อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 674 กลับมาเจอกันอีกครั้ง (1)
รถไฟใต้ดินจอดในสถานีแล้วสถานีเล่า
เดิมทียังมีความห่างระหว่างเธอกับเย่เซียวอยู่สักก้าวสองก้าว แต่เพราะมีผู้โดยสารมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเขาจึงขยับมาใกล้เธอเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…
ในสถานีของเมืองที่เจริญที่สุดมีฝูงชนหลั่งไหลเข้ามาทำให้เธอถูกคนข้างๆ เบียดไปมา เย่เซียวมองผู้ชายเหล่านั้นเสียดสีข้างกายเธอ ขณะที่เธอมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว พอถูกฝนสาดเทใส่มันก็เริ่มโปร่งบาง ผู้ชายข้างๆ เหล่านั้นมักส่งสายตามาทางเธอเป็นระยะๆ!
เขาตวัดตาเย็นชาไปและในวินาทีถัดไปก็ยื่นมือรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขน
มือหนึ่งของเขายังถือร่มอยู่ อีกมือวางไว้หลังเอวของเธอให้เธอตัวแนบชิดกับอกตน
ไป๋ซู่เย่ชะงักเพราะความใกล้ชิดที่กะทันหันนี้ กลิ่นอายของเขาฟุ้งออกมาชวนให้เธอรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและแสบจมูก
เธออยากจมดิ่งอยู่ตรงนี้โดยไม่ต้องสนใจอะไร สัมผัสอุณหภูมิของเขา สูดดมกลิ่นอายของเขา ไม่ต้องสนใจถึงสถานะตัวเอง ไม่ต้องสนใจถึงความเป็นความตายของเขา…
แต่สติที่ยังมีอยู่กลับให้เธอเผลอขยับกายไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัวเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
“อย่าขยับ!” เขาพูดกระแทกเสียงสายตาจดจ้องกับกลุ่มคนข้างกายไม่ห่าง
“ฉันตัวเปียก”
“…” เย่เซียวกลับไม่สนใจเธอแค่โยนร่มในมือทิ้งเมื่อกลุ่มคนเบียดกระแทกตัวเข้ามา ใช้สองมือกอดเธอแน่นวาดพื้นที่ว่างที่ปลอดภัยออกมา
ชายหนุ่มกอดเธอแน่นจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น สัมผัสอุณหภูมิกายเขา ไป๋ซู่เย่ไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อน
เขาเหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ฝังรากอยู่ตรงนี้ ช่วยบังลมบังฝนให้เธอ ให้เธออยู่รอดปลอดภัย แต่เพราะความสบายใจเช่นนี้ถึงสร้างความเจ็บปวดแก่เธอมากกว่าเดิม ถ้อยคำของปลัดกระทรวงรวมถึงภาพถ่ายที่ฝ่ายข้อมูลถ่ายไว้ แล้วก็ความเป็นความตายของเขา…
จุดจบที่เธอไม่กล้าคาดคิด
…………………………
รถไฟใต้ดินผ่านไปสิบกว่าสถานี
ไป๋ซู่เย่เกร็งตัวแน่นไม่อนุญาตให้ตัวเองหลงลืมไปว่ากำลังจมดิ่งในอ้อมกอดของเขา
ระหว่างทางโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาล้วงออกมาดูและหน้าจอที่ฉายว่า ‘น่าหลัน’ ไป๋ซู่เย่เองก็เห็นด้วยเช่นกัน สองมือกำแน่นขึ้นและเบี่ยงหน้าหันหนีเงียบๆ ไปยังนอกหน้าต่าง
ด้านนอกมืดสนิทเพราะอยู่ในอุโมงค์ เธอกลับจ้องตาไม่กะพริบ
จากนั้นได้ยินเสียงพูดของเขา
“อืม เดี๋ยวผมกลับไป พวกคุณสองคนรอผมอยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไร ผมแค่มาเอาของที่ลืมไว้หน่อย”
วางสาย
ไม่มีบทสนทนาอีก
ไป๋ซู่เย่ขยับตัวไปด้านหลังอีกก้าวเล็กๆ เย่เซียวเองรู้สึกได้
เขาก้มหน้ามองเธอเพราะหวังอยากค้นหาบางอย่างจากหน้าเธอได้บ้าง ความสนใจก็ยังดี ความหึงหวงก็ดี หรือจะความโกรธก็ยังได้ แต่มองอยู่พักใหญ่หน้าเธอกลับมีเพียงความเรียบนิ่งดั่งพื้นผิวน้ำที่สงบ!
