อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 658 อาศัยด้วยกันอย่างอบอุ่น (3)
ตกดึก
พออาบน้ำเสร็จทั้งคู่ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแต่นั่งแช่ในห้องหนังสือเหมือนเดิม เวลาค่อยๆ ผ่านไป รอเย่เซียวจัดการงานที่เหลือจนหมดก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเธอโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงเธอเผลอหลับไปก่อนโดยใช้สองแขนกอดเข่า ตัวงอขุดคู้บนเก้าอี้และหันข้างน้อยๆ มายังทิศทางเขา ท่าทางหลับตานอนใสซื่อไร้พิษสง แตกต่างจากตอนปกติที่ใส่ชุดในเครื่องแบบอย่างสิ้นเชิง เย่เซียวนั่งพิงเก้าอี้หรี่ตามองเธออย่างหลงใหล จากนั้นก็ย่ำเท้าไปหาเธอเหมือนต้องมนต์
สายตาของเขาไล่กวาดไปตามใบหน้าดวงเล็กของเธอจรดที่พื้นที่ขาวเนียนที่แอบอยู่ใต้เส้นผมสยายตรงหลังคอ บนนั้นเต็มไปด้วยรอยจูบและรอยฟันของเขา ขับให้ดูวาบหวามและคลุมเครือหน่อยๆ
เขาเริ่มหายใจหอบพลางโน้มตัวลงจูบหลังลำคอระหงของเธอเบาๆ หนึ่งที ปากแตะกับผิวหอมอ่อนๆ สดชื่นของเธอจนรู้ตัวว่าเริ่มอยากได้มากกว่านั้นอย่างห้ามใจไม่ไหว ย่อตัวนั่งลงไปจ้องปากแดงอิ่มของเธอนิ่ง ปากที่ราวกับกลีบดอกไม้แสนน่ารัก และเหมือนของหวานน่าลิ้มลอง กำลังส่งกลิ่นเย้ายวนใจเขาจนยากจะห้ามใจ
สายตาลึกซึ้งมากขึ้น เร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจหนักอึ้ง
ประกบจูบปากของเธอไว้อย่างไม่รอช้า สัมผัสนุ่มเหมือนขนมมาร์ชเมลโล่ที่เคยชิมในวัยเด็ก ต่อให้เย่เซียวมีความอดทนสูงมากแค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้แก่ไป๋ซู่เย่อยู่ดี! เขาพ่นลมหายใจไปทีก่อนจะเริ่มรุกล้ำโพรงปากเธอให้จูบนี้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม ………………
ไป๋ซู่เย่สะลึมสะลือ รู้สึกเพียงมีความอุ่นร้อนบางอย่างโอบล้อมเธอไว้ เธอครางเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้
“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มแหบของชายหนุ่มดังก้องอยู่ข้างหู เซ็กซี่จนน่าใจสั่น
เย่เซียว…
เธอเปิดเปลือกตาออก ใบหน้าหล่อเหลาของเย่เซียวห่างอยู่เพียงแค่คืบ ตอนนี้ความเย็นชาบนใบหน้านั้นถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่ปะทุขึ้นด้วยความรู้สึกหลงใหล
หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวอย่างควบคุมไม่อยู่ กลีบปากขยับอ้าเพราะรู้สึกลำคอแห้งผาก อยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายได้แค่พึมพำออกเสียงว่า “เย่เซียว…”
สองพยางค์นี้เคยถูกขานออกจากปากของคนนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีใครจะเรียกกระตุ้นความรู้สึกเขาได้ขนาดนี้
ลมหายใจหนักอึ้ง เย่เซียวเชยปลายคางเธอขึ้นแล้วแนบปากทาบทับลงไปใหม่
อาจเป็นเพราะอดกลั้นมานาน สิบปีเต็มสินะ…ฉะนั้นทั้งคู่เหมือนคนที่พบเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย พอฝ่ายหนึ่งแตะโดนปากของฝ่ายหนึ่งก็ลืมเลือนความทรยศหักหลังในอดีตไปชั่วคราว ความคาดหวังในตอนนี้มีเพียงต้องการให้อีกฝ่ายตอบสนองตนมากกว่านี้ ไป๋ซู่เย่เหมือนเรือลำเล็กที่ลอยคอกลางมหาสมุทร ถูกคลื่นความต้องการซัดกระหน่ำให้เธอแทบจมดิ่งลงไป เธอค่อยๆ คลายมือที่กอดเข่าเพื่อโอบคล้องลำคอเย่เซียวไว้โดยอัตโนมัติ เชิดใบหน้าเล็กตอบรับรสจูบของเขาอย่างไม่คิดจะห้ามใจ
ในหัวเย่เซียวตอนนี้ไม่มีความคิดใดๆ อาศัยอารมณ์ชั่ววูบคอยกัดทึ้ง ดูดดึงเธอหนักๆ กอดเธอไว้แรงๆ คล้ายจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว และเหมือนจะกอดเธอให้ฝังหลอมรวมเป็นร่างเดียวกับตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด
มือใหญ่ของเขาสอดเข้าใต้ร่มผ้าชุดนอนของเธออย่างไม่รอช้า
