อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 660 อาศัยด้วยกันอย่างอบอุ่น (5)
เขาที่อยู่ข้างๆ ดูใจเย็นกว่าเธอมาก ไม่สิ ไม่มีอะไรต้องกระวนกระวายต่างหาก ถือแก้วน้ำดูโทรทัศน์ต่อไปและจิบน้ำเป็นระยะๆ โดยไม่เอะใจสักนิดเลยว่านั่นเป็นแก้วของเธอ และเป็นน้ำที่เธอดื่มมาก่อน
ไป๋ซู่เย่ในตอนนี้นั่งตัวติดกับเย่เซียว
รอไม่นานความง่วงก็เริ่มจู่โจม แต่ดันไม่ยอมกลับไปนอน
นอนบนเตียงนอนไม่หลับพอมานั่งข้างเขากลับเริ่มรู้สึกง่วง หัวสมองเธอเริ่มอื้ออึง รู้สึกเปลือกตาหนักขึ้นเรื่อยๆ และเผลอหลับไปในที่สุด
ศีรษะตกมาซบไหล่เขาเบาๆ
น้ำหนักที่ทิ้งลงบนไหล่เล็กน้อยพร้อมกลุ่มผมเส้นเล็กของหญิงสาวปัดผ่านลำคอเขาให้รู้สึกคันยิบๆ ความรู้สึกอย่างนั้นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจเขา ก้มมองเธอแล้วก็ไม่มีใจคิดจะดูหนังต่ออีก เพียงถามเสียงเบา “หลับแล้วเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ตอบ มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ตอบรับเขา
เย่เซียวนั่งนิ่งๆ อีกสักพัก คล้ายว่าเธอรู้สึกหนาวจึงใช้แขนโอบกอดตัวเองและเขยิบตัวใกล้เย่เซียวมากขึ้น เย่เซียวกดรีโมทปิดโทรทัศน์จากนั้นช้อนตัวเธอขึ้น เธอลืมตาสะลึมสะลือเห็นว่าเป็นเย่เซียวสองแขนพลางเลื่อนไปโอบลำคอเขาไว้ ใบหน้าซบอกเขาราวกับว่านั่นเป็นที่พักพิงที่แข็งแกร่งและสงบปลอดภัย
หัวใจของเย่เซียวกระตุก หัวใจที่เย็นตัวลงมาสิบปีราวกับได้รับความอบอุ่นให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
…………………………
หลับสนิทตลอดคืน
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนทั้งสองคนนอนดึกกันมากเช้านี้พอตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่า
ไป๋ซู่เย่ลืมตาขึ้นถึงรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของเย่เซียว ส่วนเขาที่กำลังนอนตะแคงมีมือใหญ่ประคองหลังศีรษะเธอเอาไว้ห่างๆ ไม่ให้สัมผัสโดนแผลของเธอ ใจเธอสั่นไหว นี่เขากำลังเป็นห่วงว่าตอนที่เธอพลิกตัวจะไปโดนแผลหลังศีรษะโดยไม่ทันระวังอย่างนั้นหรือ?
เพียงแต่…
เย่เซียวจะใส่ใจเธอเหมือนในอดีตหรือ?
