อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 654 รักและทะนุถนอมเธอ (4)
ตอนไป๋ซู่เย่อาบน้ำก็พยายามไม่ให้โดนแผลบนศีรษะ ตามตัวเต็มไปด้วยรอยจูบและรอยฟันของเขา ดูน่าสะพรึงมาก
เธอยังกระตุกวูบยามนึกถึงค่ำคืนนั้น
การกอดที่ถูกต้องอย่างแรกต้องรักกันทั้งสองฝ่าย แต่สำหรับตัวเองแล้ว…เย่เซียวคงมีแต่ความเกลียดชังและความอยากระบายที่มีให้…
เธอปล่อยวางลงบ้างไม่ได้คิดมากไปกว่านี้ พอทายาให้ตัวเองเสร็จก็หยิบชุดนอนห่อหุ้มตัวเอง
ภายใต้ชุดนอนไม่ได้สวมอะไรทั้งสิ้น บ้านตัวเองขอแค่สบายก็พอ
เดินออกไปคิดจะหยิบโน้ตบุ๊คในห้องหนังสือมาเปิดอีเมล พอมาถึงห้องนั่งเล่นกลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเย่เซียวดังมาจากระเบียง
“ส่งเอกสารทั้งหมดมาที่นี่ อืม…มื้ออาหารที่นัดลูกค้าไว้สองวันนี้ก็เลื่อนวันซะ…เธอบาดเจ็บนิดหน่อย ไม่ถือว่าหนักมาก…โอเค”
ไม่ได้พูดอะไรมากก่อนจะวางสายไป
ไป๋ซู่เย่มองแผ่นหลังค้างอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการที่เขาให้เอาเอกสารมาส่งที่นี่ หรือว่าเขาคิดจะทำงานในห้องเธอ?
เย่เซียววางสายหันกลับมาเห็นเธอยืนมองตัวเองจากห้องนั่งเล่น พอเลื่อนสายตาดูชุดที่เธอใส่อีกทีดวงตาเข้มล้ำลึกฉายแววอันตราย “คุณกล้ามายืนต่อหน้าผมโดยไม่ได้ใส่อะไรข้างใน เพราะมั่นใจว่าผมไม่กล้าทำอะไรคุณตอนนี้ใช่ไหม?”
ไป๋ซู่เย่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้บนตัวมีเพียงกระโปรงนอนเส้นไหมสีดำ เห็นได้ชัดว่าโปร่งบางเล็กน้อยทำให้เขาเห็นเนื้อหนังข้างในทั้งหมดภายในแวบเดียว
เธอรีบถอยกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสำหรับอยู่บ้านออกมาในเวลาอันรวดเร็ว เย่เซียวนั่งบนโซฟา พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันกลับมามองเธอนิดๆ
ชุดลำลองสีเทาทั้งตัว
ผมยาวที่เดิมทีปล่อยประบ่าถูกรวบมัดไว้หลังศีรษะด้วยยางมัดผมสีดำ ปล่อยปรอยผมปรกข้างแก้มสองสามจุก เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงเธอเข้ากับรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงที่ปกติเป็นคนเด็ดขาด เจ้าแผนการแถมยังโหดร้ายอำมหิตคนนั้นเข้าด้วยกันได้ ตอนนี้ดูสดใสน่ารักและอ่อนเยาว์ลงไม่น้อยแต่ไม่สิ้นความสวยอันเย้ายวนใจ
ไป๋ซู่เย่รู้สึกได้ถึงสายตาเขาที่จ้องมองตัวเอง ถูกเขามองจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
เธอเอ่ยปากก่อน “เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณคุยโทรศัพท์ คุณให้หยูอันเอาเอกสารมาส่งที่นี่เหรอ?”
“อืม”เขาตอบกลับเสียงเรียบคล้ายกำลังอยู่บ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เปิดโทรทัศน์หยิบรีโมตกดเปลี่ยนช่องตามใจตัวเอง
“คุณไปทำงานที่บริษัทก็ได้ ฉันไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอก”
ไล่เขาไปอีกแล้ว!