“อื้อ เย่เซียว…รอเดี๋ยว…ไม่นะ…” ไป๋ซู่เย่เกร็งตัวแน่นพลางกดมือเขาไว้ ปากของเธอผละออกห่างจากปากเขาเล็กน้อยขณะที่ดวงตาปริ่มน้ำ “ข้างล่างฉันยังมีแผล…”
“ผมรู้”เย่เซียวหายใจผิดจังหวะ ใช้ความอดทนระดับสิบถึงปรับน้ำเสียงตัวเองให้ฟังดูปกติขึ้นมาบ้าง “ผมจะทายาให้”
“ฉัน…ฉันทำเองได้”
“นั่งรออยู่ตรงนี้”เย่เซียวไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ ปล่อยเธอแล้วลุกเดินออกจากห้องหนังสือ
กระทั่งเขาเดินออกไปแล้วไป๋ซู่เย่ยังตัวอ่อนแรง กอดตัวเองโดยที่หายใจหอบหนักไปด้วย ความรู้สึกพลุ่งพล่านในร่างกายยังไม่สงบลง
ไม่นานเย่เซียวก็กลับมาพร้อมยาในมือ เธออดหน้าแดงไม่ได้ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ “ฉันทาเองดีกว่า ฉันไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”
“คุณอายเป็นด้วยเหรอ?”เย่เซียวไม่เอายาให้เธอแต่กลับใช้มือข้างเดียวกดเอวเธอรั้งร่างอ่อนนุ่มของเธอเข้าหาตัวเอง
เธอปากแข็ง “ฉันไม่ได้อาย แต่เพราะคุณคิดไม่ดีต่างหาก”
“ผมจูบจนแทบจะกลืนกินคุณอยู่รอมร่อ คุณยังหวังให้ผมคิดดีกับคุณอีกเหรอ?”เขากลับยอมรับได้อย่างหน้าไม่อาย ไป๋ซู่เย่เถียงเขาไม่ไหว กับเรื่องแบบนี้เย่เซียวในสิบปีให้หลังหน้าหนากว่ากำแพงเมืองเสียอีก
เย่เซียวทายาให้เธอ เธอรู้สึกเหมือนแข้งขาอ่อนแรงแต่กลับฝืนทนไว้ กัดปากไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงคราง สองมือกำแขนเสื้อชุดนอนเขาแน่นเพื่อประคองร่างกายที่ร้อนรุ่ม อ่อนระทวยและสั่นระริกของตัวเอง
เธอต้องไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าท่าทางของเธอแบบนี้เรียกให้คนพบเห็นต้องการเธอยิ่งกว่าเดิม!
เย่เซียวนัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีเข้ม บีบยาใส่มือมองเธอแวบหนึ่งพลางพูดเสียงต่ำ “จะนั่งบนเก้าอี้ไหม? ผมกลัวคุณยืนไม่ไหว”
“ไม่มีทาง!”
เขาเลิกคิ้วสูง “ได้ งั้นแบบนี้เลยแล้วกัน”
“อื้อ”ยังรู้สึกเจ็บบ้างขณะที่ปลายนิ้วเขาแตะบนแผลเธอ
เย่เซียวเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเธอจึงผ่อนแรงลง สักพักความเจ็บปวดเริ่มหายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกประหลาดอีกแบบหนึ่ง
“ยังเจ็บไหม?”เขาถาม
เธอส่ายหัว
รู้สึกเพียงว่ามีไฟฟ้าแล่นริ้วตามปลายนิ้วที่ไล้ผ่านของเขา สุดท้ายไป๋ซู่เย่ก็ไม่อาจควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายได้ เธอครางฮึมออกมาโดยสองมือรีบคว้าลำคอเย่เซียวไว้ไม่ให้ตัวเองทรุดลงกับพื้นในสภาพทุลักทุเล
เย่เซียวใช้มือเดียวกอดเอวเธอ ก้มหน้าเล็กน้อยใช้ดวงตาที่ถ่ายทอดความต้องการจ้องเธอ กดเสียงถาม “คุณเองก็อยากได้ใช่ไหม รู้สึกกับผมบ้างแล้วใช่ไหม?”
การที่ผู้หญิงของตนมีความต้องการในแง่นั้นกับตัวเองด้วยเช่นกันนั้นถือเป็นเรื่องที่ผู้ชายภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง เย่เซียวอยากสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นบ้าง อย่างที่ถังซ่งกล่าวไว้ว่าต้องใช้เทคนิคสยบเธอบนเตียงให้ได้
“…ไม่เอา คุณรุนแรงเกินไป” สิ่งที่ไป๋ซู่เย่พูดนั้นจริงบ้างไม่จริงบ้าง เขารุนแรงจริงเพราะแผลเหล่านั้นก็เป็นหลักฐานยืนยืนได้อย่างดี
“คราวหลังผมจะพยายามทำเบาๆ”
หัวใจของไป๋ซู่เย่เต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็วแต่ปากกลับตอบกลับไปว่า “เชื่อคุณได้ไหม?”
“ลองดูเดี๋ยวก็รู้”
เธอไม่พูดอะไรอีก เย่เซียวโยนยาไว้ข้างๆ ก่อนก้มหน้าประกบปากเธออีกครั้ง เขารู้สึกกำลังเสพติดริมฝีปากอ่อนนุ่มนี้ ราวกับจูบอย่างไรก็ไม่พอ จูบจนปากทั้งคู่บวมแดง สองคนหายใจหอบหนัก ดวงตาฉ่ำวาวจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาลึกซึ้งแล้วจูบใหม่อย่างดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า
……………………………….