อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 663 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (3)
น้ำเสียงนี้…
แค่ฟังก็คล้ายจะมีลมพายุลูกใหญ่ใกล้เข้ามา
ไป๋ซู่เย่รู้ว่าเขาไม่ชอบใจอวิ๋นช่วนมาก คนคนนี้นิสัยเอาแต่ใจเหมือนเมื่อสิบปีก่อนแทบไม่เปลี่ยน ต่อให้เขาไม่ชอบเธอมากขนาดไหน ต่อให้เขาเกลียดชังเธออย่างไร แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงสัญญากับเขา จึงไม่อนุญาตให้เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนอื่น
“เดี๋ยวฉันจะไปทานข้าวเย็นกับแม่ฉัน” ไป๋ซู่เย่เปิดตู้เสื้อผ้าค้นหากระโปรงไปคุยกับเขาไป “ตอนเย็นคุณทำกับข้าวเอง หรือจะให้ฉันห่อกลับมาให้คุณ?”
“มีแฟนของคุณอยู่ รัฐมนตรีไป๋ยังนึกถึงผมอยู่เหรอ?” เย่เซียวเงยหน้าใช้สายตาเย็นชาจ้องเธอโดยที่มีเตียงขวางกั้น
เธอไม่ได้หันกลับไปมองยังสัมผัสได้ถึงสายตาเยือกเย็นของเขา คล้ายจะมองเธอให้ทะลุ เธอเลือกกระโปรงสักตัวออกมาแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่ได้ตอบกลับเขา พูดเพียง “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เปลี่ยนเสร็จค่อยออกมาคุย”
สักพักเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมา
เย่เซียวเห็นเธอตั้งใจแต่งตัวมาอย่างดี ไฟนิรนามที่สุมในอกก็ลุกพรวดขึ้นมาฉับพลัน
เขาดันเธอเข้าไปในห้องน้ำ ดูดดังกัดทึ้งตามลำคอเธอ ทั้งที่ร่องรอยก่อนหน้าที่ทิ้งไว้บนลำคอจางลงไปบ้างแล้วแต่ตอนนี้กลับถูกเขาประทับใหม่
“เย่เซียว คุณหยุดบ้าได้แล้ว!” ไป๋ซู่เย่ผลักเขาแล้วทุบไหล่เขา “ถ้าคุณทำอย่างนี้ฉันจะออกไปยังไง?”
เย่เซียวหายใจหอบหนักผละห่างจากลำคอเธอ สายตาขึงขังจ้องเธอ “คุณต้องไปให้ได้ใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันต้องไปให้ได้” คุณหญิงไป๋มาเองแล้วเธอไม่มีทางปฏิเสธที่จะทานอาหารเย็นกับท่าน ถูกเขาระบายอารมณ์ใส่อย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ แถมยังกัดเธอจนเจ็บ เธอก็เริ่มอารมณ์เสียแล้วเหมือนกัน
“ได้ งั้นก็ไสหัวไป!” เย่เซียวปล่อยเธอ เขารู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองเริ่มอยู่เหนือการควบคุมบ้างแล้ว ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้มันแย่มาก! ตลอดช่วงบ่ายนั่งรอในห้องนี้จนความอดทนแทบจะร่อยหรอ!
ทุกนาทีช่างทรมาน ทุกนาทีมัวแต่คิดว่าเธอกำลังคุยอะไรกับผู้ชายคนนั้น กำลังทำอะไร แล้วทำไมถึงต้องใช้เวลาตลอดทั้งบ่าย?!
ส่วนเขากลับถูกเธอทิ้งไว้ในห้องนี้เหมือนโจร ไม่สนใจใดๆ! ความรู้สึกที่ต้องหลบซ่อนไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้อย่างนี้ มันแย่มากจริงๆ!
