อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 662 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (2)
“อืม จริงสิ” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า
คุณหญิงไป๋ชงชาสองแก้วจากห้องครัวมาถึงเพิ่งเห็นแผลบนหน้าผากเธอ เรียกใบหน้าตกใจจนไร้สีของคุณหญิงไป๋เข้า “นี่ลูกเป็นอะไรไป? ทำไมถึงมีแผลได้? รีบมาให้แม่ดูเร็ว!”
“แม่ อย่าตกใจไป แค่แผลนิดหน่อย แผลถลอก ทายาก็หายแล้ว”
“แผลนิดหน่อยจริงเหรอ?”
“อื้ม แม่วางใจเถอะ ถ้าสาหัส หนูจะอยู่บ้านเฉยๆ ได้เหรอ?”
คุณหญิงไป๋คิดๆ แล้วก็ถูก แต่ไม่ลืมที่จะตำหนิเธออีกสองประโยค คร่าวๆ ก็หาว่าเธอไม่รู้จักดูแลตัวเองอะไรเถือกนั้น
“ลูกน่ะ รีบเอารองเท้ามาให้อวิ๋นช่วนเปลี่ยนสิ วันนี้แม่ไปซื้อของข้างนอกแล้วบังเอิญเจออวิ๋นช่วน คนขับรถก็มีธุระอื่น แม่บอกว่าจะมาหาลูก อวิ๋นช่วนเลยบอกจะมาส่งแม่”
ช่างบังเอิญเสียจริง
ไป๋ซู่เย่คิดว่าต้องเป็นคุณหญิงไป๋ลากอวิ๋นช่วนมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคนขับรถจะมีธุระอะไรสำคัญไปกว่าคุณหญิงไป๋อีก
“คุณนั่งสิ ฉันจะไปหยิบรองเท้าแตะมาให้” เธอบอกอวิ๋นช่วน
ที่บ้านเธอมีรองเท้าแตะสำหรับผู้ชายเพียงคู่เดียวที่ถูกเย่เซียวใส่ไปถอดทิ้งไว้ในห้องหนังสือ ไป๋ซู่เย่เดินไปหยิบมาให้อวิ๋นช่วนที่ห้องหนังสือ
“ขอบคุณ” อวิ๋นช่วนกล่าวขอบคุณพลางกวาดตามองรอบข้างทีถึงถามเธอ “ผมมาแบบนี้ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม? ความจริง…ผมมาเพราะเป็นห่วงคุณจากเรื่องครั้งก่อน พอได้ยินคุณป้าบอกจะมา ผมเลยหน้าด้านตามมาด้วย”
“เรื่องคราวก่อน เรื่องอะไร?” คุณหญิงไป๋รีบแทรกหัวเข้ามาถาม
ไป๋ซู่เย่สบตากับอวิ๋นช่วนแวบหนึ่ง อวิ๋นช่วนหัวเราะไปอธิบายไป “ความจริงก็ไม่มีอะไรครับ แค่ครั้งก่อนซู่ซู่ไปร่วมงานเลี้ยงกับผม เธอดื่มมากไปหน่อย”
คุณหญิงไป๋หรี่ตาน้อยๆ มองคนนั้นทีมองคนนี้ทีแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เลวนี่ ที่แท้พวกเธอสองคนก็รู้จักติดต่อกันลับหลังด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นห่วงเปล่าๆ แล้วสินะ”
ไป๋ซู่เย่แค่แย้มปากยิ้มโดยไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ ถามเพียง “แม่คะ ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงมาที่นี่ล่ะ? มีเรื่องอะไรกับหนูเหรอ?”
