อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 667 ไว้ชีวิตรักสักทาง (2)
“ได้ กลับไปดีที่สุด บนเตียงฉันยังมีสาวๆ รออยู่เลย!”
สุดท้ายเหล้าทั้งสิบสองขวดถูกเย่เซียวจัดการคนเดียว ความจริงเขาคอแข็งมากแต่ก็ใช่ว่าจะทนให้เขาดื่มอย่างไม่คิดชีวิตได้ ฉะนั้นออกจากผับก็โยนกุญแจรถให้ถังซ่งทันที ถังซ่งเกือบจะต้องจุดธูปขอบคุณฟ้า นี่บรรพบุรุษคุ้มครองจริงๆ!ไม่อย่างนั้นให้เย่เซียวขับรถอีก เขาไม่ตายก็คงพิการ
ถังซ่งขับรถพาเขากลับไปโดยที่เขาหลับตาตลอดทาง มือนวดคลึงระหว่างคิ้วไปพลาง ผู้ชายคนนี้รู้จักหักห้ามใจตัวเองเป็นอย่างดีและไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเมาได้ง่ายๆ ตอนนี้ถือว่าเมาแล้วก็ยังคงควบคุมตัวเองอย่างเข้มงวด รักษาท่าทางเย็นชาเฉกเช่นปกติ ไม่ให้ทำเรื่องบ้าๆ บอๆ หลังเมาเด็ดขาด
รถขับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
“เร็วๆๆ! รีบเรียกคนมาช่วย เจ้าหมอนี่หนักจะตายอยู่แล้ว!” ถังซ่งเพิ่งจอดรถก็ตะโกนเสียงดัง
ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออก พวกหยูอันเดินออกมาจากข้างใน หยูอันชะงักไปครู่เมื่อเห็นสภาพของเขา “นี่เกิดอะไรขึ้นครับ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขาดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน”
“ก็ไม่บอกฉันเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันว่ายังไงก็ไม่พ้นเรื่องไป๋ซู่เย่”
หยูอันยิ่งไม่เข้าใจ เมื่อวานตนเพิ่งส่งเสื้อผ้าไปให้เขา เขาบอกว่าช่วงนี้จะพักที่นั่น ทำไมเพียงพริบตาเดียวทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ? แต่แบบนี้ยิ่งดี
“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เสียงอ่อนโยนที่แฝงด้วยความเป็นห่วงแว่วมา
น่าหลัน
เห็นได้ชัดว่าเธอนอนไปแล้ว กำลังอยู่ในชุดนอนที่สวมเสื้อกันหนาวไว้ลวกๆ
ถังซ่งมองเธอแวบหนึ่ง “สบายใจได้ยังไม่ตายหรอก หยูอัน ช่วยหน่อย พาเขาขึ้นไปข้างบนก่อน หนักเหมือนหมูเลย”
“พวกคุณระวังหน่อยนะ อย่าให้เขาล้ม” น่าหลันเอ่ยเตือนด้วยความกังวลอยู่ข้างหลัง
ถังซ่งหันกลับมาหยอกล้อเธอ “น้องน่าหลัน คุณลำเอียงเป็นห่วงแค่เขา ไม่ห่วงเราที่สองคนที่ถูกทับเอาแทบตาย ผมจะอิจฉาได้นะ”
น่าหลันทำหน้าเขิน “คุณชอบล้อฉันเล่นตลอดเลย ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”
น่าหลันว่าแล้วเดินลงไปใหม่เพื่อต้มน้ำชาแก้เมาให้เย่เซียว
ถังซ่งมองแผ่นหลังของน่าหลันแล้วถอนหายใจ “เย่เซียวเอ๋ยเย่เซียว ไม่ใช่ว่าฉันว่านายนะ มีน้องน่าหลันเฝ้ารอนายอยู่อย่างนี้ นายก็ไม่ต้องไปรังควานไป๋ซู่เย่อีกเลย! ทั้งสองคนใช้ชีวิตต่อไปดีๆ ไว้ชีวิตกันและกัน กลับมาเจอกันและจากกันด้วยดี ไม่ดีกว่าหรือไง?”
