดีกับฉัน อวิ๋นช่วน ฉันอธิบายความสัมพันธ์ของฉันกับเขาให้คุณไม่ได้ แต่…เพื่อความยุติธรรม ฉันคิดว่าก่อนที่ฉันยังจัดการความสัมพันธ์ของฉันกับเขาได้ เราอย่าเพิ่ง..”
“ซู่ซู่ เราเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมต่อผมหรอก คุณยิ่งไม่ต้องขอโทษผม ถูกต้องที่ผมเสียใจนิดหน่อย แต่ที่ผมเสียใจไม่ใช่เพราะผมไม่สามารถครอบครองคุณได้ แต่คิดว่าคุณน่าจะได้คนรักที่ให้เกียรติคุณ ใส่ใจคุณ ไม่ใช่อย่างเขาที่ไม่ให้ความเคารพพื้นฐานแก่คุณด้วยซ้ำ”
หัวใจของไป๋ซู่เย่อุ่นซ่านขึ้นมาเล็กน้อยเพราะอวิ๋นช่วน เธอยิ้ม “ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดทั้งหมด คุณสบายใจได้ ฉันเป็นคนฉลาด ไม่มีทางโง่ถึงขั้นทรมานตัวเองหรอก”
ได้ยินเธอว่าเช่นนี้อวิ๋นช่วนก็รู้สึกโถ่งอกเสียทีเลยยิ้มตาม “ผมเองก็เชื่อว่าคุณเป็นฉลาด”
ขณะนั้นเองประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเคาะ ไป๋ซู่เย่มองประตูแวบหนึ่งเห็นเพียงถังซ่งกับพยาบาลดันประตูเข้ามา เธอจึงกล่าวลาอวิ๋นช่วนไม่กี่ประโยคก่อนวางสายไป
“โทรคุยกับใครน่ะ หวานเชียว” ถังซ่งเข้ามาปุ๊บก็หยอกล้อเธอทันที
“คุณใช้ตาข้างไหนเห็นว่าฉันหวานบ้าง? หัวโดนกระแทกซะขนาดนี้ ต่อให้เอาน้ำผึ้งมากรอกใส่เท่าไหร่ก็หวานไม่ขึ้นหรอก”
ถังซ่งหัวเราะ “ผมขอดูแผลคุณหน่อย หันข้าง”
ไป๋ซู่เย่นั่งหันข้าง ถังซ่งแกะผ้าพันแผลบนหัวเธอออกมาละทีรอบๆ “ผมจะเปลี่ยนยาให้ เจ็บนิดหน่อย อดทนหน่อยนะ”
“เย็บแผลยังทนมาได้ แค่นี้ไม่หนักหนาอะไรหรอก”
“คุณทำไมชอบฝืนจังเลย?” ถังซ่งแกะผ้าพันแผลไปพูดไป “เจ้าเย่เซียวก็ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง ถ้าคุณยอมอ่อนข้อกับเขาลงหน่อย ผมรับรองว่าคุณไม่ต้องถูกทรมานขนาดนี้หรอก”
ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่น “ตั้งแต่ตอนที่เราตกลงเซ็นสัญญาด้วยกันก็บอกไว้แล้วว่าในหนึ่งเดือนนี้ ฉันต้องเป็นตัวฉัน ไม่เสแสร้ง ไม่จงใจ ถ้าฉันยอมอ่อนลงจริงๆ นั่นอาจจะไม่ใช่ฉัน…”
ไป๋ซู่เย่ในลักษณะนี้เป็นแบบที่เย่เซียวเกลียดที่สุด
แต่ระหว่างพวกเขาต่างคนต่างเกลียด ความสัมพันธ์ไม่ถูกคอกันเหมือนน้ำไฟต่างหากถึงจะปลอดภัยที่สุด
“พวกคุณก็มัวแต่ไม่ยอมกันและกัน แต่ก็ใช่…” ถังซ่งพูดเปิดโปงพวกเขาอย่างทะลุปรุโปร่งในประโยคเดียว “พวกคุณสองคนถ้าไม่ทำแบบนี้ ไม่หาข้ออ้างมาทะเลาะกันหน่อย คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางกลับมามีปฏิสัมพันธ์ได้อีก”
มือไป๋ซู่เย่ที่กอดผ้าห่มอยู่กำแน่นในฉับพลัน หัวใจบีบคั้นเจ็บแปลบเพราะประโยคนี้ของถังซ่ง
ใช่ เธอกับเย่เซียวสองคน เดินอยู่บนเส้นทางคู่ขนานกัน
ตอนนี้มีจุดตัดกันทั้งทีและเป็นจุดตัดเพียงหนึ่งเดียว ปมที่แกะไม่ออกได้มัดพวกเขามารวมกัน หากวันหนึ่งปมนี้ถูกแก้ได้ พวกเขาคงมีแค่เดินหน้าต่อไป
จากนั้นก็ต่างไม่ยุ่งกันและกันอีก…
อยู่ๆ เธอรู้สึกเจ็บที่แผลเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว
“เสร็จแล้ว พันแผลใหม่นะ” ในชั่วขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยถังซ่งได้ใช้ผ้าก๊อซทำการปิดแผลให้เธอใหม่ เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อยับยั้งความรู้สึกอ่อนไหวนั่นลงไป
“วันนี้เย่เซียวมาหรือยัง?” ถังซ่งทำแผลไปถามไป
ไป๋ซู่เย่ยังไม่ทันตอบก็ได้ยินพยาบาลตัวน้อยข้างๆ ตอบแทน “คุณเย่เซียวไม่ได้กลับไปสักหน่อยนี่คะ อยู่ที่นี่ตลอดคืนเลย”
“อะไรนะ?” ถังซ่งกับไป๋ซู่เย่หันไปมองพยาบาลพร้อมกัน
“ทำไมพวกคุณมองฉันแบบนี้ล่ะ?”
“เมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมเห็นเขากลับไปเองกับตา” ถังซ่งมั่นใจว่าพยาบาลต้องจำผิดแน่ๆ
“แต่กลางดึกเขาก็กลับมาอีกนี่นา ฉันตรวจเช็คห้องเสร็จก็เจอเขาโดยบังเอิญตรงนอกห้อง ตอนนั้นคุณไป๋หลับสนิทไม่รับรู้อะไร แต่ไม่ว่ายังไงเมื่อเช้านี้ตอนฉันมาเช็คห้องอีกครั้งเขาก็ยังฟุบอยู่ข้างคุณไป๋อยู่เลย!”
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…
เมื่อคืนเขาอยู่จริงๆ ด้วย
ความรู้สึกที่หลากหลายพลุ่งพล่านในใจไป๋ซู่เย่
ถังซ่งหัวเราะ “บอกว่าเขาซึนก็คงพูดไม่ผิดจริงๆ ด้วย รู้อยู่แล้วว่าหมอนั่นต้องหนีไม่รอด รัฐมนตรีไป๋ เสน่ห์ของคุณมันล้นเหลือจริงๆ นะ ทำให้เย่เซียวเฝ้าทั้งคืน นานทีจะเห็นได้”
“คุณพอได้แล้ว ตอนนี้ฉันเป็นคนป่วยอยู่ไม่อยากฟังคุณยกยอ” ไป๋ซู่เย่พูดจบพลางเอ่ยเสริมเบาๆ อีกประโยค “ถ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นน่าหลันที่นอนโรงพยาบาล เขาก็คงเฝ้าเหมือนกันนั่นแหละ”
ถังซ่งเลิกคิ้วสูงอย่างมีเลศนัย “ก็ไม่แน่หรอก”
……………………………….