อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 683 เหวลึกของความรัก (2)
รถยนต์ขับวนรอบเมือง
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นรถยนต์ได้ขับมายังเกาะส่วนตัว จากนั้นก็ขับตรงดิ่งเข้าไปในอาณาเขตคฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่ง
คฤหาสน์แห่งนี้ไป๋ซู่เย่รู้จักเป็นทุนเดิม เจ้าของคือเชื้อสายราชวงศ์ของประเทศ Y เป็นของขวัญที่ประธานาธิบดีคนก่อนมอบให้แก่เจ้าหญิงและเจ้าชายของเชื้อสายราชวงศ์ประเทศ Y เวลานี้ของทุกปีเจ้าชายและเจ้าหญิงจะมาพักผ่อนที่แห่งนี้สักระยะหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่ไม่เคยคิดเลยว่าที่นี่จะเป็นสถานที่รักษาตัวของเย่เซียว มิน่าคนของกระทรวงความมั่นคงถึงไม่พบร่องรอย ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดพวกเขาย่อมไม่กล้ากระทำการที่เกินกว่าเหตุมากไป
ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าประตูได้ผ่านด่านแล้วด่านเล่าถึงถูกคนพาเข้าไปได้สำเร็จ
ณ เวลานี้แม้จะมืดค่ำแล้วแต่ตัวคฤหาสน์กลับเปิดไฟสว่างโร่ราวกับยามกลางวัน มีคนถือปืนเดินสำรวจความปลอดภัยทุกที่ ทหารมีอยู่ทุกหนแห่ง
กวาดมองรอบข้างทีและมั่นใจว่าที่แห่งนี้เข้มงวดแม้แต่แมลงวันยังบินเข้ามาไม่ได้ เธอกลับถอนหายใจโล่งอกแทน
เดินผ่านทางเดินสีทองระยิบระยับ เห็นเพียงถังซ่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาวเดินมา
“พวกคุณถอยลงไปเถอะ” ถังซ่งโบกมือไล่คนข้างๆ
“เย่เซียวล่ะ? เขายังสบายดีไหม?” ไป๋ซู่เย่ถามอย่างประหม่า
“ตามผมมาเถอะ” ถังซ่งปรายตามองเธอนิ่งวูบหนึ่ง สายตาเย็นชาจนไป๋ซู่เย่ไม่รู้ว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ มักรู้สึกว่าถังซ่งในตอนนี้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อตนมากขึ้น
แต่ยามนี้เธอเองก็ไม่มีใจจะไปสนใจว่าเขามีความรู้สึกอารมณ์อย่างไรต่อตน ทั้งหัวใจคิดถึงแต่เย่เซียว
เรือนหลัก
ชั้นสาม
ถังซ่งพาเธอขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นบน เสียงลิฟต์ดัง ‘ติ๊ง–’ ประตูเปิดออก ไป๋ซู่เย่ก็เห็นหลายคนกำลังถือปืนเดินไปมา และหยูอันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เขาเห็นไป๋ซู่เย่ตั้งแต่แวบแรกเช่นกัน สีหน้าดุดันแทบจะยกปืนที่ถือขึ้นมาทันที ปลายกระบอกปืนอันเย็นเฉียบจ่อไป๋ซู่เย่อย่างแม่นยำ
“ถอยหลังไป!”
เขาตวาดเสียง
“ฉันอยากเจอเย่เซียว” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ถอยหลัง แต่สบตาหยูอันอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย
“คุณไม่มีสิทธิ์!” หยูอันสีหน้าเย็นชา ปลายกระบอกปืนเข้าใกล้อีกนิด“ไป๋ซู่เย่ อย่าบีบบังคับให้ผมต้องฆ่าคุณ!รีบถอยหลังซะ!เย่เซียวไม่มีทางอยากเจอคุณ!”
ไป๋ซู่เย่หันไปมองถังซ่ง
ถังซ่งกดปลายกระบอกปืนหยูอันลง หยูอันหันกลับมามองถังซ่ง “คุณชายถัง!”
