อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 651 รักและทะนุถนอมเธอ (1)
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่เย่เซียวก็กลับมาพอดี
ในมือมีถุงยา
ถังซ่งมองยานั่นแวบหนึ่งมุมปากก็กระตุก “ดูท่าทางจะอาการหนักกว่าที่ฉันคิดไว้นะ นายเนี่ย บอกแล้วว่าให้ไปเรียนวิชาจากผู้หญิงพวกนั้น นายกลับไม่ยอมอยู่ได้”
ไป๋ซู่เย่นอนคว่ำอยู่บนเตียงทำเพียงเหมือนไม่ได้ยิน ผู้ชายพวกนี้ติดนิสัยเอาเรื่องบนเตียงมาพูดกันโต้งๆ แบบนี้เลยหรือ?
“นายเปลี่ยนผ้าพันแผลเสร็จหรือยัง? เปลี่ยนเสร็จก็ออกไป” เย่เซียวเพิ่งเอายากลับมาก็เอ่ยปากขับไล่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ถังซ่งจิปากที “ก็ได้ ไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของพวกนายแล้วกัน”
เขาว่าแล้วเตรียมหันหลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน”ไป๋ซู่เย่นึกบางอย่างได้พลางหันกลับมามองถังซ่ง “วันนี้ฉันออกจากโรงพยาบาลได้ไหม?”
“ไม่ได้!”
ถังซ่งยังไม่ทันตอบเย่เซียวก็แย่งตอบไปก่อน
ถังซ่งแบมือทำหน้าระอา
“ถ้าเป็นแค่แผลภายนอก ฉันให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้”
“กลับไปที่บ้านผม?” เย่เซียวถาม
ไป๋ซู่เย่ส่ายหัว “กลับไปที่บ้านฉัน ยังไงโรงพยาบาลก็ไม่สบายเท่าที่บ้าน สภาพแวดล้อมที่สบายตัวน่าจะเอื้อต่อการรักษาแผลมากกว่า”
กลับไปที่บ้านเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับน่าหลันทุกวัน ไม่ได้มีผลดีต่อการพักฟื้นเลย
เย่เซียวหันกลับไปมองถังซ่ง ถังซ่งตอบ “ผมน่ะอยากแนะนำให้คุณพักผ่อนสักสองวันอยู่แล้ว แต่จากสภาพร่างกายของคุณจะกลับไปตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ขอแค่ทำแผลเองตามเวลา แต่คุณอยู่คนเดียวแล้วไหนจะเจ็บตรงหลังหัวอีก แค่ใส่ยาก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันหาวิธีได้”
ถังซ่งไม่ตอบแค่หันกลับไปมองเย่เซียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเย่เซียวอนุญาต
เย่เซียวพยักหน้า “ให้เธอออกจากโรงพยาบาล”
“OK” ถังซ่งหันไปสั่งพยาบาล พยาบาลพยักหน้ารับแล้วเดินนำออกไปก่อน
…………………………
พอถังซ่งออกไปภายในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือแค่เธอกับเย่เซียวสองคน เธอนึกถึงสิ่งที่พยาบาลบอกว่าเมื่อคืนเขาอยู่ที่นี่ทั้งคืน ก่อนจะเหล่มองเขาอีกที
“มองอะไร?”
ไป๋ซู่เย่ส่ายหัว “ไม่มีอะไร”
หยิบโทรศัพท์ออกมาจากใต้หมอน “ในเมื่อออกจากโรงพยาบาลได้แล้วงั้นฉันกลับก่อนล่ะ”
ไม่มีของติดตัวอะไร และที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าสำหรับให้เธอเปลี่ยนจึงต้องออกจากโรงพยาบาลในสภาพทรุดโทรมแบบนี้
เย่เซียวแค่นเสียงไปที เดินมาช้อนตัวเธอขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้าวขายาวออกไปทำให้ตัวกระแทกอกแกร่งเขา กลิ่นกายชายหนุ่มลอยเตะจมูก ไป๋ซู่เย่มองเขาด้วยสีหน้าสับสนแวบหนึ่ง “เย่เซียว ฉันเดินเองได้”
“ไม่เจ็บแล้ว?”
“…ก็เพราะคุณไม่ใช่หรือไง” ไป๋ซู่เย่พึมพำ
เย่เซียวได้ยินแต่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เดินไปถึงนอกห้องพักผู้ป่วยถึงกล่าวขึ้น “วันหลังอย่าทำให้ผมโกรธอีก คงไม่ต้องถูกทรมานถึงขนาดนี้”
ได้ยินคำพูดเขาไป๋ซู่เย่นิ่งค้างไปครู่ขณะ
เผลอตอบออกมาเสียงเบาๆ “เรา…ยังมีวันหลังอีกเหรอ?”
ร่างสูงใหญ่ของเขาสะท้านกึก เผลอกระชับแรงที่อุ้มเธอแน่นขึ้นรวมถึงลมหายใจที่หนักอึ้งขึ้น
“คุณอยากยกเลิกสัญญาฉบับนั้นกับผมจนแทบอดใจไม่ได้แล้วใช่ไหม?” เย่เซียวถามด้วยอารมณ์ราบเรียบ ยากจะตัดสินว่าดีใจหรือโกรธ
หัวใจไป๋ซู่เย่ว่างเปล่า
อดใจไม่ไหว? เธอคิดว่าตัวเองควรอดใจไม่ไหว…
แต่ถึงตอนนี้เหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น
เธอใช้แขนโอบรอบคอเย่เซียวพร้อมซบหน้ากับอกเขาเบาๆ การกระทำเล็กๆ นี้ทำให้แววตาเย่เซียวเผยความอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิม แค่ได้ยินเธอกล่าว “เราสองคนอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าวันแล้ว ตอนนี้คุณ…ปล่อยวางได้หรือยัง?”
