อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 700 ปล่อยมือจากไป (1)
ลืมตาขึ้นยิ้มมองเขา “คุณอุ้มฉันขึ้นมา งั้นก็แบกฉันลงไปเถอะ”
ท่าทางตอนเธอยิ้มกลับดูบริสุทธิ์อยู่บ้าง สร้างความสะเทือนไหวแก่หัวใจเย่เซียวราวกับถูกคนควักออกไปส่วนหนึ่ง
ว่างเปล่า…
“…” เขามองรอยยิ้มเธอนิ่งๆ เงียบไปสามวินาทีโดยไร้เสียงตอบกลับ
ไป๋ซู่เย่หัวเราะน้อยๆ “ฉันล้อเล่น คุณเดินไปก่อนเถอะ ฉันอยากนั่งอีกแป๊บ”
เย่เซียวก้มตัวนั่งลงตรงหน้าเธอ
เธอชะงักงัน มองแผ่นหลังกว้างใหญ่นั่นพานน้ำตาก็ห้ามไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เย่เซียวไม่ได้หันกลับมาแค่ตบหลัง “ขึ้นมา”
ไร้ความลังเลใดๆ เธอเกาะหลังเขาไม่กล้าให้ใบหน้าเปียกชื้นแตะโดนท้ายทอยเขาเพราะกลัวน้ำตาจะเปิดโปงเธอ เขาแบกเธอลงไปตามเขาโดยมีลมพัดหวิวปัดเป่าน้ำตาเธอไปตลอดทาง
ไป๋ซู่เย่กัดปากแน่นไม่ให้ตนปล่อยโฮจนมีเสียงออกมาขณะอยู่หลังเขา
เธอรู้ว่าตั้งแต่วันนี้ไป ทุกอย่าง…จบสิ้นแล้ว…
เย่เซียวปล่อยเธอไป ในเวลาเดียวกัน…ก็ปล่อยตัวเองไปเช่นกัน…
ระยะนี้ ทั้งสองคนต่างทรมาน พัวพัน ขยับเข้าใกล้และผลักไสกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหนื่อยกันทั้งคู่แล้ว…
สายสัมพันธ์ที่ไร้อนาคต การตัดขาดทันท่วงทีเป็นหนทางที่มีสติที่สุด
ความจริงเธอกับเย่เซียวต่างเป็นคนที่มีความคิดแยกแยะดีกันทั้งคู่ ผลลัพธ์นี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่…ก็เจ็บปวดที่สุด เอือมระอาที่สุด…
เส้นทางที่ไปสู่ใต้ภูเขา เย่เซียวได้เดินเชื่องช้าเต็มที แต่ก็เร็วกว่ายามขึ้นเขาอยู่ดี
ตลอดทางเห็นคุณลุงคุณป้ามากมายที่มาวิ่งตอนเช้า ทุกคนมองพวกเขาสองคนแล้วหัวเราะคิกคักพร้อมกล่าว “วัยรุ่นสมัยนี้นะ มีความรักที่โรแมนติกดีจัง”
ไป๋ซู่เย่ได้แต่กัดปากเงียบไม่กล้าตอบ เธอกลัวว่าหากอ้าปากแล้วจะร้องไห้ออกมา
“พ่อหนุ่ม เมื่อยขาไหม แบกมาไกลขนาดนี้” คุณป้ายิ้มถามเย่เซียว
เย่เซียวไม่ใช่คนมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เวลาอารมณ์ไม่ดียิ่งไม่ยอมตอบคำถามของคนแปลกหน้า
ข้างๆ คุณป้าหัวเราะเก้อเขิน “ยังต้องถามอีกเหรอ แบกคนที่ตัวเองชอบจะเมื่อยได้ยังไง? แบกไปตลอดชีวิตยังยอมเลย!”
ไป๋ซู่เย่แทบร้องไห้ออกมารอมร่อ สองมือเธอผละห่างจากเย่เซียวเล็กน้อย “เย่เซียว คุณวางฉันลงเถอะ…”
“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ!” เสียงนิ่งขรึมและทุ้มต่ำของเขา ขณะกล่าวประโยคนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงติดแหบน้อยๆ
ไป๋ซู่เย่จึงไม่ได้ขยับตัวอีก มองแผ่นหลังเขาจนในที่สุดก็โอบลำคอเขาใหม่ ซุกหน้ากับแผ่นหลังเขาพร้อมสูดดมกลิ่นอายของเขาด้วยความรักใคร่
จากนี้…
ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
“เย่เซียว…” เมื่อมาถึงใต้ภูเขา เธอเรียกเขาเบาๆ
“อืม”
“วันหน้า…หาคุณหมอที่เชื่อถือได้กว่าถังซ่งสักคนผ่ากระสุนออกมา แล้วก็…ต้องมีชีวิตรอดตอนผ่าเสร็จ” ไป๋ซู่เย่กลั้นก้อนสะอื้นในลำคอไว้
“ได้”
“แล้วก็…ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุข มีความสุขมากๆ…”
ต่อให้ความสุขนั้นจะไม่เกี่ยวกับเธอ ต่อให้นับแต่นี้ไปเธอจะอยู่ในเหวลึก เธอก็หวังว่าเขาจะมีความสุข
เย่เซียวไม่ได้พูดคำว่า ‘ได้’ อีก
ความสุข?
คำนี้สำหรับเขาแล้วไม่คุ้นเคยและฟุ่มเฟือย
ตั้งแต่วันที่เสียคุณแม่ไป ชีวิตเขาก็ไม่มีคำว่า ‘ความสุข’ อีก
สิบปีก่อนขณะได้พบเธอ เขาคิดว่าตนจะใกล้มีความสุขแล้ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่สิ เป็นระเบิด…ที่ระเบิดความต้องการทั้งหมดของเขาแตกละเอียด
ตั้งแต่นั้นผ่านมาสิบปีจนถึงตอนนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บปวดและความกดดัน
ใช้ชีวิตแบบนี้จนเคยชิน แล้วจะมีใจอะไรไปหาความสุขอีก?