“ให้เธอเข้าไป” ถังซ่งพูดออกมาสั้นๆ
“ทำไมกัน?” หยูอันกัดฟันกรอด “ผมอยากฆ่าเธอตอนนี้เลย! ถ้าไม่ใช่เธอ เย่เซียวคงไม่โดนลูกกระสุนของไฟเรนเซ่หรอก!”
“จะฆ่าเธอหรือไว้ชีวิตเธอ เย่เซียวตัดสินใจเองได้!” ถ้อยคำของถังซ่งหนักแน่น เขายังคงกำปืนของหยูอันไว้ไม่ปล่อย หันมามองไป๋ซู่เย่อีกแวบหนึ่ง “คุณเข้าไปเถอะ”
“ขอบคุณ” ไป๋ซู่เย่หยักหน้า
“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมให้คุณเข้าไปไม่ใช่เป็นเพราะคุณ” ถังซ่งไม่มีใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อน ท่าทีที่มีต่อไป๋ซู่เย่เย็นชากว่าที่ผ่านมามากนัก
ไป๋ซู่เย่อยากถามเหตุผลกับถังซ่งให้รู้เรื่องกว่านี้ แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้
ภายใต้สายตาจดจ้องของกลุ่มคน ดันประตูเข้าไป
หยูอันขืนตัวออกจากการกอบกุมของถังซ่ง “คุณชายถัง ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง!หรือว่าเย่เซียวยังถูกผู้หญิงคนนี้ทรมานไม่พอ?”
ดวงตาหยูอันแดงก่ำรู้สึกคับแค้นใจแทนเย่เซียว
ถังซ่งมองบานประตูที่ปิดสนิทด้วยแววตาล้ำลึกเล็กน้อย “จากนิสัยของเย่เซียวสักวันก็ต้องตามไปคิดบัญชีนี้กับเธอ ส่วนเธอจะอยู่หรือตาย วันนี้เย่เซียวคงให้จุดจบสักอย่างกับเธอ”
พูดถึงนี่เขามองหยูอันแวบหนึ่งด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา “บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ให้พวกเขาตัดขาดมันด้วยตัวเอง ทุกคนจะได้สบายใจ”
ได้ยินเขาว่าดังนั้นสีหน้าเย็นยะเยือกของหยูอันผ่อนคลายลงกว่าเดิม แต่มือยังกำปืนแน่นพร้อมจะต่อสู้เสมอ
ผู้หญิงอย่างไป๋ซู่เย่ เขาจำเป็นต้องระวังตัวไว้ก่อน
……………………………………
ประตูห้องผลักเบาๆ ก็เปิดออกแล้ว
นี่เป็นห้องใหญ่ขนาดสองร้อยตารางเมตร ม่านหน้าต่างปิดสนิทไม่ปล่อยให้แสงจันทร์เล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อย
หัวเตียงมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟที่ปกคลุมบริเวณเตียงใหญ่ทั้งหมด
เย่เซียวนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ เงียบสงบคล้ายจะหลับไปแล้ว เสียงเปิดประตูของเธอยังไม่ทำให้เขาตื่นได้
ใต้ผ้าห่มผืนขาวเผยให้เห็นไหล่ของเขาที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลชั้นหนา
บนแขนมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ เนื่องจากว่าให้น้ำเกลือนานเกินไปตรงเส้นเลือดเลยมีรอยฟกช้ำ
ไป๋ซู่เย่เดินเข้าไปหาเขาหนึ่งก้าวก็เหมือนจะมีลวดเหล็กเส้นบางๆ พันล้อมหัวใจเธอ ค่อยๆ กระชับแน่นขึ้นจนเธอหายใจลำบาก
