อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 678 รักจนหลงทาง (1)
ในห้องเงียบลง เธอใช้ชุดคลุมอาบน้ำคลุมตัวและเทไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ยืนจิบเบาๆ ตรงริมหน้าต่าง อาจเป็นฤทธิ์ไวน์ที่ทำให้ความว้าวุ่นในใจผ่อนเบาลงบ้างเล็กน้อย
แต่ในขณะนั้นเอง…
โทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ยจู่ๆ ก็แผดเสียงขึ้น เธอสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เห็นว่ามีข้อความฉบับหนึ่งเข้า
“ให้เวลาคุณห้านาที มาห้อง 2403”
ไป๋ซู่เย่ปิดโทรศัพท์
เย่เซียวรู้ว่าเธออยู่ที่นี่
ห้อง 2403 อยู่ห่างจากห้องของตนไปเพียงสองหมายเลขเท่านั้น
“คุณยังมีเวลาอีกสองนาที”
ข้อความอีกฉบับเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์
ไป๋ซู่เย่เม้มปากแรงๆ ทีคล้ายได้ตัดสินใจแล้ว วางแก้วไวน์ในมือลงและไม่ทันเปลี่ยนแม้แต่ชุดบิกินี่สุดแสนเซ็กซี่บนตัวด้วยซ้ำ ทำเพียงแค่คลุมด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำก็ออกไปแล้ว
ห้อง 2403
เธอกดกริ่งห้องอย่างไร้ความลังเล
สิ้นเสียงกริ่งประตูก็เปิดออก
ทั่วทั้งห้องพักทางนี้คนอื่นไปทานอาหารกันหมดแล้วทำให้ชั่ววินาทีนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน แต่ไป๋ซู่เย่กลับรู้สึกว่ามีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองตนอยู่
เธอไม่รู้ว่าทางกระทรวงความมั่นคงได้จัดวางเส้นสายตนไว้ที่นี่ด้วยหรือไม่
“คิดได้แล้วเลยไม่คิดจะหนีผมแล้ว?” เย่เซียวยืนหน้าประตูกวาดสายตาจากบนลงล่างมองเธออย่างเย็นชา
เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำบวกกับสีหน้าเย็นชานั่นคล้ายกับเจ้าแห่งรัตติกาลที่เพียงสายตาเดียวก็เกี่ยววิญญาณผู้พบเห็นไปได้
เสื้อเชิ้ตสีดำมีน้อยคนนักที่จะดูดีเมื่อสวมใส่ แต่ผู้ชายตรงหน้ากลับสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเย็นชาทั้งร้ายกาจและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นชาย
ไป๋ซู่เย่จิกฝ่ามือแรงๆ ให้ตัวเองตั้งสติหน่อย ไม่อนุญาตให้ตนลุ่มหลงอยู่กับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
“ฉันอยากคุยกับคุณหน่อย”
เย่เซียวหลีกทางให้ก่อนที่ไป๋ซู่เย่จะเข้ามา เธอยืนอยู่ริมหน้าต่างและพยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างสุดความสามารถ บางคำพูดที่เคยซักซ้อมในใจมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่พอจะพูดออกมากลับยังต้องการความกล้าและความเด็ดขาดอยู่มากโข…
เย่เซียวเทไวน์แดงสองแก้วอย่างไม่รีบร้อน “ดื่มสักแก้วมั้ยไหม?”
“ขอบคุณ” ไป๋ซู่เย่ยกไวน์ไว้ในมือหนึ่งแก้วและดื่มมันในรวดเดียวแล้ววางแก้วลงทั้งที่มือของเธอยังจับก้นแก้วไว้อย่างเบาๆ ไม่ปล่อย ผ่านไปพักใหญ่ผละออกเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาพร่ามัว ฉายอารมณ์เจ็บปวดใจที่ไม่ทันรู้ตัวออกมาเล็กน้อย “เย่เซียว เรามามีเซ็กส์กันเถอะ!”