เขาขมวดคิ้วตีหน้าขรึม “คุณไม่ต้องสนใจผม”
“…”ไป๋ซู่เย่เอือมระอาจริงๆ นี่บ้านของเธอนะ เธอจะไม่สนใจได้อย่างไร?
แต่เธอเองก็รู้ดีว่าเย่เซียวได้ตัดสินใจแล้ว ใครเล่าจะเปลี่ยนใจเขาได้? อีกอย่างหากเขาคิดได้จริงๆ ว่านี่คือบ้านเธอก็ไม่มีทางปั๊มกุญแจไว้โดยพลการ แต่หากตัวเองพูดมากไปก็ต้องเปลืองน้ำลายสูญเปล่าแน่ เผลอๆ อาจทำให้เขาโกรธขึ้นมา พอคิดอย่างนี้แล้วไป๋ซู่เย่จึงไม่ได้พูดอะไรอีก กล่าวเพียง “งั้นฉันไปทำงานของฉันก่อน”
…………………………
แค่ไม่กี่วันกล่องอีเมลก็เต็มไปด้วยอีเมลฉบับใหม่
สองชั่วโมงเธอเพิ่งจัดการไปได้เพียงสองสามฉบับเท่านั้น เสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากข้างนอก เธอรู้สึกมึนหัวหน่อยๆ จึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
เปิดประตูห้องหนังสือออกไป ได้ยินเสียงหยูอันดังเป็นอันดับแรก
“นายท่าน นี่เป็นเอกสารที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จวันนี้ ส่วนกองนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ”หยูอันยกเอกสารกองหนึ่งเข้ามาวางไว้บนโต๊ะเตี้ย ด้านหลังมีคนถือเสื้อเชิ้ตตัวเรียบ เสื้อสูท เนกไทเข้ามา “นายท่าน เสื้อผ้าให้วางไว้ไหนครับ?”
ไป๋ซู่เย่ที่เงียบเสียงมาตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็ได้สติกลับมาเสียที
“เย่เซียว นี่คุณทำอะไร?”
“ตู้เสื้อผ้าของคุณอยู่ในห้องนอนหมดเลยเหรอ?” เย่เซียวไม่ตอบแต่ถามกลับ
“ใช่ แต่…”
“งั้นก็วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวให้เธอเก็บ” เย่เซียวบอกให้คนที่ถือเสื้อผ้าเข้ามา ไป๋ซู่เย่คิดว่าหากเธอไม่ได้ตีความหมายผิดไปเอง ‘เธอ’ ที่เขาพูดถึงน่าจะหมายถึงตัวเอง
“ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับไปเถอะ” เย่เซียวเอ่ยปากไล่พวกเขา
ทุกคนต่างถอยออกไปเงียบๆ
หยูอันยืนอยู่ห้องนั่งเล่นนิ่งไม่ขยับตัวอยู่พักหนึ่ง มองเย่เซียวแล้วมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่งโดยที่หัวคิ้วย่นเข้าหากัน
ไป๋ซู่เย่ตอบ “ฉันรู้ว่าคุณอยากพูดอะไร แต่ฉันไม่ได้เป็นคนรั้งเขาไว้ที่นี่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
หยูอันอาจเป็นคนที่ไม่อยากเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันมากที่สุด
“รัฐมนตรีไป๋ ทางที่ดีคุณอย่าให้ผมจับได้ว่าคุณมีแผนอื่นอีก!”
ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ “ถ้าฉันมีแผนอื่นจริงๆ ก็ต้องเหมือนสิบปีก่อน ไม่มีทางให้คุณจับได้”
“คุณ!”หยูอันก้าวขาเข้าหาหนึ่งก้าว
เย่เซียวยกแขนขวางเขาไว้ “พอแล้ว นายเองก็กลับไปเถอะ ค่ำๆ ค่อยมาเอาเอกสาร”
เขาว่าแล้วเหลือบมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่ง “ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อสิบปีก่อน เธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!”