เย่เซียว…
สิบวันไม่เจอกัน…
เขาเหมือนจะผอมลงมากทีเดียว
กระทั่งหลับใหลหัวคิ้วกลับยังขมวดแน่นไม่คลายดูเย็นชา กลีบปากแห้งแตกขับให้เขาดูอ่อนแออย่างมาก อ่อนแอจนน่าปวดใจ…
เย่เซียวในความทรงจำอยู่อย่างเจ้าแห่งจ่าฝูง แข็งแกร่งไม่มีวันล้มลงตลอดกาล
เย่เซียวในขณะนี้กลับอยู่ในสภาพที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน กลับทำให้เธอทั้งสงสารและปวดใจ
ปลายนิ้วลูบไล้ผ่านรอยฟกช้ำบริเวณแขนเขาอย่างเจ็บปวดใจ จากนั้นเลื่อนไปใต้คางเขา ริมฝีปากที่แห้งผาก มาจนถึงดวงตาที่ปิดสนิท…
ไป๋ซู่เย่ขอบตาแดงระเรื่อ หายใจหอบหนัก
เธอรู้ว่ามันไม่ควร
กับเย่เซียว ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ถึงขั้นที่เธอไม่ควรปวดใจ ไม่ควรมาที่นี่ แต่ว่า…
เมื่อเจอผู้ชายคนนี้ สติของเธอกลับเอาชนะความต้องการส่วนลึกของหัวใจไม่ได้…
มือกำแน่นปลายเล็บจิกฝ่ามือ เธออยากให้ความเจ็บนี้เรียกสติตัวเองกลับมาได้บ้าง
สูดจมูกทีพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนจะถอนมือกลับไปเมื่อสัมผัสร้อนผ่าวตรงปลายนิ้วเหือดหายเรียกให้หัวใจเธอวูบโหวง กลับไม่กล้าใกล้ชิดกว่านี้
กลัว…
กลัวยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไรก็ยิ่งทำใจถอยออกมาไม่ได้มากเท่านั้น
แต่ขณะที่จะผละมือออกกลับถูกคว้าข้อมือไว้อย่างแรง
มือของชายหนุ่มเย็นเฉียบเหมือนไร้อุณหภูมิ แตะสัมผัสผิวของเธอซึมเข้าไปในกาย สั่นเพราะความหนาวเหน็บ
เย่เซียว ตื่นแล้ว!
น้ำตาที่ไป๋ซู่เย่เพิ่งกลั้นไว้เมื่อสักครู่เอ่อคลออีกครั้งในชั่วพริบตาอย่างควบคุมไม่อยู่ ภาพตรงหน้าเหลือเพียงความพร่ามัว จากนั้นเป็นเสียงตะคอกของเย่เซียวที่พยายามระงับอารมณ์โกรธกริ้ว “ไป๋ซู่เย่ คุณคิดจะทำอะไรอีก?!”
ดุดัน
ราวกับเกลียดชังเหลือเกิน ถึงได้กัดฟันพูดทุกคำ
ไป๋ซู่เย่ใช้ดวงตาที่พร่ามัวมองเขา ดวงตาคู่ที่แดงก่ำของชายหนุ่มดุจสัตว์ดุร้ายที่พร้อมจะฉีกทึ้งตัวเธอให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ถึงจะยอมชะล่าถอย
ในหัวเธอกลับขาวโพลน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรอธิบายเหตุผลที่ตนมาที่นี่อย่างไร ทั้งที่เธอเป็นคนบอกจบ คนที่บอกว่าจะไม่เจอกันอีกก็เธอ คนที่บอกไม่ตามพัวพันอีกก็เธอเช่นกัน แต่ครั้งนี้…คนที่เดินย้อนกลับมาตรงหน้าเขาใหม่อย่างห้ามใจไม่ไหวก็เป็นเธอด้วยเช่นกัน…
“ฉันควรไปแล้ว” ไป๋ซู่เย่อยากมีสติ อยากใจเย็น แต่น้ำตาหนึ่งหยดที่ร่วงหล่นลงมา เธอแกะมือของเย่เซียวเพื่อจะได้ขืนตัวเองออกจากฝ่ามือของเขา
…………………………………