เย่เซียวสูดหายใจลึก
แค่ประโยคเดียวเท่านั้นก็ทำให้ร่างกายของเขามีปฏิกิริยาทันที
เขาโยนแก้วในมืออย่างแรงจนเกิดเสียง ‘เพล้ง!–’ เพราะกระทบกับเครื่องไม้ ไวน์แดงสาดกระจายเต็มพื้นพรมสีเบจคล้ายดอกฝิ่นที่กำลังบานสะพรั่ง งดงามเย้ายวนทว่าอันตราย…
เหมือนเธอที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ณ ตอนนี้
เขากระชากตัวเธอเข้าไปกักไว้ในอ้อมแขน นิ้วมือบีบคางเธอให้เชิดใบหน้าขึ้น “คุณคิดวางแผนอะไรอีก? หืม?”
แววตาของเขาสื่ออารมณ์ความต้องการชั้นบางๆ ให้เห็น ต่อหน้าเธอเขาไม่อาจควบคุมความต้องการได้เลย แต่ภายในความต้องการนั้นกลับยังมีสติและความเย็นเฉียบอยู่บ้าง สายตาคู่นั้นคล้ายจะจ้องเธอให้ทะลุให้มองเห็นถึงส่วนลึกของหัวใจเธอ “อยากได้ข้อมูลข่าวอะไรจากผมอีกแล้วใช่มั้ยไหม? ไป๋ซู่เย่ ถ้าคุณยังกล้ามีความคิดแบบนี้อย่างไม่เจียมตัวอีก ผมจะทำให้คุณตายไม่มีที่กลบฝัง”
ประโยคสุดท้ายเขากัดฟันพูดเหมือนจะกัดกระดูกของเธอให้แตกหักก็ไม่ปาน
ไป๋ซู่เย่แสบปลายจมูกและรู้สึกขมขื่นในใจ แต่กลับจ้องเขาอย่างดื้อดึง “คุณจะทำหรือไม่ทำ? ถ้าไม่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย…”
เย่เซียวพ่นลมออกมาแรงๆ หมุนตัวดันตัวเธอให้ติดตู้ข้างๆ อย่างแรง ‘พลั่ก–’ เสียงที่เกิดขึ้นเพราะหลังเธอกระแทกเข้าใส่จนเกิดเสียงดังลั่นในห้อง
“ในเมื่อคุณมาขอร้องให้ผมมีอะไรกับคุณ งั้นตอนนี้คุณก็เอาใจผมซะ! ถ้าผมพอใจ ผมก็จะทำให้คุณพอใจเหมือนกัน!”
ไป๋ซู่เย่มองเขาแวบหนึ่ง สองมือโอบลำคอเขาไว้อย่างไม่ลังเลสักนิด เขย่งปลายเท้าประกบปากของเขา
เธอจูบด้วยความรีบร้อนใจราวกับต้องการปลุกความสนุกในตัวเขาให้ได้ แต่ความบ้าบิ่นนั่นกลับฉายอารมณ์ความสิ้นหวังที่แม้แต่เย่เซียวยังรู้สึกได้
ประสบการณ์จูบของเธอได้เรียนรู้มาจากเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้กลับงัดทุกอย่างออกมาเพื่อเอาใจเขา
ปากของเธอนุ่มนิ่มหอมหวาน
ลิ้มของเธอเปียกชื้นร้อนระอุ
แตะสัมผัสกับริมฝีปากของเขาและบดบี้กับปากเขาจนแทบจะทำเอาเขาสลัดทิ้งเกราะป้องกันทั้งหมด ตัวของเขาเกร็งจนเจ็บไปหมดคล้ายจะระเบิดได้ตลอดเวลา
“ไป๋ซู่เย่ คุณมีเทคนิคเอาใจคนแค่นี้เองเหรอ?” เขาจับมือของเธอมาไว้ตรงหัวเข็มขัด หอบหายใจหนักหน่วงและกดเสียงต่ำลง “เอาไม้ตลับเมตรมามั้ยไหม?”
