อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 694 ไม่อาจถอนตัว (4)
รักกันไปนานๆ…
ไป๋ซู่เย่กอดถุงเสื้อผ้าไว้เสมือนในอ้อมแขนกำลังอุ้มก้อนหินขนาดยักษ์
เธอต้องมีสติ ต้องจัดการความสัมพันธ์ของเธอกับเย่เซียวด้วยความใจเย็น จะให้เขาเข้าใจผิดก็ดี ให้เขาเกลียดชังก็ดี ระหว่างทั้งคู่จะสงบสุขไม่ได้
“ผมถือเอง” อวิ๋นช่วนยื่นมือแย่งถุงในมือเธอไป
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ผลักไส แค่มองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงหนักอึ้ง “ขอโทษนะ เมื่อกี้อาจจะทำให้ประธานเซียวเข้าใจผิดไปบ้าง”
แววตาอวิ๋นช่วนล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย “ความจริง…คุณไม่ได้อยากให้ประธานเซียวเข้าใจคุณผิด แต่อยากให้เย่เซียวเข้าใจคุณผิด”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ปฏิเสธ
“ครั้งก่อน…ในงานเลี้ยง คนที่พาคุณไป คือเขา?” อวิ๋นช่วนถามหยั่งเชิง
“…อืม”
“พวกคุณ…”
“มันผ่านไปหมดแล้ว…” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ให้อวิ๋นช่วนถามต่อ
เธอหยุดชะงักฝีเท้าอยู่ตรงนั้น ดวงตามีน้ำใสเอ่อคลออยู่ชั้นบางๆ เจ็บปวดมาก เจ็บปวดจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้พักใหญ่ หากเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด เธอออกจะคิดถึงอ้อมกอดของเขา คิดถึงไออุ่นของเขา เธออยากกอดเขา อยากบอกเขาว่าเธอไม่ต้องการของขวัญวันแต่งงานที่เขามอบให้ ไม่ต้องการให้เขาอวยพรให้ตนรักกันไปนานๆ…
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้
หากมาบรรจบกันอีกครั้ง มีหลายเรื่องจะอยู่เหนือการควบคุมของตน ถ้าเป็นเช่นนี้ผลสุดท้ายอาจจะเป็นอย่างที่ถังซ่งว่า ไม่เหลือแม้แต่ชีวิต…
เธอไม่อยากทำร้ายเขา…
และไม่อยากทรยศชุดเครื่องแบบชุดนั้นของตนตามหน้าที่…
แม้อวิ๋นช่วนจะไม่เข้าใจความลำบากใจของเธอแต่ท่าทางเช่นนี้ของเธอทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจเช่นกัน สุดท้ายอดไม่ได้ใช้แขนข้างเดียวรั้งไป๋ซู่เย่เข้ามากอด ไป๋ซู่เย่ชะงักไปอึดใจ หลับตาลงไม่ได้ดันเขาออก
หัวใจขมขื่นเกินไป ฝืดเคืองเกินไป…
ทำให้เธออดไม่ได้ที่อยากมีอ้อมแขนให้พึ่งพิงชั่วคราว…แต่เธอก็รู้ว่าอ้อมแขนที่เธอต้องการ ไม่มีวันเป็นอ้อมแขนของอวิ๋นช่วน…
……………………
ชั้นสาม
ฝีเท้าของเย่เซียวชะงักงัน
สายตาทอดมองลงไปยังลานกว้างตรงกลางชั้นหนึ่งของห้าง สองคนที่กำลังกอดกันอยู่นั้นทำให้สายตาของเขาเย็นยะเยือกคล้ายกับว่าในดวงตามีแต่เกล็ดน้ำแข็งชิ้นเล็ก
“คุณเย่เซียว?” ประธานเซียวพบว่าเขาไม่ได้เดินต่อเลยหันกลับมา พอมองไปตามสายตาเขาก็เห็นคู่ชายหญิงที่กำลังโอบกอดกันอยู่จึงหัวเราะ “ที่แท้คุณเย่เซียวก็รู้จักกับพวกเขาเหมือนกัน ได้ยินว่าคุณไป๋เป็นพี่สาวของท่านประธานาธิบดี พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันมันคู่กิ่งทองใบหยกจริงๆ ชายหล่อหญิงสวย…”
ลมหายใจเย่เซียวหนักอึ้งขึ้น ตวัดตาเย็นชาไปเรียกให้ประธานเซียวสะท้านเฮือกรุนแรง ตกใจจนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ตัวเอง…พูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ?
