อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 686 โซ่ตรวนรัก (1)
มีช่วงพักใหญ่ที่ในหัวถังซ่งมีแต่ภาพที่ไป๋ซู่เย่ร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นเขาไม่รู้ว่าเพราะความรักหรือไม่ แต่หากนี่สื่อได้ว่าเธอรักเย่เซียว ความรักแบบนั้นช่างประหลาด คนปกติทั่วไปคงไม่มีบุญพอจะรับไหว
แต่กลับเหมาะสมกับคนแปลกอย่างเย่เซียวมาก เย่เซียวไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว หากเจอเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่แน่เขาอาจไม่สนใจด้วยซ้ำ คงไม่รักจนยากจะลืมกันขนาดนี้
“เสร็จแล้ว ทำแผลเสร็จแล้ว สองวันนี้อย่าโดนน้ำ ต้องใส่ยาให้ตรงเวลา” ถังซ่งเก็บอุปกรณ์ยาแล้วพูดสั่ง
“ขอบคุณ” เพราะเสียเลือดมากไปไป๋ซู่เย่เลยดูอ่อนแออยู่บ้าง เธอหันหลังไปหน่อยเพื่อใส่เสื้อให้ดี รอยเลือดตรงไหล่ชัดเจนมากจนสภาพเจ้าตัวดูแย่อยู่สักหน่อย
ถังซ่งสั่งคนข้างๆ “พาคุณไป๋ไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันได้เจอเขาแล้วฉันก็ควรกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไป๋หลางจะเป็นห่วงเอาได้” ไป๋ซู่เย่เก็บซ่อนอารมณ์ตนให้ดี ท่าทางนั้นคล้ายว่าน้ำตาที่ไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของถังซ่งเท่านั้น เธอหันกลับมามองถังซ่ง “ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณ…”
ถังซ่งเหยียดปาก “ขอบคุณผมอะไร? ขอบคุณผมที่ให้คุณได้แผลใหม่? บอกตามตรงตอนแรกผมคิดว่าตามนิสัยของเย่เซียว วันนี้เห็นคุณก็ควรฆ่าคุณเพื่อระบายความโกรธ”
ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่นไม่ตอบ เดิมทีเธอเองก็คิดว่าตนอาจจะตายด้วยน้ำมือเขาแล้ว
“ผมจะให้คนพาคุณไปส่งที่ท่าเรือ”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้า ชะงักเล็กน้อยเหมือนจะอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายไม่ได้พูด ถังซ่งคล้ายจะรู้ทันความคิดเธอ “คุณสบายใจได้ คุณไม่บอกผมก็จะดูแลเขาให้ดี”
ไป๋ซู่เย่ทำเพียงแค่ยิ้ม เปิดประตูเผลอหันไปมองบานประตูสุดทางเดินที่ปิดสนิทโดยไม่รู้ตัว นึกถึงชายหนุ่มที่อยู่ในห้องนั้น ท้ายที่สุดแค่ถอนสายตากลับมาเตรียมไปจากที่นี่
ขอแค่เขาปลอดภัย…ก็พอ…
ลูกกระสุนที่อยู่ในหัวใจนั่น ถังซ่งจะต้องหาทางได้แน่ๆ…
ไป๋ซู่เย่พูดปลอบตัวเองอยู่อย่างนั้นและเดินไปข้างนอก แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าวกลับได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างพร้อมเพรียงจากด้านหลัง จากนั้นทางของเธอก็มีคนขวางไว้
“รัฐมนตรีไป๋ เกรงว่าคุณต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวแล้ว” หยูอันเดินไปตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิม
ไป๋ซู่เย่เงยหน้ามองเขา “คุณกลัวว่าฉันจะเปิดเผยความเคลื่อนไหวของพวกคุณเหรอ?”
“ไม่แปลกที่จะกังวลเรื่องนี้หรอกใช่ไหม? ก่อนที่นายท่านเราจะอาการคงที่ ผมว่าคุณคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน”
ไป๋ซู่เย่ครุ่นคิดชั่วขณะและพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ ฉันยอมอยู่”
ทางปลัดกระทรวงเธอไม่จำเป็นต้องรายงานอย่างละเอียด อีกอย่างอยู่ต่อไปเธอจะได้ถามที่มาที่ไปของเรื่องการดักฟังในครั้งนี้กับถังซ่งและหยูอัน
ไป๋ซู่เย่มองหยูอัน “พวกคุณกักบริเวณฉัน ถ้าไม่อยากเกิดความเดือดร้อนต้องให้ฉันติดต่อลูกน้องฉันก่อน”
หยูอันมองเธออย่างระแวงแวบหนึ่ง “อย่าคิดตุกติก!”
จากนั้นหันกลับไปสั่งคนที่ตามมา “พาเธอไป ให้คนเตรียมห้องให้ดี!”
“ครับ รัฐมนตรีไป๋ เชิญตามผมมาเลย!”