“…ไม่ได้เอามา”
เย่เซียวงับปลายหูของเธอ “งั้นไว้ครั้งหน้า”
ขอบตาไป๋ซู่เย่ร้อนผ่าว หันหน้าไปประกบจูบปากของเขาอีกครั้ง จูบจนลมหายใจของทั้งคู่ผิดจังหวะ จูบจนเขาฉีกกระชากชุดคลุมอาบน้ำบนตัวเธอออกอย่างป่าเถื่อน โยนเธอลงบนเตียง ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็เอ่ยปากกล่าวเสียงสั่น “เย่เซียว ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว…”
ตัวเขาสะท้านรุนแรง
มือใหญ่ที่วางไว้บนเอวเธอกระชับแรงอย่างไม่รู้ตัวเหมือนจะบีบเอวเธอให้หัก
ไป๋ซู่เย่จับผ้าปูที่นอนใต้ร่างไว้แน่น ต่อให้เขารุนแรงป่าเถื่อนขนาดนี้แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บ
วินาทีนี้ อย่างน้อยเธอยังถูกเขาโอบกอด…
ต่อให้เจ็บแต่ความเจ็บช่วยทำให้เธอเข้าใจว่าชั่วขณะนี้เป็นสัมผัสที่แท้จริงทั้งหมด
นี่ไม่ใช่ความฝัน และไม่ใช่ภาพจินตนาการ เธออยู่ในอ้อมแขนของเขา…
“นี่เป็นวันสุดท้ายตามสัญญาของเรา เราคุยกันไว้แล้วว่าหลังจากจบสิ้นจะไม่ตามพัวพันกันและกันอีก เราควรพูดได้และทำให้ได้ ถ้าคุณคิดว่าตลอดเดือนนี้คุณยังระบายอารมณ์ไม่พอ นี่คือวันสุดท้าย…”
“นี่คือวันสุดท้าย ผมอยากเอาคุณให้ตาย!” เย่เซียวพูดต่อเธอและทุกคำแฝงด้วยความไม่พอใจ ความโกรธรวมถึงความเกลียดชังของเขา
เขาเองก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายตามสัญญาของพวกเขา เขาเองก็รู้ว่าพวกเขาจะตามพัวพันกันและกันอีกไม่ได้ แต่คำพูดเหล่านี้…เขากลับไม่อาจเอ่ยมันออกจากปากได้สักที!
กลับเป็นเธอที่พูดมันออกมาได้อย่างใจเย็น มีสติขนาดนี้! คล้ายอดใจไม่ไหวที่จะได้จบความสัมพันธ์นี้กับเขาเสียที อดใจไม่ไหวที่อยากให้เขาหายไปจากโลกของเธอสักที!
ความรู้สึกที่พ่ายแพ้ไม่เหลือชิ้นดีต่อเธอแบบนี้ ทำเอาเขาแทบเป็นบ้า
“ไป๋ซู่เย่ คืนนี้ผมจะเอาคุณให้จดจำผมไปตลอดชีวิต!” เย่เซียวกัดฟัน กระชากเนกไทบนคอออกเพื่อมัดมือทั้งสองข้างของเธอผูกกับหัวเตียงไว้อย่างง่ายดาย
เธอเคยฝึกท่าขืนตัวมาบ้างซึ่งหากเป็นวิธีผูกเชือกทั่วไปก็ขืนตัวออกได้อย่างง่ายดาย แต่วิธีการผูกเชือกของเจ้าเย่เซียวสร้างมันมาเพื่อต่อกรกับวิธีป้องกันตัวของพวกเขา
“เย่เซียว คุณปล่อยฉันนะ!” ตัวของเธอขุดคู้อยู่บริเวณหัวเตียง ทั้งที่เตรียมใจมาก่อนแล้วแต่พอเห็นท่าทางเฉิดฉายราวกับสัตว์ดุร้ายยามอยู่ต่อหน้าต่อตนของเขา เธอยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
“ผมขอเตือนไว้ว่าอย่าเสียแรงเปล่า สู้เก็บแรงไว้ขอร้องผมตอนอยู่ใต้ร่างดีกว่า! บางที เห็นคุณน่าสงสาร ผมอาจจะปล่อยคุณไป!”
………………………………….