จู่ๆ เย่เซียวก็รู้สึกว่าการกระทำที่ตนถือร่มพุ่งตัวออกมามันช่างน่าขัน
เขาคิดว่าเขาสนใจความรู้สึกเธอขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่พอใจ ไม่พอใจที่หลังจากเธอเล่นสนุกกับเขาแล้วตอนนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปอย่างสมบูรณ์ แล้วยังรักเธออีกไหม? ไม่มีทาง! นอกจากเขาจะบ้าไปแล้ว!
ขณะที่เขาจมอยู่ในความคิดก็ถึงป้ายที่ต้องลง มีคนลงจำนวนมากจึงเกิดพื้นที่ว่างไปด้วยเช่นกัน ไป๋ซู่เย่ผละออกจากอ้อมแขนเขาและเดินนำลงไป
เย่เซียวเดินตามหลังเธอ
สุดท้ายเย่เซียวไม่ได้ขึ้นไป ไป๋ซู่เย่หยิบเนกไทเขาลงมา
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ”
เย่เซียวถือร่มพยักหน้ารับอย่างเย็นชา คอยมองเธอวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในตึกอาคารผ่านม่านฝนหนาๆ ตลอดทางที่วิ่งไปไม่หันกลับมาสักนิด…
มือที่จับร่มอยู่กำแน่น
หยาดน้ำฝนกระเด็นใส่หน้าเขา เพิ่มความหนาวเหน็บแก่ใบหน้าเย็นชานั่น
…………………………
เย่เซียวไม่ได้ทานมื้อเย็น
กลับมาถึงร้านอาหารด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
ถังซ่งกับน่าหลันก็หมดความอยากอาหาร ทั้งสามคนจึงชำระเงินกลับไปโดยที่เย่เซียวส่งถังซ่งกลับโรงพยาบาลก่อน
ถังซ่งให้น่าหลันรออยู่ในรถ เพื่อที่เขากับเย่เซียวจะไปสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลก่อนสักมวน
“ฉันว่าครั้งนี้นายทำเกินไป ทิ้งเธอไว้กับฉันอย่างนั้น เธอเสียใจแทบตาย”
เย่เซียวดูดบุหรี่เฮือกใหญ่ไร้ข้อโต้แย้ง
ถังซ่งกล่าว “เย่เซียว นายเงียบไม่ตอบโต้ กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? นายว่าถ้านายไม่ได้ชอบไป๋ซู่เย่ ทำไมนายถึงเห็นเธอเจ็บปวดไม่ได้? ไหนบอกว่าจะทรมานเธอไง เธอแค่ตากฝนนิดหน่อยนายก็รีบวิ่งไปกางร่มให้เธอ วิธีทรมานของนายนี่น่าสนใจดีจริงๆ นะ!”
เย่เซียวเกร็งหน้าจนตึงไปหมด “เธอได้แผลมาเพราะฉัน ฉันกางร่มไปส่งก็เพราะคุณธรรมทั้งนั้น”
“ถุย! คราวก่อนผู้หญิงที่โดนนายหักแขนตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย ทำไมฉันไม่เห็นนายไปเยี่ยมดูสักนิด คุณธรรมของนายหายไปไหนหมด?”
เย่เซียวปรายตามองถังซ่งอย่างนึกรำคาญใจแวบหนึ่ง “นายพูดมากอะไร อยากพูดอะไรกันแน่!”