เธอไม่มั่นใจเลยสักนิด
“ตื่นแล้วเหรอ?” เย่เซียวลืมตาขณะที่ดวงตายังพร่ามัวปรับตัวไม่ถูก คล้ายจะจับสายตาของเธอที่มองมือเขาได้ เขาจึงเลื่อนมือใหญ่ที่ประคองหลังศีรษะเธอออก
ไป๋ซู่เย่เองก็ลุกขึ้นนั่ง “เมื่อคืน…ฉันเผลอหลับตอนดูหนัง”
“อืม” เย่เซียวยังคงท่าทางเฉยชาดังเดิม ยันตัวลุก
ต่อให้ทั้งคู่นอนแล้วตื่นมาพร้อมกันก็เหมือนไม่มีผลกระทบต่อเขาเลยสักนิด
เมื่อคืนเขานอนในสภาพเปลือยเปล่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกางเกงซับในตัวเดียวเท่านั้น เพราะถูกเก็บไปเลี้ยงตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ เขาได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดและโหดเหี้ยมในฐานทัพถึงได้มีรูปร่างดีขนาดนี้ สองขายาวแข็งแรง บนตัวมีรอยแผลมากมายแต่กลับไม่ส่งผลอะไรต่อกล้ามเนื้อหน้าท้องและวีไลน์ที่เรียกให้คนมองรู้สึกเลือดในกายสูบฉีด
ไป๋ซู่เย่มองเขาแวบหนึ่งและทิ้งสายตาไว้ที่หน้าท้องกับหน้าอกเขา บนนั้นมีรอยลูกกระสุนหลายรอย เธอนึกถึงวันนั้นที่ถังซ่งเคยบอกว่าเขาถูก ‘ยิงทะลุท้องไส้’ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวสุมในอก มือคิดจะแตะแผลเหล่านั้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ยังค้างอยู่กลางอากาศก็ถูกเย่เซียวตะครุบไว้ “ไม่รู้ว่าผู้ชายในตอนเช้าอันตรายขนาดไหนหรือไง? อย่าจับมั่วๆ!”
“…” เจ้าหมอนี่ ความรู้สึกอัดอั้นในอกของไป๋ซู่เย่ถูกสลายในพริบตา เธอหยิบชุดนอนโยนใส่เขา “รีบใส่ซะ”
ว่าแล้วก็ลงจากเตียงทันทีเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แปรงฟันตรงหน้ากระจกโดยที่ในหัวก็นึกถึงแผลกระสุนเหล่านั้นอีก ไม่เคยประสบจริงๆ ยากจะคิดได้เลยว่าเขาในเมื่อนั้นสิ้นหวังและเจ็บปวดขนาดไหน
ไป๋ซู่เย่คิดๆ อยู่ภาพรูปร่างเซ็กซี่ไม่มีใครสู้ได้ของเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว นี่มัน…ดีกว่าเมื่อสิบปีก่อน แมนยิ่งกว่าเดิม!
…………………………
เย่เซียวยังคงไม่ไปบริษัท ทั้งสองคนใช้เวลาในห้องนี้อย่างสงบสุข เป็นช่วงเวลาที่เหมือนขโมยมา ไป๋ซู่เย่แทบไม่กล้าคิดว่าเวลานี้จะคงอยู่ได้นานแค่ไหน
ตอนเที่ยงเธอนอนกลางวันเช่นเคย
ตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นนั้นเป็นเวลาบ่ายสอง เธอหยิบโทรศัทพ์ไปกดรับแล้วแนบหูในสภาพงัวเงีย “ฮัลโหล”
“แม่เอง นอนอยู่ในห้องเหรอ?”