เย่เซียวไม่ได้หยุดฝีเท้า “หมายความว่ายังไง?”
“ฉันในสิบกว่าวันนี้เป็นไป๋ซู่เย่ตัวจริง ไม่ใช่ไป๋ซู่เย่ที่ไม่สนโลก ใสซื่อบริสุทธิ์ในใจคุณอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้น…หลังจากสิบสองวันนี้ คุณจะปล่อยวางมันได้ไหม?”
คำพูดของเธอเรียกให้เขาจมอยู่ในความเงียบพักใหญ่
กระทั่งอุ้มเธอออกจากโรงพยาบาลวางตัวลงบนรถเขา เขาก็ยังไม่เปิดปากตอบคำถาม
เดิมทีไป๋ซู่เย่คิดว่าเขาคงไม่ตอบคำถามตนอีกแล้ว แต่ในจังหวะที่เขาวางเธอลงบนเบาะข้างคนขับ กลับย้อนถามโดยไม่ได้ถอยออกไปทันที “คุณล่ะ?”
เธอใช้สายตาจ้องมองเขานิ่ง
ตัวของเขาสูงใหญ่ พอโน้มตัวแทรกเข้ามาในรถทำให้ดูพื้นที่แคบลง สองแขนยันข้างลำตัวเธอและร่นพื้นที่สำหรับหายใจของเธอให้น้อยที่สุด กลิ่นมินต์สดชื่นประจำตัวชายหนุ่มที่ร้อนผ่าวรดใส่หน้าเธอ เธอรู้สึกในหัวอื้ออึงพร่ามัว เห็นแค่กลีบปากแสนเซ็กซี่ของเขาที่ขยับไปมา “สิบสองวันหลังจากนี้ คุณจะเป็นยังไง?”
คำถามนี้สร้างความเจ็บแปลบแก่หัวใจเธอ ความเจ็บจึกที่เหมือนมีเข็มแทงลงซ้ำๆ ไม่ได้เจ็บมากในแต่ละทีแต่เจ็บยาวนาน
เวลาสิบปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้ปล่อยวางมัน แล้วสิบสองวันสั้นๆ นี้จะปล่อยวางได้อย่างไร?
แต่ถ้อยคำทั้งหมดนี้กลับไม่สามารถพูดมันออกมาได้ตลอดชีวิต…
“สิบสองวันหลังจากนี้ ฉันจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ใช้ชีวิตที่ผู้หญิงทุกคนควรมี”
เขาขมวดคิ้วคล้ายฟังเธอไม่เข้าใจ “อะไรคือชีวิตที่ผู้หญิงทุกคนควรมี?”
ไป๋ซู่เย่สบตาเขาแน่วแน่ ดวงตาใสวาวน่าหลงใหล “แม่ฉันเร่งเร้าให้ฉันหาคนรักตลอด เร่งให้ฉันแต่งงาน ก็เลย…”
ปวดใจเจ็บแปลบ
เย่เซียวตาเข้มแล้วเข้มอีก ชั่วครู่ถัดมาจู่ๆ ก็บีบใต้คางเธอโน้มตัวปิดปากเธอแรงๆ เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดคำตอบที่กำลังจะออกจากปาก
กลิ่นอายชายหนุ่มโถมเข้ามา แพขนตาไป๋ซู่เย่กะพริบหลายครั้ง รู้สึกเพียงว่าร่างกายเริ่มอ่อนแรง
“จูบผม!”เย่เซียวประกบปากกับปากของเธอ เสียงแหบพร่าออกคำสั่ง
ความปวดใจแล่นลิ่วขึ้นมาในอก จากนั้นเจ้าตัวคล้องสองแขนโอบลำคอเขาเหมือนคนที่กำลังจมน้ำ แนบริมฝีปากประกบอย่างอดใจไม่ได้ ทั้งตอบรับการรุกล้ำ ทั้งเลียนแบบเขาเป็นฝ่ายดูดดึงปากเขา ลิ้นเกี่ยวกระหวัดเขาอย่างกระตือรือร้น…
เขาหายใจหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ
“สิบปีก่อน คุณยังติดค้างผมไว้มาก ก่อนที่จะชดใช้คืนทั้งหมดอย่าหวังว่าจะได้แต่งงาน!” เย่เซียวหอบหายใจพูดเสียงทุ้มอย่างเอาแต่ใจ แต่ปากกลับยังแนบชิดกลีบปากเธอ มือใหญ่กดเอวเธอให้ประชิดตัวเขา “ได้ยินไหม?”
ไป๋ซู่เย่สติพร่ามัวพลางตอบรับออกมาสั้นๆ ‘อืม’
เสียงหอบครางของเธอเย้ายวนใจอย่างมาก ประเภทที่ผู้ชายทุกคนยากจะควบคุมตัวเองไหว หลายครั้งก่อนหน้านี้กอดเธอเขาต้องอดกลั้นไม่ให้เอาแต่ใจเกินไป ตอนนี้กลับกล้าเอาแต่ใจได้เต็มที่แล้ว!
เย่เซียวรู้สึกว่าเธอจงใจทรมานเขา เขาตะครุบมือที่ลูบไล้ไปทั่วของเธอไว้ ใช้ดวงตาร้อนเป็นไฟมองเธอ “พอแล้ว!”
“ตอนนี้ฉันเจ็บเพราะคุณขนาดนี้ คุณจะทรมานฉันอีกไหม?”
……………………………………..