อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 687 โซ่ตรวนรัก (2)
ไป๋ซู่เย่อาบน้ำโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแผลตรงไหล่ ไม่ว่าจะแผลหรือนิ้วมือที่ถูกหักล้วนเจ็บอย่างมาก
ตอนเที่ยงคืนเธอทิ้งตัวนอนบนเตียง สิบวันนั้นในต่างประเทศที่ได้นอนอยู่บนเตียงไม่คุ้นเคยทุกคืน เห็นหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคยก็รู้สึกหัวใจว่างเปล่า พลิกตัวไปมายากจะหลับใหล ตอนนี้นอนอยู่ที่นี่มองหน้าต่างตรงข้าม รู้สึกได้ถึงความเจ็บตรงไหล่ ความว่างเปล่าในใจกลับลดน้อยลง เธอหลับตากระชับผ้าห่มให้ตัวเองผล็อยหลับไป
กลางดึก
จู่ๆ ก็เจ็บแผลอย่างรุนแรงทำให้เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นมาสะลืมสะลือโดยหลงคิดว่ายังอยู่ในบ้านตน พอเอียงหัวมองไปนอกหน้าต่าง เห็นหน้าต่างบานนั้นที่เปิดม่านขึ้นพร้อมไฟในห้อง เธอถึงรู้ตัวว่ากำลังอยู่ที่ใด
วินาทีถัดมายิ่งตกใจหนักเข้าไปใหญ่
ห้องที่เย่เซียวพักอยู่กลับเปิดหน้าต่าง!นี่ชักจะแปลกเกินไปแล้ว!ในเวลาฉุกเฉินแบบนี้หน้าต่างทุกบานล้วนกันกระสุน ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหากเปิดหน้าต่างจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องบอก
กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ไป๋ซู่เย่รีบเด้งตัวลุกจากเตียงอย่างไม่รอช้า ควักเลนส์ส่องทางไกลขนาดเล็กที่พกติดตัวเสมอจากหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเพื่อส่องไปที่ห้องนั้น
ในห้องมีคนมากมายเดินเข้าออก และเป็นคุณหมอเสื้อกาวน์สีขาวทั้งหมด
เธอจำถังซ่งได้
ข้างเตียงมีหยูอันยืนอยู่
ฉะนั้น…เย่เซียวเป็นอะไร?
ไป๋ซู่เย่นึกถึงคำที่ถังซ่งบอกว่าหันกระสุนยังทิ้งอยู่ในหัวใจเขา หน้าอกเริ่มบีบรัด
ความกังวลต่างๆ ทำให้เธอเปิดประตูออกไปอย่างเร่งด่วนจนไม่ทันใส่เสื้อคลุมตัวนอกโดยใส่แค่ชุดนอนที่พวกเขาเตรียมไว้ให้กับรองเท้าแตะคู่เดียว
วิ่งออกจากเรือนรองถึงเห็นว่าฝนกำลังตก ลมหนาวที่มาพร้อมกับสายฝนกระหน่ำ ราวกับใบมีดที่กรีดกรายลงมา ในฤดูนี้อุณหภูมิที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้อากาศหนาวเย็นนั่นซึมเข้าแผลจนรู้สึกเจ็บราวกับถูกบดขยี้หัวใจ แต่เธอไม่ได้ลังเล ฝ่าฝนวิ่งไปที่เรือนหลักอย่างรีบร้อนใจ
……………………
เธอขึ้นไปชั้นสามโดยตรง
ตีสามที่ชั้นสามมีทหารเฝ้าเวรอยู่เช่นเคย เดิมทีคิดว่าจะถูกคนขวางไว้แต่หลี่สือแค่มองเธอแวบเดียวและไม่ได้ห้ามเธอ
เธอผลักประตูสับเท้าเดินไป
ได้ยินเสียงทุ้มของถังซ่งกำลังคุยกับผู้ช่วยข้างๆ “เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ เปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุดให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลา เปิดประตูด้วย!หยูอัน พวกนายออกไปให้หมด อย่ายืนใกล้หัวเตียงเขา!”