“แม่เป็นแม่ของลูก ไม่มีเรื่องอะไรก็มาหาไม่ได้เหรอ?” คุณหญิงไป๋มองเธออย่างคาดโทษ “แต่ครั้งนี้มา มีเรื่องจริงๆ ด้วย”
“ค่ะ แม่พูดมาเลย”
คุณหญิงไป๋นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามลูกสาว ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ คำหนึ่ง พยักพเยิดปลายคางไปทางอวิ๋นช่วนพร้อมพูดขึ้น “อีกสิบวันก็คืองานฉลองวันเกิดครบร้อยปีที่พ่อแม่อวิ๋นช่วนร่วมจัดขึ้น คุณลุงคุณป้าอวิ๋นเชิญครอบครัวเราไปโรงแรมบ่อน้ำร้อนด้วยกัน ตอนนั้นลูกทำตัวให้ว่างด้วย”
ไป๋ซู่เย่เงียบไม่ได้ตอบกลับทันที คุณหญิงไป๋มองเธอ “ทำไม? ไม่สะดวกเหรอ?”
“อาจจะมีงานติดพัน” หากเธอไปจริง แวบแรกในหัวกลับนึกถึงว่าเย่เซียวจะไม่พอใจได้เสียอย่างนั้น
“ลูกอย่ามาอำ แม่รู้อยู่แล้วว่าลูกต้องใช้ข้ออ้างนี้มาอ้าง เลยโทรหาไป๋หลางแต่เช้าแล้ว ไป๋หลางบอกแม่ว่าช่วงนี้ลูกว่างมาก ไม่ได้ไปทำงานหลายวันแล้วด้วย”
เจ้าไป๋หลางทำไมถึงพูดมากขนาดนี้?
“แม่คะ หนูบาดเจ็บแบบนี้ อยากพักผ่อนที่บ้านดีๆ”
อวิ๋นช่วนเห็นถึงความไม่ยิมยอมพร้อมใจของเธอเลยช่วยเกลี้ยกล่อม “คุณหญิง ในเมื่อซู่ซู่ไม่อยากไป ผมว่างั้นช่างเถอะครับ”
คุณหญิงไป๋จ้องไป๋ซู่เย่แวบหนึ่ง “ไม่อยากไปก็ต้องไป ถ้าเป็นงานอื่นลูกไม่ไปก็แล้ว ครั้งนี้ลูกปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แม้แต่น้องชายของลูกยังพาต้าไป๋ออกงานด้วย ถ้าลูกไม่ไป ลูกจะให้แม่กับพ่อลูกบอกเขายังไง? อีกอย่างแผลนี้สิบวันอาจจะไม่ทันหายดี แต่ก็ไม่กระทบลูกแช่น้ำร้อนนี่นา ถือว่าไปผ่อนคลายไง”
ไป๋ซู่เย่ระอา “หนูขอคิดอีกที ได้ไหมคะ?”
เธอยอมถอยถึงขั้นบอกคิดอีกที คุณหญิงไป๋เองก็เอาแต่พอใจไม่ได้ไล่ต้อนบีบบังคับต่อไป
…………………………
นานทีคุณหญิงไป๋จะมาสักครั้งเลยมัวแต่คุยจ้อกับเธอตั้งนาน ไป๋ซู่เย่ค่อนข้างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและบางครั้งจะหันกลับไปมองทางห้องนอนแวบหนึ่งขณะที่พวกเขาเผลอ คนอย่างเย่เซียวไม่ใช่คนมีความอดทนนัก ขังเขาไว้ในห้องนอนอย่างนี้ เขาโกรธขึ้นมาคงกระชากประตูออกมาแล้ว อีกอย่างขังไว้สักพักใหญ่ๆ คิดว่าเขาต้องไม่สบอารมณ์อย่างมากแหงๆ
“ทำไมวันนี้แม่รู้สึกว่าลูกแปลกๆ?” คุณหญิงไป๋จับความผิดปกติของลูกสาวออก
“เปล่าค่ะ” ไป๋ซู่เย่ปฏิเสธ ส่ายหัวเบาๆ “อาจจะเพราะมีแผลตรงหัวเลยมึนๆ นิดหน่อย”
“ชอบให้แม่เป็นห่วงจริงๆ ลูกน่ะไม่อยู่บ้าน เป็นผู้หญิงแต่กลับย้ายออกมาอยู่คนเดียว พอบาดเจ็บที่บ้านก็ไม่รู้ ถ้าลูกมีแฟนสักคน แม่คงไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้หรอก อวิ๋นช่วน เธอว่าถูกไหม?”
