อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 670 ระหว่างความใกล้ชิดที่แยกออกเป็นสองทาง (1)
- Home
- อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!
- ตอนที่ 670 ระหว่างความใกล้ชิดที่แยกออกเป็นสองทาง (1)
“บอกหรือไม่บอกแตกต่างกันตรงไหน ยังไงก็รู้แล้ว”
ไป๋หลางมองเธอตาปริบ “เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับใช่ไหมครับ? ในตามีเส้นเลือดฝอย ใต้ตาก็มีขอบตาดำ”
“เจ็บแผล นอนไม่หลับ” ไป๋ซู่เย่บอกเหตุผลไปง่ายๆ ลากเก้าอี้เดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์เตรียมดูข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เธอจะต้องให้ตัวเองงานยุ่งขึ้นมาให้ได้ ขณะนั้นเองที่ประตูห้องทำงานถูกเคาะดัง จากนั้นเลขาผลักประตูเข้ามา “รัฐมนตรี ท่านปลัดบอกว่ามีธุระให้คุณไปหาหน่อย”
“รู้ไหมว่าเรื่องอะไร?” ไป๋ซู่เย่ลุกไปถามไป
เลขาส่ายหัว “ไม่ได้บอกค่ะ แต่ฟังจากน้ำเสียงในสายแล้วตึงเครียดมาก คุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดี”
“ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ไป๋ซู่เย่ติดเหรียญประดับหน้าอกให้ดี จัดเสื้อผ้าเสร็จถึงไปที่ชั้นบนสุด
บรรยากาศในกระทรวงความมั่นคงมักจริงจังและเข้มงวดเสมอมา ออกจากลิฟต์สัญลักษณ์นกอินทรีย์ตัวผู้ก็ปรากฏต่อหน้าตัวเอง เลขาของปลัดได้เดินมาอย่างสง่า โค้งตัวเล็กน้อย “รัฐมนตรี เชิญทางนี้”
“อืม” ไป๋ซู่เย่เดินตามเธอเข้าไปในห้องทำงานของปลัดกระทรวง ห้องทำงานของปลัดกระทรวงกว้างใหญ่มาก รอบด้านเป็นหน้าต่างตั้งพื้น ผ้าม่านเปิดออกให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ท่ามกลางความตึงเครียดแฝงด้วยความอบอุ่นอยู่บ้าง
ปลัดกระทรวงยืนอยู่ริมหน้าต่างหันหลังให้เธอ
“ท่านปลัด!” เธอทำความเคารพทักทาย
ปลัดกระทรวงถึงหันหลังกลับมาดับบุหรี่ในมือ มองเธอแวบหนึ่ง “ได้ยินไป๋หลางบอกว่าคุณบาดเจ็บตรงหัว เกิดอะไรขึ้น?”
“แค่แผลเล็กน้อย ฉันไม่ทันระวังตัวเลยชนหลังหัวเข้า ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ”
“ไม่ทันระวัง?” สายตาของปลัดกระทรวงสื่อความหมายบางอย่าง “รัฐมนตรีไป๋ คุณไม่เหมือนคนที่ไม่ระวังตัวแบบนี้นะ”
ไป๋ซู่เย่มองเขานิ่งๆ “มีบางครั้งที่พลาดบ้าง”
“ในเมื่อบาดเจ็บก็อย่ายืนอีกเลย นั่งเถอะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ค่ะ” ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับแล้วนั่งหลังตรงบนโซฟา ปลัดนั่งตรงข้ามเธอ จ้องเธออยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยปากถาม “ช่วงนี้คุณมีความรักเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างไม่เข้าใจแวบหนึ่ง นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว ปลัดกระทรวงไม่ใช่คนที่จะถามคำถามอย่างนี้
ปลัดกระทรวงล้วงซองเอกสารข้างๆ ขึ้นมาไว้ตรงหน้าไป๋ซู่เย่ “คุณดูสิ นี่เป็นข่าวที่ลูกน้องเอามาให้ตอนเช้าวันนี้ ผมต้องการคำอธิบายจากคุณ!”
ไป๋ซู่เย่เริ่มหายใจติดขัด
เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
แต่รับซองเอกสารไปพร้อมล้วงรูปภาพข้างในออกมาอย่างไม่รอช้า
อย่างที่คิดไม่มีผิด…
ข้างในล้วนแต่เป็นรูปถ่ายของเธอกับเย่เซียว และเพิ่งถูกถ่ายมาเมื่อวานที่เย่เซียวเข้าประตูห้องพร้อมเธอ ต่อด้วยไปซื้อของที่ตลาด คนของกองข่าวมีความเชี่ยวชาญรอบคอบเสมอมา แฝงตัวอยู่ท่ามกลางคนทั่วไปเลยยากจะสังเกตได้ว่ากำลังถูกติดตามหรือถูกจับตามองอยู่
“คนของเราเดิมทีกำลังจับตามองเย่เซียว แต่ไม่คิดว่าจะถ่ายโดนคุณ ซู่เย่ อธิบายให้ผมทีได้ไหม พวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ตอนนี้?”