สีหน้านี้ของคุณเย่เซียว…ช่างน่ากลัวจริงๆ นะ!เรื่องที่เจรจาร่วมงานเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้ากับเย่เซียวในครั้งนี้ เขาได้ทำความเข้าใจตัวเขามาก่อนล่วงหน้า ล้วนบอกว่าเขายากจะคบหา อารมณ์ไม่แน่นอน พอได้เห็นตอนนี้ก็เป็นอย่างที่ว่าไม่มีผิด
เย่เซียวไม่พูดอะไรสักคำ แค่ย่ำเท้าเดินไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ประธานเซียวก้มมองดูสองคนที่กอดอยู่ตรงชั้นหนึ่งได้เดินออกจากห้องสรรพสินค้าไปแล้ว
นี่…
หรือว่า…คุณเย่เซียวจะแอบชอบคุณไป๋อย่างนั้นหรือ?
…………………………
ทานข้าวเย็นที่บ้านตระกูลอวิ๋น คุณแม่อวิ๋นได้โทรบอกคุณหญิงไป๋ไว้ก่อนแล้ว คุณหญิงไป๋ดีใจอย่างมากและระหว่างนี้ได้ส่งข้อความหาเธอหลายครั้ง เธอไม่ได้ตอบกลับ
หลังทานอาหารเย็นคุณพ่อคุณแม่อวิ๋นต่างรั้งเธอให้ค้างอย่างอบอุ่น ไป๋ซู่เย่ไม่มีกะจิตกะใจจริงๆ อวิ๋นช่วนส่งเธอกลับเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ พอดีที่เธออยากคุยเรื่องระหว่างพวกเขากับอวิ๋นช่วนอย่างจริงจัง
“อาหารเย็นถูกปากคุณไหม?” อวิ๋นช่วนขับรถไปยิ้มถามเธอไป
“อร่อยมาก” ไป๋ซู่เย่แย้มปาก
“แต่ว่าผมเห็นคุณทานน้อยมาก”
“…อวิ๋นช่วน” ไป๋ซู่เย่ทอดสายตาไปนอกหน้าต่าง มองดูกิ่งต้นไม้โล้นรอบข้างที่เลยผ่านมา ดวงตาก็ฉายแววอ้างว้างมากกว่าเดิม จากนั้นค่อยๆ เบนหน้าหันมา “ขอโทษ…”
อวิ๋นช่วนหันหน้ามามองเธอ
“แต่เดิมฉันคิดว่าฉันจะลองพยายามกับคุณดู แต่ช่วงนี้…ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก…”
“ผมทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเหรอ?” อวิ๋นช่วนยิ้มขมขื่น
“ไม่ ไม่ใช่” ไป๋ซู่เย่สูดหายใจลึก ยิ้มขมขื่นที “ไม่เคยเกี่ยวกับคนอื่นเลย เป็นปัญหาที่ตัวฉันเอง ฉันจัดการความรู้สึกไม่เก่ง ไม่เคยทำได้อย่างคนอื่นที่จัดการความรู้สึกในอดีตกับปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ฉันเหมือนจมอยู่ในบ่อโคลนดูด ฉันพยายามมาสิบปี อยากหลุดพ้นจากบ่อโคลนดูดนี้ แต่มาถึงสุดท้ายฉันพบว่าสิ่งที่ฉันพยายามมาทั้งหมดมันเปล่าประโยชน์ ยิ่งดิ้นรนกลับยิ่งจมลงลึกกว่าเดิม…”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมคุณไม่ลองยื่นมือให้ผมล่ะ บางทีมีคนช่วยดึงคุณสักครั้งคุณก็จะหลุดพ้นจากบ่อโคลนดูด” อวิ๋นช่วนมองเธออย่างลึกซึ้ง “ซู่ซู่ ผมยอมเป็นเส้นฟางช่วยชีวิตคุณ ในเวลาที่คุณต้องการคนช่วยดึง ผมยอมถูกคุณใช้ประโยชน์ ต่อให้คุณจะเห็นผมเป็นแค่กระดานที่ใช้กระโดดออกจากบ่อโคลน ให้คุณได้เห็นภาพวิวที่สวยงามกว่านี้หลังหลุดพ้น ผมก็ยอม”
