อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 659 อาศัยด้วยกันอย่างอบอุ่น (4)
“พอแล้ว!” จู่ๆ เขาก็กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งเมื่อปากของทั้งคู่แตะสัมผัสกันอีกครั้ง “คุณออกไป กลับไปนอนในห้อง”
ปากของไป๋ซู่เย่ค้างเติ่งกลางอากาศ แขนที่โอบลำคอเขาอยู่ก็ชะงัก มองเขาอย่างเสียหน้าและผิดหวัง
คิดว่าสภาพนี้ของตัวเองต้องตลกมากแน่ๆ
เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องโกรธ แขนปล่อยออกจากลำคอเขา หมายจะเดินเลี่ยงไปทันทีโดยไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว เย่เซียวคว้าข้อมือเธอไว้ เธอก็สะบัดแขนเขาทิ้ง “ฉันจะกลับไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์!”
ทุกคำพูดแฝงด้วยความเฉยเมย แม้ปากจะบอกว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ แต่กลับไร้ความอบอุ่น
เย่เซียวดึงตัวเธอไปกักไว้ในอ้อมแขน ใช้สายตาร้อนแรงจ้องเธอจนเธอเริ่มหงุดหงิด “เย่เซียว ปล่อยฉันนะ!”
เขาคิดจะทำอะไร?
คนจูบเธอเป็นเขา คนที่บอกว่าพอแล้วก็เป็นเขา ตอนนี้คิดจะทำอะไรอีก? ปั่นหัวเธอเล่นหรือ?
“ผิดหวังเหรอ?” เย่เซียวถามเธอด้วยน้ำเสียงที่นานครั้งจะฟังดูสบายๆ
“ฉันเปล่า”ไป๋ซู่เย่คิดว่าความเสียใจที่เกิดขึ้นของตัวเองนั้นต้องไม่ใช่เพราะเกิดจากความผิดหวัง แต่รู้สึกเหมือนถูกเขาปั่นหัวจนเสียหน้า ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ
“ถ้าจูบต่อผมว่าแผลของคุณคงไม่มีวันหายแล้ว!” เย่เซียวพูดเสียงแหบคล้ายอธิบาย บีบคางที่เชิดขึ้นของเธอ “กลับไปนอนในห้องนอน ล็อกประตูด้วย!”
“…” ไป๋ซู่เย่ได้ยินก็นิ่งค้างไปชั่ววูบ
เย่เซียวเห็นเธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจึงมุ่นคิ้ว “ได้ยินไหม?”
“อืม ได้ยินแล้ว” เธอเข้าใจอย่างฉับพลันว่าเมื่อครู่ทำไมเขาถึงผลักเธอออกแล้วให้ล็อกประตู? กลัวดึกดื่นแล้วตัวเองจะกลายร่างเป็นดั่งหมาป่าผู้หิวโหยหรือ?
“ได้ยินแล้วยังไม่ไปอีก?” เย่เซียวไม่สบอารมณ์ “รอให้ผมลอกตัวคุณแล้วจับกินก่อนเหรอ?”
ผู้ชายที่เกิดมีความต้องการแต่ระบายไม่ได้มันช่างฉุนเฉียวจริงๆ
“…” ไป๋ซู่เย่ปล่อยเย่เซียวแล้วเดินกลับเข้าห้องเงียบๆ เดิมทีแค่เดินแต่ภายหลังเลือกที่จะวิ่งเหยาะๆ ไปจากห้องหนังสือ
ล็อกประตูตามคำสั่งของเขาถึงทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียง เอาหมอนรองใต้อกแต่หัวใจตำแหน่งนั้นยังเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ชายคนนี้…
เป็นฝ่ายหยอกเธอเองแต่รสจูบกลับดีเกินคาด
เธอใช้นิ้วลูบจับปากบวมแดงของตัวเอง
ฝีมือการจูบนี้ไม่รู้ว่าต้องผ่านการฝึกจูบผู้หญิงมามากขนาดไหนกันแน่
…………………………
ไป๋ซู่เย่พยายามให้ตัวเองหลับแต่ไม่รู้ว่าเพราะนอนกลางวันไปหนึ่งตื่นหรือเพราะเมื่อสักครู่จูบกับเย่เซียวเร่าร้อนเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงโดยไม่รู้สึกง่วงสักนิด
ในหัวอดคิดตลอดไม่ได้ว่าเย่เซียวที่ห่างกันเพียงกำแพงกั้นนั้นกำลังทำอะไร นอนหรือยัง นอนพื้นในห้องหนังสือเขาจะเป็นหวัดหรือเปล่า?
สุดท้ายเธอก็ลุกจากเตียงอย่างทนต่อไม่ไหว เปิดไฟในห้องก่อนเปิดประตูถือแก้วน้ำเดินออกไป
ในเมื่อนอนไม่หลับ ออกมาดื่มน้ำสักนิด สูดอากาศหายใจหน่อยดีกว่า
เธอคิดอย่างนั้นแต่พอเดินไปที่ห้องนั่งเล่นกลับเรียกให้เธอหยุดชะงักเท้า ห้องนั่งเล่นมีไฟมืดสลัวเปิดอยู่ดวงเดียว โทรทัศน์กำลังฉายรายการ เย่เซียวนั่งบนโซฟาราวกับกำลังดูโทรทัศน์
แต่ไป๋ซู่เย่เห็นแค่แผ่นหลังเขา ไม่รู้ว่าเขากำลังดูโทรทัศน์หรือกำลังสัปหงก
แต่เขาไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?
เธอถือแก้วน้ำเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
“ผมบอกให้คุณล็อกประตู กลางคืนอย่าออกมาไม่ใช่หรือไง?” เย่เซียวขมวดคิ้วหันกลับมามอง “คุณจงใจเหรอ?”