สิ่งที่เธอทำร้ายได้ก็เป็นแค่คนที่เคยรักเธออย่างแท้จริง คนที่เคยเป็นห่วงเธออย่างแท้จริง อย่างเช่นเขา อย่างเช่นหยูอัน หากแต่ตอนนี้ต่อให้ไม่เหมือนเดิมแล้วแต่เธอไม่มีอาวุธที่จะใช้ทำร้ายใครได้ด้วยซ้ำ จะต้องกังวลอะไรอีก?
หยูอันไม่มีทางหือต่อหน้าเย่เซียว สุดท้ายใบหน้าที่เกร็งแน่นผ่อนคลายลง กล่าวลากับเย่เซียวเสร็จปิดประตูออกไป
ยืนอยู่นอกประตู หยูอันหันกลับมามองอีกรอบ
สีหน้าดูซับซ้อน
เย่เซียวปล่อยวางไป๋ซู่เย่ได้จริงๆ แล้วหรือ? หากเป็นอย่างนั้นย่อมดีที่สุด
แต่หากไม่ใช่…ผลลัพธ์ของมันจะเป็นอย่างไร?
หากเขาอยู่กับไป๋ซู่เย่จริงๆ นั่นหมายความว่าได้ทรยศพี่น้องที่สูญเสียไปเมื่อสิบปีก่อน ยิ่งทรยศเหล่าพี่น้องที่ซื่อสัตย์และติดตามเขามาตลอดหลายปี!ถึงเมื่อนั้นสิ่งที่เขาต้องแบกรับใช่ว่าจะเป็นเพียงการยิงทะลุท้องไส้เหมือนเมื่อสิบปีก่อนเท่านั้น
หยูอันจำต้องกังวล
เพราะความกังวลนี้เลยระแวงไป๋ซู่เย่ไปทวีคูณ
…………………………
พอหยูอันกลับไป ในห้องเหลือเพียงไป๋ซู่เย่กับเย่เซียวสองคน
เย่เซียวหยิบเอกสารเดินไปที่ห้องหนังสือ ทุกท่วงท่าดูเป็นธรรมชาติเสียยิ่งกว่าอะไรเหมือนที่นี่คือบ้านของเขาก็ไม่ปาน เดินไปเดินมาอย่างสบายใจไม่ได้รู้สึกติดขัดตรงไหน และไม่คิดจะเกรงใจเธอเลยสักนิด
เดินมาถึงประตูก็หันกลับมาบอกเธอ “ถ้าว่างล่ะก็ช่วยเก็บเสื้อผ้าให้ผมหน่อย แขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าคุณก็พอ”
“…”ไป๋ซู่เย่มึนไปชั่วขณะ เดินตามไป “เย่เซียว คุณคิดจะค้างที่นี่จริงๆ เหรอ?”
เย่เซียวมองเธอ “ถ้าคุณไม่ต้อนรับ งั้นคุณก็กลับไปบ้านผม นี่เป็นสิ่งที่คุณตกลงกับผมไว้ก่อนหน้านี้ คุณเลือกเอง”
“งั้นคุณก็ค้างที่นี่เถอะ” ไป๋ซู่เย่เลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
“อืม”เย่เซียวดันประตูห้องหนังสือเข้าไปแล้ว
ไป๋ซู่เย่มองเสื้อผ้าของเขาที่วางบนโซฟาแวบหนึ่งแล้วเงียบไปอึดใจ แล้วก็ยกเสื้อผ้าราคาแสนแพงกองนั้นเข้าไปในห้องนอน
เธอมีห้องนอนห้องเดียว ตู้เสื้อผ้าตู้เดียว
ฉะนั้นจึงต้องแขวนเสื้อผ้าของเขาไว้ในตู้ของตัวเองด้วย
………………………………..