“ฉันอยากบอกว่าเย่เซียว นายสู้ไป๋ซู่เย่ไม่ได้หรอก ถ้านายเล่นกับเธอต่อไปอย่างนี้คนที่ถูกทรมานคงไม่ใช่เธอแต่เป็นนาย!”
“ฉันเล่นสู้เธอไม่ได้ตรงไหน?”
สีหน้าเย่เซียวบอกเลยว่าไม่ดีมากๆ
หากเป็นปกติถังซ่งไม่มีทางพูดต่อไป แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน
“เพราะนายรักเธอ รักเธอมากกว่าที่เธอรักนายมาก ฉะนั้นสิบปีที่แล้วนายสู้เธอไม่ได้ สิบปีหลังนายก็สู้เธอไม่ได้อย่างเดิม!”
เย่เซียวทิ้งก้นบุหรี่และกระชากคอเสื้อถังซ่ง “ถังซ่ง ฉันขอเตือนนายไว้ว่าอะไรพูดได้ อะไรพูดไม่ได้ นายคิดให้ดี!”
“ฉันรู้ดีกว่านายเยอะ! นายดูนายสิ หลายวันนี้นายกลายเป็นสภาพไหนไปแล้ว นายที่ไม่เคยเมามาก่อนยังมอมตัวเองให้เมาไม่ได้สติ แต่นายดูไป๋ซู่เย่! ไม่มีนายอยู่ เธอใช้ชีวิตสุขสบายดี! ข้างกายมีแฟนและรู้จักมาตรวจตามหมอนัดที่โรงพยาบาล ดูมีชีวิตชีวากว่านาย! ถ้าจะเล่น นายเล่นสู้เธอไหม? เย่เซียว สิบปีก่อนเรื่องที่นายถูกยิงทะลุไส้เพราะเธอ ฉันเคยเล่าให้เธอฟังตั้งนานแล้ว ฉันถามนาย เธอเคยถามนายสักประโยคบ้างไหม? เคยขอโทษนายเพราะเรื่องนี้บ้างไหม? แล้วเคยสงสารนายบ้างไหม? เคยเป็นห่วงนายบ้างไหม? เธอแค่ทำเหมือนไม่รู้เห็นอะไรอยู่ต่างหาก!”
คำถามเป็นพรวนทำให้เย่เซียวรู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลายออกเป็นชิ้นๆ
อารมณ์บางอย่างที่อัดอั้นในอกกำลังส่งเสียงคำราม พุ่งชนหัวใจเขาคล้ายไม่มีที่ให้ระบาย
เขายกกำปั้นขึ้นมาต่อยหน้าถังซ่ง
ถังซ่งไม่ได้หลบและยอมรับหมัดที่เหมือนได้ระบายอารมณ์ของเขาโดยดีจนมุมปากเปื้อนเลือด “นายกล้าทำแบบนี้กับฉันเท่านั้นแหละ! ถ้านายมีพลังงานเหลือก็ลองไปทำกับไป๋ซู่เย่ดูสิ! นายกล้าไหม?”
ตาเย่เซียวแดงก่ำเจ้าตัวดูบิดเบี้ยว เขากลับเก็บกำปั้นไม่ลงมืออีก
“เย่เซียว ฉันเป็นพี่น้องของนาย เคยช่วยนายมาจากขุมนรกครั้งหนึ่ง ฉันไม่อยากไปดึงนายกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง นายเข้าใจไหม?” ถังซ่งกัดฟันอยากจะด่าเขาให้ได้สติ “ไป๋ซู่เย่เป็นตัวกาลกิณีในชีวิตของนาย เคยทำให้นายตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้านายฉลาดพอก็ควรออกห่างจากเธอให้ไกล ยิ่งไกลยิ่งดี!”
ออกห่าง?
ถ้าทำได้ เขาหวังอยากตีตัวออกห่างเธอให้ไกลกว่าทุกคน!
แต่ทุกครั้ง…ผลของทุกครั้งก็ล้วนเกิดขึ้นเพราะใจที่ห้ามไม่ได้! จบลงด้วยความแหลกเหลว!
………………………