ถ้อยคำนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หัวใจที่หนาวเหน็บของไป๋ซู่เย่รู้สึกอุ่นวาบมาเล็กน้อย เธอยิ้มทีหนึ่ง “อวิ๋นช่วน คุณโง่จริงๆ”
“ฉะนั้นคุณยอมไหม? ยอมหลอกใช้ผมไหม?” ดวงตาอวิ๋นช่วนมีแววประกายใสราวกับเด็กหนุ่มตัวโตที่กำลังตกหลุมรัก
ดวงตาเธอกลับรื้นด้วยน้ำใส ไม่อยากใจร้ายเกินไปแต่สุดท้ายก็ส่ายศีรษะอย่างมีสติ
“ขอโทษนะ ชีวิตนี้…บางทีฉันอาจจะอยู่ในบ่อโคลนดูดนั่น…ทั้งที่รู้ว่าเป็นแบบนี้แล้วยังจับมือคุณ มันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ”
“แต่ผมไม่คิดมาก”
“คุณไม่คิดมากแต่ฉันเกรงใจ เรื่องความรู้สึก ฉันไม่ถนัดจัดการมันอยู่แล้ว ดังนั้น…ก็ไม่อยากให้มันซับซ้อนไปมากกว่านี้ ขอโทษ…”
เธอคิดว่าอาจมีสักวันที่ตนจะหมดลมหายใจไปในบ่อโคลนดูดแห่งนั้นไปในที่สุด…
แต่ต่อให้ตายก็ไม่อาจหลุดพ้น…
เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกแล้ว—เธอรักเย่เซียว รักเข้ากระดูก…ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อน หรือสิบปีหลัง…
แต่ยิ่งรักก็ยิ่งเข้าใกล้เขาไม่ได้…
อวิ๋นช่วนเป็นสุภาพบุรุษหรือจะบอกว่าเป็นคนรู้ขอบเขตที่ไม่เคยบังคับฝืนใจ ไป๋ซู่เย่ให้เขาจอดรถข้างทาง เขาจอด เธอเปิดประตูลงจากรถแล้วบอกลาเขา
อยู่ตัวคนเดียว เดินอยู่บนถนนด้วยแววตาที่ไร้จุดหมาย
ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ในเมืองล้วนเป็นภาพทิวทัศน์ที่แสนจะโดดเดี่ยวอ้างว้าง
ผู้คนที่เดินสวนทางอยู่ข้างกายตนกลับเป็นคู่รักคู่แล้วคู่เล่า เธอไม่ใช่คนอ่อนแออะไร แต่พอคู่รักคู่ที่ห้าสวนไหล่เธอนั้น ขอบตากลับเปียกชื้นโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่เมื่อไรที่เธอจะเหมือนเด็กผู้หญิงเหล่านั้นได้ โอบแขนชายที่ตนรักเหมือนนกตัวน้อยๆ ที่ต้องการที่พึ่งพิง โอ้อวดความรักของตนได้อย่างเปิดเผย?
ชีวิตนี้…
เธออาจจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว…
ขณะกำลังเหม่อลอย รถคันคุ้นตากลับเข้ามาในกรอบการมองเห็นของเธอ
ทะเบียนรถคือ ‘京A50602’
………………………………