…………
ระยะทางที่ยาวไกลแค่ไหนสักวันก็ต้องเดินถึงสุดทาง
ทั้งคู่ที่ใกล้ชิดมากขนาดไหน สักวันก็ต้องบอกลา
เย่เซียวนั่งบนตำแหน่งคนขับ ไป๋ซู่เย่กลับไม่ได้ขึ้นรถ เธอยืนอยู่นอกรถโบกมือให้เขาผ่านหน้าต่างที่ลดเหลือครึ่งเดียว “คุณไปก่อนเถอะ ฉันเรียกรถกลับเอง”
มือของเย่เซียวกำพวงมาลัยแน่นแล้วผ่อนแรงลง สุดท้ายเหยียบคันเร่งขับออกไปโดยไม่พูดอะไร
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่กับที่ ลมพัดเสื้อโค้ทและชายกระโปรงเธอให้ปลิวพลิ้ว ผมยาวสลวยสยายท่ามกลางอากาศ
เธอมองรถคันนั้นค่อยๆ หายไปจากการมองเห็น เดิมคิดว่าจะร้องไห้จนพังทลายแต่ชั่วอึดใจนั้นเพิ่งพบว่าน้ำตาทุกหยด ได้เหือดแห้งไปพร้อมกับสายลม…
ตอนที่เศร้าถึงขีดสุด ที่แท้น้ำตาก็ไม่ไหลเลยสักหยด
……
สายตาของเย่เซียวยังคงมองที่กระจกหน้าไว้แต่แรก
เขาคิดว่าหากในวินาทีที่แยกจากกันจะเห็นน้ำตาของเธอ บางทีเขาอาจละทิ้งทุกอย่างแล้วเลี้ยวรถกลับ ต่อให้อนาคตจะตายด้วยกัน เขาก็จะกระชากเธอให้เข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง
แต่สุดท้ายเขาก็ผิดหวัง
ผู้หญิงคนนี้ ความจริงแล้วไม่มีน้ำตา…
……………………
ไป๋ซู่เย่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายลมสิบนาทีเต็ม หนาวจนตัวแข็งถึงหลุดจากภวังค์
เธอเรียกแท็กซี่เข้าเมือง
เมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืนแต่ตลอดทางนี้ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ ศีรษะเอียงแนบหน้าต่างรถ ดวงตาว่างเปล่ามองไปข้างนอก เธอไม่ได้คิดอะไร เจ้าตัวเหมือนตุ๊กตาที่ถูกดูดวิญญาณไป
แต่ว่า…
ในที่สุดเย่เซียวก็ไปแล้ว…
เธอควรรู้สึกโชคดีสินะ…
ไม่ต้องกังวลความคิดเหล่านั้นของกระทรวงความมั่นคงอีก แต่เธอกลับดีใจไม่ขึ้น…
ระหว่างทางโทรศัพท์แผดเสียงดัง เป็นสายจากไป๋หลาง เขาโทรมาซี่งประโยคแรกคือ “รัฐมนตรี ได้รับข่าวมาว่าเย่เซียวคิดจะออกจากประเทศแล้ว!”
“…อืม”
“คุณรู้แล้วเหรอ?”
“…รู้ก่อนนายสิบกว่านาทีเอง”
“แล้ว…อนาคตเขาจะกลับมาอีกไหม?”
“นายเป็นห่วง?”
“ผม? ผมไม่ห่วง” ไป๋หลางพูดเสริมอีกประโยค “ผมแค่เป็นห่วงคุณ ได้ยินว่าเขาหาผู้จัดการคนหนึ่งช่วยจัดการเรื่องบริษัททางนี้ พวกหยูอันถูกเขาพาไปด้วย แล้วก็…น่าหลัน เขาก็พาไปแล้ว”
ไป๋ซู่เย่แย้มปาก “น่าหลันเป็นแฟนของเขา จะไม่พาเธอไปได้ยังไง?”
แม้จะมีโทรศัพท์กั้นไป๋หลางยังจับความเศร้าจากน้ำเสียงเธอได้ ไป๋หลางเงียบไปอึดใจแล้วกล่าว “กระทรวงความมั่นคงส่งคนตามเย่เซียวไปเพื่อป้องกันว่าวันสุดท้ายเขาจะทำอะไร คุณ…”
“เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนทั้งคืน ไม่ไปแล้วกัน”
ไป๋หลางไม่พูดอะไรอีก ไป๋ซู่เย่วางสาย
เธอหลับตา รู้สึกเพียงอกเหมือนมีรูโบ๋ที่เริ่มเจ็บอีกระลอก
……………………
รถยนต์ขับไปที่ใต้ตึกเซียงเซี่ยกู่ที่เธออาศัยโดยตรง หลังไป๋ซู่เย่เข้าห้องก็รีบค้นยาคุมกำเนิดที่หยูอันเคยให้ไว้มาใส่ปากกลืนลงโดยไม่ดื่มน้ำตามสักคำ
หัวใจเจ็บอย่างรุนแรง ทวีความเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอจึงทานยานอนหลับอีกสองเม็ด อาบน้ำล้มตัวลงบนเตียง
เข้าสู่ห้วงนิทรา จะไม่นึกอะไรขึ้นมาอีก…
เพียงแต่…
วินาทีสุดท้ายที่หลับตาลง ในหัวเธอกลับยังเป็นประโยคนั้นของเย่เซียว…
ผมปล่อยคุณไป…
ผมปล่อยคุณไป…
……………………………