……………………
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้คิดมาก เดินตามคนของหยูอันไป
ทั่วอาณาบริเวณนี้ถูกพวกเขาปิดกั้นสัญญาณไว้ทำให้โทรศัพท์ของเธอโทรออกไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรกลัวก็แต่ไป๋หลางที่อยู่ทางนั้นจะเริ่มกระวนกระวายแล้ว
ไป๋ซู่เย่ถูกนำมายังห้องหนึ่ง อาจเป็นเพราะระแวงเธอทำให้ห้องของเธออยู่ห่างจากห้องเย่เซียวอย่างมาก เย่เซียวอยู่เรือนหลักส่วนเธออยู่เรือนสำรอง แต่พอเปิดม่านหน้าต่างก็เห็นหน้าต่างห้องของเขาได้บ้างไกลๆ แต่ห้องของเขาปิดหน้าต่างรวมถึงผ้าม่านไม่ปล่อยให้เห็นแสงข้างในสักนิดเดียว
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง…
ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว เขาน่าจะหลับอีกครั้งแล้วสินะ…
ทั้งที่ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นแต่เธอกลับนั่งอยู่ขอบหน้าต่างอย่างดื้อดึง มองบานหน้าต่างนั่นนิ่งจนเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งที่ในหัวเธอยังเต็มไปด้วยแววตาเกลียดชังของเขารวมถึงถ้อยคำเหยียดหยามนั่น
ในสายตาของเย่เซียว เธอเป็นเพียงคนหนึ่งที่ต่ำต้อยไร้ค่าเท่านั้น
ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่น ดวงตาที่จดจ่อกับบานหน้าต่างนั่นอดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อ
ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเคาะเสียงดัง
“เข้ามา” เธอปรับสีหน้าให้จริงจังและลงจากขอบหน้าต่าง
ประตูถูกเปิดจากข้างนอก ลูกน้องของเย่เซียว หลี่สือได้เอาโทรศัพท์ที่ผ่านการจัดการพิเศษเข้ามา “ใช้อันนี้ติดต่อลูกน้องคุณได้ แต่เราจะดักฟังทั้งหมดด้วย ฉะนั้นอย่าคิดตุกติก”
หลี่สือคนนี้ไป๋ซู่เย่ก็รู้จักเช่นกัน
รู้จักกันมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
“ขอบคุณ” เธอรับโทรศัพท์ไปโดยบอกเขาไปพลาง “ต่อให้พวกคุณไม่ดักฟัง ฉันก็ไม่มีทางปล่อยข่าว”
สีหน้าหลี่สือเรียบนิ่ง “คุณมีเวลาคุยแค่หนึ่งนาที”
ไป๋ซู่เย่พบว่าความจริงมันเปล่าประโยชน์ที่ตนจะอธิบายกับพวกเขา การทรยศหักหลังเมื่อสิบปีก่อนจดจำฝังใจ หลังเกิดผลที่ย่ำแย่ขนาดนั้น ที่นี่ไม่มีใครยอมเชื่อเธออีกแม้แต่คนเดียว
เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง แค่รีบกดเบอร์โทรหาไป๋หลาง
รอสายไม่นานไป๋หลางก็รับสาย “รัฐมนตรี ใช่คุณไหม?”
“ฉันเอง”
ได้ยินเสียงของเธอ ไป๋หลางถึงพรูลมหายใจออกมายาว “ในที่สุดคุณก็โทรมาสักที! ถ้าคุณยังไม่ออกมาผมจะแจ้งกระทรวงแล้ว”
“นายอย่าวู่วามนะ!” ไป๋ซู่เย่จริงจัง “ไป๋หลาง คืนนี้นายไม่ต้องรอฉัน ฉันคงไม่กลับไปชั่วคราว”
ไป๋หลางถามอย่างระแวง “หมายความว่ายังไงครับ?”
“ฉันอาจจะอยู่ที่นี่ไปสักสองวัน”
“คุณถูกพวกเขากักบริเวณ?!” ไป๋หลางเลิกเสียงสูง “พวกเขาได้ใจเกินไปแล้ว กล้าลักพาตัวคุณ!”
“นายใจเย็นหน่อย!” ไป๋ซู่เย่ขมวดคิ้ว “ฉันยอมเอง ถ้าทางกระทรวงถามนายอย่าพูดอะไร แค่บอกว่าฉันกำลังทำภารกิจ รายละเอียดรอฉันกลับไปค่อยรายงาน”
ไป๋หลางยังคงเป็นห่วง “อันตรายไหม?”
“ถ้ามีอันตราย ฉันคงติดต่อนายไม่ได้หรอก” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้บอกเรื่องที่ตนบาดเจ็บตรงไหล่ไป หากไป๋หลางรู้เข้าคงใจเย็นไม่ลง
เธอไม่อยากสร้างเรื่องอีก
ไป๋หลางรู้ว่าตนควบคุมความคิดเธอไม่ได้ สุดท้ายกล่าวเพียง “ไม่ว่ายังไงคุณต้องระวังตัวให้ดี”
หนึ่งนาทีถึงแล้ว โทรศัพท์ถูกตัดสายจากข้างนอก
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ชักช้าขณะคืนโทรศัพท์ให้หลี่สือ หลี่สือไม่แม้แต่จะถามสักประโยคก็หันหลังเดินออกไป จากนั้นก็มีคนรับใช้เอาเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาส่ง
ที่นี่มีพยาบาลและคุณหมอที่รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับเธอ คิดว่าคงเป็นชุดที่เตรียมไว้ให้สำหรับพวกเธอก่อนหน้านี้
ไป๋ซู่เย่อาบน้ำโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแผลตรงไหล่
……………………………………