สายตาของปลัดกระทรวงในตอนท้ายจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ไป๋ซู่เย่มองรูปภาพเหล่านั้นโดยไม่ได้ตอบกลับทันควัน
ปลัดปรับท่านั่ง สีหน้าจริงจังขึ้นกว่าเดิมมาก “คุณน่ารู้ว่าจากสถานะของคุณในตอนนี้ นอกจากว่าจะเป็นอย่างเมื่อสิบปีก่อนเพื่อปฏิบัติภารกิจ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางใกล้ชิดกับบุคคลอันตรายอย่างเย่เซียวได้ ผมเชื่อคุณ คุณเป็นลูกน้องที่เก่งกาจที่สุดของผมมาตลอด แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งกระทรวงจะยอมเชื่อคุณ คนทั้งประเทศจะยอมเชื่อคุณ กระทรวงความมั่นคงเราไม่ใช่หน่วยงานธรรมดา ข่าวทุกข่าวถูกส่งออกไปจากที่นี่ และเราต้องรับประกันห้ามไม่ให้ผิดพลาด! ซู่เย่ ถ้าเกิดว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นที่คุณ คุณน่ารู้ดีว่าไม่ใช่แค่มีผลกระทบต่อคุณเท่านั้น แม้แต่ท่านประธานาธิบดีในตอนนี้ก็ต้องเจอผลกระทบอันหนักหน่วง จุดนี้หวังว่าคุณจะจำให้ขึ้นใจ!”
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นค่อยๆ เก็บรูปใส่ซองเอกสาร เชยตามองอีกฝ่าย “ขอบคุณที่ยอมเชื่อฉัน แต่ฉันไม่มีทางทรยศกระทรวงความมั่นคง ไม่มีทางทรยศประเทศ S ยอมเป็นหนอนบ่อนไส้ของเย่เซียว ส่วนฉันกับเย่เซียว…”
ว่าถึงตรงนี้ไป๋ซู่เย่ชะงักไปเล็กน้อย ค่อยๆ พูดออกมา “เรื่องสิบปีก่อน ฉันรู้สึกผิดต่อเขา แต่ตอนนี้เราสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก รูปพวกนี้ไม่มีทางให้เห็นอีกแล้ว”
“ที่คุณพูด ผมจำไว้แล้ว” ปลัดหยักหน้ารับเบาๆ มองเธอด้วยแววตาแฝงนัยยะ “เย่เซียวไม่ใช่คนใจดี จากการไล่บี้โยวหมิงตลอดหลายปีนี้ของเขาก็ดูออกว่าเขายังยึดติดกับเรื่องตอนนั้นอยู่ ถ้าคุณเจอเรื่องลำบากใจอะไรขอความช่วยเหลือจากเราได้”
“ลำบากคุณแล้ว แต่เขาไม่ได้ฆ่าฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ฉันคิดว่าเขาไม่น่าทำอะไรฉัน”
ปลัดพยักหน้า คิดดูแล้วก็ถูก หากเย่เซียวอยากฆ่าเธอคงไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ
ไป๋ซู่เย่ลุกยืน “ถ้าไม่มีเรื่องอื่น ฉันขอตัวก่อน”
“ไปเถอะ ต้องรักษาแผลให้ดีล่ะ หาคุณหมอดีๆ สักคน”
“ค่ะ”
…………………………
ไป๋ซู่เย่เดินออกจากห้องทำงานปลัดกระทรวงเพื่อกลับไปยังห้องทำงานตัวเอง รู้สึกอัดอัดจนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
ไป๋หลางเห็นสีหน้าเธอผิดปกติจึงเดินตามเธอเข้าไป ถาม “ปลัดมีเรื่องสำคัญอะไรกับคุณเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนี้?”
“ให้เลขาเทน้ำให้ฉันสักแก้ว”
ไป๋ซู่เย่ทิ้งตัวลงบนโซฟา เอียงหัวหน่อยๆ มองท้องฟ้าใสนอกหน้าต่าง
ระหว่างเธอกับเย่เซียวเหมือนคนหนึ่งอยู่กลางอากาศ อีกคนอยู่บนพื้นดิน คนหนึ่งคือกลางวัน อีกคนคือกลางคืน ระยะห่างระหว่างทั้งคู่นั้น มีเพียงให้ทั้งคู่ต้องแหงนหน้าทอดมอง…
ไป๋หลางเทน้ำเข้ามาด้วยตัวเอง “คุณรีบดื่มน้ำเร็ว ผมเทน้ำอุ่นมาให้ เห็นสีหน้าคุณแย่มาก”
ไป๋ซู่เย่รับคำ ‘อืม’ พลางจิบน้ำคำหนึ่ง
“รัฐมนตรี วันนี้คุณเห็นเวยป๋อของน่าหลันหรือยังไง? เช้ามาก็สีหน้าผิดปกติ” ไป๋หลางถามอย่างสงสัย
ไป๋ซู่เย่ชะงักท่วงท่าที่กำลังดื่มน้ำกึก “ฉันจะดูเวยป๋อเธอทำไม? ต่อให้ฉันสีหน้าแปลกไปก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ไม่เกี่ยวก็ดีที่สุด ถ้าไม่ได้ดูก็ไม่ต้องดูหรอก”
ไป๋ซู่เย่มองไป๋หลางแวบหนึ่ง สุดท้ายไม่ได้ถามอะไรออกจากปากแค่โบกมือให้เขาออกไปได้แล้ว
ไป๋หลางออกไปจากห้องทำงาน ไป๋ซู่เย่นั่งเหม่ออยู่ที่โซฟาพักหนึ่ง รอหลุดจากภวังค์อีกทีก็เปิดเวยป๋อแถมยังอยู่หน้าส่วนตัวของน่าหลัน
น่าหลันไม่ใช่คนที่ชอบโพสต์เวยป๋อ คราวก่อนที่โพสต์เวยป๋อคือวันเกิดของเธอ แต่ในเช้าวันนี้เธอได้โพสต์เวยป๋ออีกครั้ง
เนื้อหาที่ลงเวยป๋อยังคงเป็นประโยคสั้นกระชับและแฝงความในใจ
หวังว่าทุกเช้าลืมตาจะมองเห็นคุณเป็นคนแรก
…………………………