ไป๋ซู่เย่ไม่ให้เย่เซียวส่งผลกระทบต่ออารมณ์ตัวเองจนทำใจให้เย็นลงได้ สำรวจดูรอยจูบบนคอตัวเองที ยังดีที่ปล่อยผมลงแล้วไม่เห็น เธอจัดผมเล็กน้อย ก่อนออกไปหันกลับมามองเย่เซียวที่ยืนสูบบุหรี่ตรงระเบียงแวบหนึ่ง “ตอนค่ำฉันจะเอาข้าวกลับมาให้คุณ คุณรอหน่อย ฉันจะพยายามรีบกลับ”
ว่าแล้วปิดประตูออกไปโดยไม่สนใจเย่เซียวอีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งที่เป็นแค่การร่วมมื้ออาหารธรรมดา อีกทั้งนอกจากความสัมพันธ์อย่างนั้นกับเย่เซียวมันไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำ แต่พอถูกเขาซักถามกลับรู้สึกผิดในใจแปลกๆ
เขาล่ะ? ที่โกรธหนักขนาดนี้เพราะอะไร? เพียงเพราะความแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของตัวเองหรือ?
……………………………………
เธอใส่กระโปรงยาวสีแดงเข้มเป็นที่ตะลึงเพราะความสวยงามเย้ายวน แต่มีผ้าพันแผลบนศีรษะจึงค่อนข้างส่งผลต่อความงามเล็กน้อย ก่อนออกจากบ้านคุณหญิงไป๋เลือกหมวกใส่ให้เธอ อวิ๋นช่วนมองเธอด้วยแววตาที่สื่อความหลงใหลอย่างชัดเจน เธอกลับไม่มีอารมณ์ร่วม
ร้านอาหารที่เขาจองอยู่ไม่ไกลจากเซียงเซี่ยกู่ที่เธอพักอาศัย พอพวกเขาปรากฏตัวคนในร้านอาหารก็ถลาเข้ามาต้อนรับ
มื้ออาหารนี้ไป๋ซู่เย่ทานอย่างไม่สบายใจนัก เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะและเหลือบมองเป็นพักๆ แต่…จนทานข้าวเสร็จเย่เซียวไม่โทรหาเธอแม้แต่สายเดียวหรือแม้แต่จะส่งข้อความสักข้อความ
รอออกจากร้านอาหารกำลังจะกลับ ไป๋ซู่เย่ถึงโล่งอกผ่อนคลายลง
“ผมไปส่งคุณก่อนค่อยส่งคุณหญิง” อวิ๋นช่วนออกจากร้านอาหารแล้วพูดขึ้น
คุณหญิงไป๋ตอบ “ไม่ต้องหรอก ไปส่งฉันก่อนค่อยส่งซู่ซู่เถอะ”
ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าคุณหญิงไป๋กำลังสร้างโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน จงซันอยู่ห่างจากตรงนี้ตั้งไกล ไปๆ มาๆ ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมง
ไป๋ซู่เย่มีเรื่องติดค้างในใจเลยไม่มีใจจะยืดเยื้อกับคุณหญิงไป๋ต่อ จึงตอบกลับว่า “ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันเรียกรถกลับเองได้ ไม่ไกลมาก”
เธอยังต้องลงไปชั้นล่างเพื่อห่อข้าวให้เย่เซียว ตอนนี้ค่อนข้างค่ำแล้ว เกรงว่าเขาน่าจะหิวนานแล้ว
ไม่เปิดโอกาสให้คุณหญิงไป๋ได้พูดอะไรอีก เธอหันหน้าไปบอกอวิ๋นช่วน “ฝากแม่ฉันด้วย ขอบคุณนะ ครั้งหน้ามีโอกาสฉันค่อยเลี้ยงข้าวคุณ”
เป็นการปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง อวิ๋นช่วนเป็นคนมีขอบเขตย่อมไม่ตามตื๊อให้เสียบรรยากาศ แค่พยักหน้ารับ เห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้ คุณหญิงไป๋ก็ไม่บังคับฝืนใจอีก
ทั้งสามคนเดินไปตรงรถพร้อมกัน
ไป๋ซู่เย่ส่งพวกเขาสองคนกลับไป ขณะที่กำลังจะเรียกรถกลับโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นในทันที
บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลก
เธอกดแนบหูโดยไม่คิดอะไรมาก
“คุณไป๋ ฉันเอง”
เสียงน่าหลันดังมาจากอีกฝั่งของสาย ไป๋ซู่เย่ไม่ได้รู้สึกเกินคาด ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะใจกว้างพอจริงๆ สักวันเธอต้องมาหาตนอยู่แล้ว
“คุณมีเรื่องอะไร?”