“คุณเคยบอกว่าตอนนี้จะไม่ทำอะไรฉัน ฉันเองก็เชื่อว่าคุณควบคุมตัวเองได้”
เขาแค่นเสียงหันหน้ากลับไปเผชิญกับโทรทัศน์ “ผมยังไม่เชื่อในความอดทนของตัวเองเลย คุณเชื่องั้นเหรอ?”
“…” ไป๋ซู่เย่กระชับชุดนอนบนตัวอีกหน่อย ยกแก้วน้ำของตัวเองขึ้น “ฉันออกมาเทน้ำชาให้ตัวเองสักแก้ว เดี๋ยวก็กลับไปนอนแล้ว”
เย่เซียวไม่พูดอะไรอีกและไม่ได้มองเธออีก
ขณะที่เธอเทน้ำชาในห้องครัว สายตาจดจ่อแผ่นหลังเขาไม่ห่าง แหงนหน้าดูเวลาแวบหนึ่งพบว่าใกล้ตีหนึ่งแล้ว เขายังใช้รีโมทกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทางจะกลับเข้าไปนอนเลย
“คุณยังไม่นอนเหรอ?” ระหว่างที่เดินออกจากห้องครัวผ่านห้องนั่งเล่น สุดท้ายเธออดไม่ได้ที่จะหยุดเดินตรงด้านหลังเขา
“นอนไม่หลับ”
“ทำไมถึงนอนไม่หลับ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ?” ดูเอกสารเหล่านั้น เขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลย
“อารมณ์ค้าง”
“…” ไป๋ซู่เย่หมดคำจะพูด
“ทำไมคุณยังไม่นอน อารมณ์ค้างเหมือนกันเหรอ?”
“ฉันไม่เหมือนคุณสักหน่อย” ไป๋ซู่เย่รู้สึกละอายใจหน่อยๆ “ฉันไปนอนก่อนนะ คุณเองก็รีบพักผ่อนล่ะ”
“ช่องนี้กำลังฉายหนังวรรณกรรมที่คุณชอบดู จะดูไหม?” เย่เซียวถามขึ้นกะทันหัน
เธอชะงักกึกเผลอหยุดฝีเท้าที่กำลังมุ่งหน้ากลับห้องนอน หันมองเขาเห็นว่าเขามีสีหน้าอึดอัดอยู่วูบหนึ่ง “ผมแค่ถามไปอย่างนั้น ก็ไม่มีอะไรน่าดู ไปนอนเถอะ”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้กลับห้องนอนแต่วางน้ำชาลงบนโต๊ะเตี้ยก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงอีกฟากของโซฟา
เวลาตีหนึ่ง ทั้งสองคนกำลังดูหนัง
หนังแนววรรณกรรมที่ความหมายลึกซึ้งยากจะเข้าใจ
อีกทั้งสองคนยึดครองโซฟากันคนละฟากโดยมีระยะห่างกว่าเมตรเป็นการประกันความปลอดภัย
ปกติไป๋ซู่เย่ชอบดูหนังประเภทนี้อีกทั้งตอนนี้ที่กำลังฉายอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ตนชอบมากที่สุด แต่ขณะนี้กลับไม่มีสมาธิดูว่าเรื่องกำลังดำเนินไปถึงไหน ดูไม่เข้าใจเลย
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทั้งที่ห่างเขาตั้งไกลแต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
บางครั้งเธอแอบชำเลืองมองเย่เซียวแวบหนึ่ง เขาที่ปกติไม่ชอบดูหนังเวลานี้กลับดูอย่างใจจดใจจ่อมาก ไม่หันซ้ายแลขวาเลยตลอดเรื่อง ท่าทางเหมือนชอบดูหนังมากจริงๆ
ไป๋ซู่เย่รู้สึกเก้อเขินหน่อยๆ จึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ยังมีน้ำไหม?” อยู่ๆ เย่เซียวก็เบนหน้ามาถามเธอ
“หิวน้ำเหรอ?”
“อืม”
“น้ำในห้องครัวฉันเทหมดแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปต้มให้ คุณรอแป๊บหนึ่ง”
ขณะที่ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นเดินผ่านเย่เซียวกลับถูกเขาคว้าแขนไว้ เธอสะดุ้งเพราะความอุ่นร้อนที่แผ่ซ่านมาจากปลายนิ้ว ทำให้เธอเผลอกลั้นหายใจและหัวใจเต้นผิดจังหวะหลายที พอกันสักทีกับความรู้สึกแบบนี้! เหมือนได้ย้อนกลับไปช่วงที่เธอเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์กับเขาเมื่อสิบปีก่อน
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นแรง คล้ายว่าจะมีแต่เด็กสาวเท่านั้นที่มี
“ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องต้มแล้ว ลำบาก” เย่เซียวเพิ่มแรงในมือ “นั่งลง”
ไป๋ซู่เย่นั่งลงตามคำสั่ง รีบปรับจังหวะหัวใจให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด แอบชักมือกลับจากการกอบกุมของเขาเงียบๆ “คุณจะดื่มน้ำไม่ใช่เหรอ?”
“อืม” คำตอบสั้นๆ เรียบๆ ของเย่เซียวดังขึ้น ยื่นมือหยิบแก้วเธอไปด้วยท่าทางธรรมชาติ
จากนั้นทาบปากตำแหน่งเดียวกับที่เธอเคยดื่มไปหนึ่งอึก ไป๋ซู่เย่เห็นแค่แวบเดียวก็รีบเบี่ยงหน้าหลบ ทิ้งสายตาไว้ตรงหน้าจอโทรทัศน์แทน
……………………………………