น้ำเสียงของถังซ่งหนักอึ้งมาก แค่ฟังน้ำเสียงนี้ไป๋ซู่เย่ย่อมรู้ได้ทันทีว่าอาการของเขาไม่สู้ดีนัก
หยูอันรับคำ เดิมทีจะหันหลังไปเปิดประตูแต่เหลือบเห็นไป๋ซู่เย่ที่ยืนตรงหน้าประตูพอดี หยูอันที่ตาแดงเพราะเส้นเลือดฝอยและหัวใจที่แทบจะหมดเรี่ยวแรง ทั้งเห็นเธอวิ่งมาในสภาพผมกับเสื้อผ้าเปียกโชกก็ไม่มีใจจะขับไล่เธอ แค่เอ่ยปากพูดประชด “คุณกระตือรือร้นกว่าใครเลยกับสถานการณ์นี้ของนายท่าน”
ไป๋ซู่เย่ไม่คิดจะเกิดความบาดหมางกับเขาในเวลานี้ แค่เปิดประตูตามคำสั่งของถังซ่ง ถามหยูอันเสียงเบา “เขา…เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ดีเท่าไหร่อย่างที่คุณหวังไว้”
“…” สายตาของไป๋ซู่เย่มองเลยหยูอันไปยังชายหนุ่มที่นอนสะลึมสะลือบนเตียง
ตำแหน่งหัวใจของเขาคล้ายจะทรมานมาก มือใหญ่กุมหน้าอกไว้ตลอดต่อให้ตรงนั้นจะมีแผลก็ตามเขาไม่ได้ผ่อนแรงเลยสักน้อย ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดขณะนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ
ไป๋ซู่เย่หอบหายใจหนัก เธอยืนมองห่างออกไปหลายเมตรแต่ราวกับรู้สึกไปพร้อมกัน หน้าอกอึดอัดจนหายใจไม่ออก
แพขนตาเธอสั่นไหว ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
หยูอันมุ่นคิ้วแทบจะยกแขนขึ้นขวางเธอไว้โดยอัตโนมัติ ไป๋ซู่เย่ชะงักฝีเท้าและดันมือเขาออกไปช้าๆ “ฉันไม่มีทางทำร้ายเขา…”
คำพูดนี้บอกหยูอันแต่สายตากลับจดจ่ออยู่ที่เย่เซียวตลอดเวลา
หยูอันเพ่งสายตามองเธออีกสองที แววตาของเธอมีหลากหลายอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านอยู่ เป็นห่วง ปวดใจ ดื้อรั้นหรือแม้แต่…รัก ล้วนทำให้เขาตกใจ ผู้หญิงคนนี้…ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อนหรือสิบปีหลัง ยังคง…เก่งเรื่องการแสดงไม่มีผิด!ความรู้สึกที่เธอหลอกลวงไปไม่ได้มีเพียงความรัก มิตรภาพเธอก็ทอดทิ้งมันได้
ต่อให้เช่นนั้นหยูอันกลับไม่ได้ขวางเธอไว้อีก มีคนอยู่ตั้งมากมายเธอไม่มีทางทำร้ายเย่เซียวได้
……………………
ถังซ่งฉีดยาให้เย่เซียวไปหลายเข็ม สีหน้าเจ็บปวดของเย่เซียวถึงถึงคลายตัวลงเล็กน้อย
ถังซ่งถอนหายใจ หันกลับไปก็เห็นไป๋ซู่เย่
“คุณมาได้ยังไง?”
อีกอย่างยังอยู่ในชุดนอนกับผมที่เปียกอยู่หน่อยๆ
“เขาเป็นยังไงบ้าง?”
ถังซ่งส่ายศีรษะ “หัวกระสุนที่ทิ้งไว้ในร่างกายทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ปวดหัวใจ อาการไม่ถือว่าดี เมื่อกี้ฉีดยาระงับอาการกับแก้ปวดไป แผลปริอีกแล้ว ต้องทำแผลใหม่”
ถังซ่งพูดไปพลางหยิบกรรไกรตัดผ้าพันแผลที่ชุ่มด้วยเลือดออก
ใต้ผ้าพันแผลมีรอยแผลที่ปริให้เห็นเนื้อข้างใน ทำให้ลมหายใจเธอสั่นระริกน้อยๆ แผลตรงไหล่เธอเมื่อเทียบกับแผลบนตัวเขาแล้วไม่นักหนาอะไรเลย รอยแผลกระสุนบนตัวเขาล้วนอยู่ในจุดเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตทั้งนั้น…
“นี่ก็ดึกแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ ตอนนี้คุณก็เป็นคนเจ็บเหมือนกัน แผลต้องใช้เวลารักษาตัว”
ถังซ่งทำแผลอย่างชำนาญมือพร้อมคุยกับเธอไปด้วย
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ข้างเตียง ใช้แขนข้างเดียวกอดตัวเองไว้โดยทิ้งสายตาไว้บนตัวเขานิ่ง สักพักถึงกล่าว “ฉันไม่ง่วง”
ถังซ่งหันข้างมองเธอแวบหนึ่ง ความห่วงใยในสายตาของเธอฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด
สุดท้ายได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา “ถ้าตอนนี้คุณแสดงละครอยู่จริงๆ เสียดายนะที่ไม่ชิงรางวัลออสก้า”
ไป๋ซู่เย่ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขา ถามเพียง “ตอนนี้อาการเขาคงที่หรือยัง?”
“ยัง”
“แล้ว…”
“หัวกระสุนติดในร่างกายมันจะติดเชื้อได้ง่าย เพิ่งเป็นไข้ไปตอนนี้ไข้ลดไปหน่อยแล้ว แต่กลางดึกน่าจะไข้ขึ้นอีก ผมต้องอยู่เฝ้าตลอดเวลา คืนนี้ทุกคนไม่น่าจะได้นอนกัน” ถังซ่งเบ้ปากอย่างนึกเสียใจทีหลัง “ผมไม่น่าตัดสินใจพาคุณมาเองเลย เห็นคุณแล้วไม่ได้เกิดผลดีกับแผลของเขาสักนิด ตอนนี้กลับแย่ลง ครั้งนี้ถ้าเขาเป็นอะไรไปจริงๆ ผมคือฆาตกร ส่วนคุณคือผู้สมรู้ร่วมคิด”
“คุณทำเสร็จก็ไปนอนเถอะ ฉันอยู่เฝ้าเขาเอง มีอะไรค่อยเรียกคุณ”
“คุณ?” ถังซ่งชำเลืองมองเธอวูบหนึ่งก่อนส่ายหน้า “ช่างเถอะ ให้คุณอยู่จริงๆ ต้องสร้างปัญหาให้ตัวผมแน่ๆ คุณยังเป็นคนเจ็บอยู่นะ ไปนอนไป อย่าให้ผมต้องมาดูแลสองคน”
“ฉันอยู่เฝ้าเอง” ไป๋ซู่เย่ตอบกลับอย่างดื้อดึง
ถังซ่งอดมองเธออีกสองทีไม่ได้ “คุณคงไม่ได้มีเป้าหมายอื่นหรอกนะ?”
ไป๋ซู่เย่ใจเย็นวาบ ความรู้สึกที่ถูกสงสัยความจริงเธอชินชากับมันตั้งนานแล้ว แต่ก็รู้สึก…แย่มากอยู่ดี…
……………………………