“เราเจอกันหน่อยได้ไหม?”
ไป๋ซู่เย่บอกตำแหน่งไปอย่างง่ายดายเพื่อให้น่าหลันมาหาตน เธอเลือกร้านกาแฟข้างๆ ก่อนจะนั่งลงตรงริมกระจก ฤดูนี้ฟ้ามืดอย่างรวดเร็ว ไม่นานแสงบนฟ้าก็หายไปกว่าครึ่ง บนท้องถนนรถยนต์สวนทางกันไปมาเกิดแสงไฟหลากสี
ช่างไวนัก…
วันนี้จะผ่านไปอีกวันแล้ว…
ระหว่างเธอกับเย่เซียว ยังเหลือเวลาอีกนานเท่าไร?
พอนึกถึงคนคนนั้นสีหน้าก็ติดเศร้า
“ขอโทษที่มาช้า” ไม่นานน่าหลันก็มาถึง เธอยังอยู่ในชุดรูปแบบเดิมๆ กระโปรงขาวสะอาด นั่งอยู่ตรงข้ามเธอเงียบๆ อายุสิบเก้าปีผิวใสเหมือนลูกแก้ว
ไป๋ซู่เย่มองเธอที่เป็นอย่างนี้ ไม่อยากยอมรับว่าที่จริงในใจตัวเองก็แอบอิจฉา สิบเก้าปี สวยสดดั่งดอกไม้
“นั่งสิ” เธอยื่นเมนูให้น่าหลัน “เมื่อกี้ฉันเพิ่งทานข้าวมา ตอนนี้ทานอะไรไม่ลง ขอแค่น้ำเปล่าหนึ่งแก้ว คุณดูก่อนว่าคุณอยากทานอะไร”
น่าหลันไม่มีใจจะสั่งอาหาร นั่งอยู่ตรงข้ามเธอและใช้สายตาประเมินกวาดมองเธออย่างไม่คิดปิดบัง
ไป๋ซู่เย่สวยมาก กระโปรงยาวบนตัวเผยบุคลิกอันเด่นชัดของเธอออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งสง่าและเย้ายวนแต่กลับไม่ดูโล่งเปล่าเหมือนแจกันดอกไม้ อาจเป็นเพราะประสบการณ์เมื่อสิบปีที่ผ่านมาทำให้เธอมีแผลบางเบาติดตัว ทั้งลึกลับทั้งน่าหลงใหล ให้ผู้ชายเกิดความรู้สึกอยากสืบหาที่มาที่ไป
ลักษณะเด่นเหล่านี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอ น่าหลันไม่มีทางมี…
ต่อให้เธอหน้าตาคล้ายคลึงอีกฝ่ายมากขนาดไหน ความชอบส่วนตัวจะคล้ายอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่บุคลิกนั่นกลับไม่มีทางเหมือนได้!
“หน้าฉันมีอะไรดึงดูดคุณเหรอ?” ไป๋ซู่เย่เชยตาประสานสายตาเธอโดยตรง
“คุณไปจากเขาเถอะ…” อยู่ๆ น่าหลันก็เอ่ยปาก ไม่กี่คำที่ทำให้ไป๋ซู่เย่สะท้านน้อยๆ นัยน์ตาขรึมลง
………………………