ไม่รู้ว่าเย่เซียวได้ยินหรือไม่ อย่างไรเสียเขาฟุบบนไหล่ถังซ่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงลมหายใจที่หยุดชะงักไปสั้นๆ ไม่กี่วินาที
………………………………
ไป๋ซู่เย่นอนบนเตียงทั้งที่ลืมตาจ้องเพดานห้องนิ่งๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่รู้สึกง่วง ความเงียบในห้องทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างในใจคล้ายถูกบางอย่างล้วงออกไป และเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับไว้ให้หายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งที่เขาอยู่ที่นี่แค่วันเดียวแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนมีร่องรอยของเขาทั่วทุกมุมห้องไปเสียแล้ว…
ท้ายที่สุด…
เธอลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องหนังสือ
เก็บเอกสาร โน้ตบุ๊คของเขาทุกชิ้น ก่อนจะเก็บฟูกบนพื้นในห้องหนังสือเข้าไปในห้องอีกครั้ง เตรียมยัดใส่ตู้ดังเดิม ความรู้สึกที่มีอะไรทำช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเธอได้ชั่วคราว
แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าออกเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อสูทสีดำที่เรียงอยู่นั่น เหมือนหัวใจของเธอถูกแทงเข้าอย่างแรง เส้นบางอย่างในก้นบึ้งของหัวใจขาดสะบั้นลง ทุกหยาดอารมณ์พังทลายเรียกน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอยื่นมือสั่นระริกคว้าจับแขนเสื้อสูทหนึ่งตัวไว้แน่น กำไว้แน่น แน่นเสียจนเหมือนกำลังจับตัวเขาไว้ด้วยความสิ้นหวัง…
ในหัวมีแต่ประโยคของน่าหลัน ‘ขอร้องคุณช่วยไว้ชีวิตเย่เซียวด้วย…’
ความจริงไม่มีคำพูดนี้ของน่าหลัน เธอจะทำใจส่งเขาไปตายได้อย่างไรไหว? ยอมตัดความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องนี้ก็ไม่ยอมเอาชีวิตเขา…
สิบปีก่อน มากพอแล้ว…
หน้าอกเจ็บปวดเหลือเกิน จนถึงสุดท้ายเธอพิงหลังกับขอบเตียงกุมหน้าอกไว้ ค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงอย่างยากลำบากแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ความเจ็บตรงอกก็ไม่ได้คลายลงสักนิด
เธอไม่รู้ว่าตนนั่งอยู่นานเท่าไรจนตาบวมเป่งถึงลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล หยิบโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอกดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง พยายามให้เสียงตัวเองฟังดูปกติ
………………………………
ขณะที่น้าหลี่เตรียมเข้านอนโทรศัพท์ในห้องโถงก็ดังขึ้น
“คุณไป๋?” น้าหลี่ค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงเธอ นี่มันเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วทำไมคุณไป๋ถึงโทรมาได้? “คุณไป๋ จะให้ฉันเปิดประตูไว้ให้หรือคะ?”
“เปล่า” ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ทางนั้นยกยิ้มเพื่อให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูผ่อนคลายที่สุด “เย่เซียวอยู่ไหม? หรือว่าหยูอันก็ได้”
“หยูอันเพิ่งกลับไปเลยค่ะ นายท่านอยู่บนห้องชั้นบน ฉันส่งต่อสายคุณไปในห้องเขาให้นะคะ?”
“ได้ รบกวนคุณหน่อย” ไป๋ซู่เย่พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเกิดเสียง ‘ตู๊ดๆ’ มาสองที เสียงนั่นทำเอาเธอตื่นเต้นจนหัวใจแทบหยุดเต้น เธอไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเย่เซียวจะยอมรับสายของเธออีกไหม
ก่อนกลับไปเขาใช้แววตารังเกียจอย่างนั้นมองเธอ…
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
ความคิดถูกหยุดยั้งลงเพราะเสียงที่ดังแว่วมา
ไม่ใช่เย่เซียว
แต่เป็น…น่าหลัน
ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ทางนี้เงียบลงทันที สมองตันขึ้นมาชั่วขณะ
“คุณไป๋เหรอ?” น่าหลันไม่ได้ยินเสียงเลยถามเป็นหยั่งเชิง
ไป๋ซู่เย่ดึงสติกลับมายิ้มเบาบาง “ฉันเอง รบกวนพวกคุณหรือเปล่า?”
“คุณหาเย่เซียวเหรอ?”
“ช่างเถอะ เรื่องของฉันไม่รีบร้อนมาก” ไป๋ซู่เย่อยากวางสาย อยากมาก แค่จะให้เขามาเก็บของตัวเองกลับไป ไม่น่ารีบโทรเลย
“ไม่เป็นไร ถ้าคุณหาเย่เซียว ฉันจะปลุกเขาให้ แต่คืนนี้เขาหลับลึกมากคงไม่ยอมตื่นง่ายๆ แน่ คุณช่วยรอหน่อยนะ” น่าหลันวางโทรศัพท์ไว้อีกทาง ไป๋ซู่เย่หายใจหอบหนัก มือที่กำโทรศัพท์อยู่กระตุกสั่นเล็กน้อย
จากนั้นได้ยินเสียงอ่อนโยนของน่าหลัน “เย่เซียว เย่เซียว…ตื่นสิ โทรศัพท์ของคุณ…”
จากนั้นเป็นเสียงครางฮึมของชายหนุ่มและเสียงพลิกตัว ก่อนจะตามด้วยเสียงครางน้อยๆ ของน่าหลัน “เย่เซียว คุณอย่าทำแบบนี้…คุณกอดฉันแน่นเกินไปแล้ว…อื้อ เจ็บ…”
เสียงออดอ้อนนั่นหากเป็นผู้ชายได้ยินเข้าคงอดใจไม่ไหวหรอกสินะ…
ไป๋ซู่เย่หายใจรุนแรง ไม่สามารถทนฟังต่อได้อีกจึงกดวางสายไป
พักใหญ่…
มือที่เธอใช้จับโทรศัพท์ยังสั่นระริกอยู่
แม้เธอจะรู้ว่าเรื่องที่เขากอดน่าหลันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร ชายหญิงวัยบรรลุนิติภาวะจะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไรก็ไม่ผิด แต่เสียงที่ได้ยินเองกับหูช่างแตกต่างจากที่จินตนาการไว้ลิบลับ…
…………………