ลากเข้าประเด็นเรื่องแฟนหนุ่มอีกแล้ว
อวิ๋นช่วนยิ้มอบอุ่น “คุณหญิงสบายใจได้ ต่อให้ตอนนี้ผมยังไม่ใช่แฟนของเธอ ผมก็จะดูแลซู่ซู่ให้ดี”
คุณหญิงไป๋ได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นช่วนก็ยิ้มหน้าบานทันที
ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยพร้อมดูโทรทัศน์ไปด้วย คุณหญิงไป๋ตั้งใจให้พวกเขาสองคนสานสัมพันธ์กันเลยนั่งนิ่งๆ ไม่ยอมกลับ กระทั่งตอนเย็นห้าโมงครึ่งยกแขนขึ้นดูนาฬิกาแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว “ซู่ซู่ นี่ก็เย็นแล้ว ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราสามคนไปทานอาหารเย็นด้วยกันดีกว่า”
“…” ไป๋ซู่เย่แอบคิดในใจ หากเธอไปทั้งอย่างนี้แล้วเย่เซียวจะทำอย่างไร?
แต่วินาทีถัดมาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองช่างน่าขำ เย่เซียวทำอาหารเองได้แถมตอนเที่ยงยังมีกับข้าวเหลือในตู้เย็นไม่น้อย เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองหิวหรอก แต่ตัวเขาคนเดียวคงไม่อยากลงมือทำกับข้าวเองหรอกสินะ
“ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว ตอนนี้ไปน่าจะทันเวลาพอดี” อวิ๋นช่วนยิ้มรับคำ
คุณหญิงไป๋มองเขาด้วยสายตาพึงพอใจมากกว่าเดิม บอกไป๋ซู่เย่ว่า “ลูกดูอวิ๋นช่วนสิ ละเอียดขนาดไหนที่จองอาหารเย็นไว้ตั้งนานแล้ว อย่ามัวแต่โอ้เอ้ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่สวยๆ หน่อยนะ อย่าใส่เสื้อผ้าลำลองมาอีกล่ะ ปกติเห็นลูกสวยขนาดนั้น วันนี้อวิ๋นช่วนมาทั้งทีลูกกลับใส่แค่ชุดธรรมดา”
อวิ๋นช่วนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ซู่ซู่สวยอยู่แล้ว ใส่อะไรก็สวย”
คุณหญิงไป๋ได้ยินเขาว่าเช่นนี้ก็ยิ่งดีใจไปกันใหญ่ นี่มันมีความเป็นไปได้นี่นา คุณหญิงไป๋ลุกขึ้นลากเธอไปที่ห้องนอน ขณะเดียวกันก็พูดสั่งเสียงเบา “ลูกใส่เดรสที่เดือนก่อนลูกเคยใส่นะ ชุดนั้นสวยมาก”
“…แม่ หนูไม่ได้ไปดูตัวสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องใส่พิธีรีตองขนาดนั้น”
“ผู้หญิงน่ะต้องสวยไว้ก่อน รีบไปสิ”
ไป๋ซู่เย่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว เธอย่อมต้องไปทานอาหารเย็นกับคุณหญิงไป๋ ปฏิเสธไม่ได้
แต่ว่า…
พอนึกถึงเย่เซียว เธอก็เริ่มปวดหัว
ขณะที่เข้าไปเย่เซียวกำลังนั่งบนโซฟาในห้องเธอโดยที่เท้าเปลือยและไขว้ขายาว มือก็เปิดนิตยสารที่เธอวางทิ้งไว้ข้างๆ ไปพลาง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาของเธอเขาไม่แม้แต่ปรายตาขึ้นมอง กล่าวเพียง “ดูเหมือนจะคุยกันออกรสนะ คุยไปตั้งหลายชั่วโมงนี่นา ท่านรัฐมนตรีไป๋เหมือนจะลืมไปหรือเปล่าว่าในห้องยังมีผู้ชายที่เคยนอนกับคุณซ่อนอยู่?”
………………………………