“ค่ะ” ไป๋ซู่เย่ตอบรับไปตรงๆ โดยไม่ได้คิดมากอะไร
“ได้ ลูกอยู่บ้านก็พอ”
คุณหญิงไป๋ไม่ได้พูดอะไรแต่วางสายไปทันที ไป๋ซู่เย่จึงไม่คิดอะไรมาก ตะแคงตัวนอนต่อ เพิ่งงีบไปได้สักพักเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังสนั่นอย่างฉับพลัน
เธอย่นคิ้ว
จากนั้นฉุกคิดอะไรได้ก็รีบลงจากเตียงในสภาพชุดนอนอย่างเดียว
“ซู่ซู่ เปิดประตู” เสียงคุณหญิงไป๋ดังอยู่นอกประตูอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
เธอสะดุ้งเฮือกรีบตามหาเงาเย่เซียว ขณะนี้เขากำลังนั่งบนโซฟาและหลับโดยใช้เอกสารปิดหน้าไว้ เห็นได้ชัดว่าเสียงเคลื่อนไหวจากข้างนอกรบกวนเขาเข้าให้แล้ว แม้จะไม่ได้ลืมตาแต่คิ้วเข้มเป็นทรงขมวดแน่นกว่าเดิม
“เย่เซียว…เย่เซียว ตื่นก่อน” ไป๋ซู่เย่หยิบเอกสารที่ปิดใบหน้าเขาออก
เขาค่อยๆ หรี่ตาขึ้นเป็นช่องแคบเล็กๆ พอเห็นใบหน้าดวงเล็กของไป๋ซู่เย่นั่นก็ยื่นแขนโอบเอวเธอไว้ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ทันใดนั้นเธอถูกเขากอดจนต้องนอนซบบนอกเขา เธอชะงักนิ่งเห็นเพียงเขาที่หลับตาลงอย่างเกียจคร้านเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง อีกทั้งเขารู้สึกอุ่นใจเมื่อได้กอดเธอ
ไป๋ซู่เย่เผลอใจเต้นผิดจังหวะ มือยันหน้าอกเขาปล่อยผมยาวตกลงมาปกคลุมหน้าเขา เธอตั้งสติมองเขาด้วยความรู้สึกที่เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต…
ตอนนั้นเธอรับผิดชอบปลุกเขาทุกเช้า ทุกครั้งที่เรียกเขาจะถูกเขากอดเข้าเต็มเปาแบบนี้ ต้องเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงกับขั้นตอนในการปลุกให้ตื่นในช่วงเช้า
ภาพวันวานเมื่อสิบปีก่อน…
พอมาย้อนคิดในตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน ทั้งที่ความจริงแล้วทุกอย่าง…ได้จบลงทั้งหมดแล้ว…
“ซู่ซู่ ลูกทำอะไรน่ะ?”
คุณหญิงไป๋เร่งเร้าอยู่ข้างนอก แต่เย่เซียวบนโซฟากลับยังหลับฝันหวานอยู่
“เย่เซียว เย่เซียว ตื่นเร็ว!” เธอเรียกหลายทีแต่ไม่สำเร็จ เผลอดึงหูเขาอย่างในอดีต “เย่เซียว!”
เย่เซียวกุมมือเธอไว้แล้วเบิกตาโพลงมองเธอ ตื่นในทันที สายตาล้ำลึกจนเธอสะท้าน ชัดเจนว่า…ท่วงท่าเล็กๆ น้อยๆ ของเมื่อก่อนนี้ เขายังจำได้…
เธอสูดหายใจลึกพยายามให้ตัวเองดูปกติ อยากจะดึงมือออกจากฝ่ามือใหญ่เขา ได้ยินเพียงเสียงแว่วมาจากข้างนอก “คุณหญิง ซู่ซู่ไม่อยู่บ้านหรือเปล่าครับ?”
อวิ๋นช่วน?!
เขามาได้อย่างไร?
ไป๋ซู่เย่เริ่มปวดหัวขึ้นมาติดๆ
เย่เซียวตื่นเต็มที่แล้ว มือกระชับแรงกุมมือของเธอที่ไม่ทันดึงออกไป “คุณเรียกเขามาเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” ไป๋ซู่เย่ไม่มีทางสร้างปัญหาให้ตัวเองเด็ดขาด
“ให้เขากลับไป!”
“ไม่ได้”
เย่เซียวหรี่ตา เห็นได้ชัดว่าท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ไป๋ซู่เย่อธิบาย “เขามากับแม่ฉัน ฉันจะไล่เขากลับไปต่อหน้าแม่ฉันได้ยังไง?”
“นั่นสิ ผมเกือบลืมไป นั่นเป็นผู้ชายดีๆ ที่อ่อนโยนและเอาใจใส่ที่คุณหญิงเลือกไว้ให้แต่งงานกับคุณในอนาคต คุณไล่กลับไม่ได้อยู่แล้ว!”
………………………….