อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 702 ปล่อยมือจากไป (3)
“นายน้อย” คุณหมอประจำข่ายปินถอดหน้ากากอนามัยออก “คุณไฟรอคุณนานแล้ว”
เย่เซียวก้มมองพ่อบุญธรรมตนวูบหนึ่ง
ไฟเรนเซ่เป็นคนที่รอบคอบและมีความระมัดระวังสูง คุณหมอส่วนตัวของเขาเคยให้การรักษาแค่เขาคนเดียวมาโดยตลอด ยังไม่เคยมีใครจะได้รับการรักษาจากข่ายปินเป็นคนที่สอง
“อย่ามัวแต่มอง รีบไปนอน ให้ข่ายปินตรวจร่างกายให้แกละเอียดหน่อย”
“ก่อนหน้าถังซ่งเคยตรวจแล้ว”
“เจ้าเด็กถังซ่งนั่นจะให้ฉันไว้วางใจได้ยังไง พอแล้ว ไปนอน” ท่าทีของไฟเรนเซ่ไม่อ่อนโยนหรือกระโชกโฮกฮาก แต่ความน่าเกรงขามนั่นกลับไม่มีใครกล้าแย้งคำพูดของเขาได้
เย่เซียวไปนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ข่ายปินทำการตรวจร่างกายเขาอย่างละเอียด ด้วยความที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนและต้องขับรถอีกหลายชั่วโมงไปที่สนามบินประเทศ S โดยตรงก่อนจะบินมาที่เมืองโยวประเทศ T การเดินทางยาวนานมาหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันโดยแทบไม่ได้พักสายตา พอตอนนี้ได้นอนเย่เซียวรู้สึกเพียงหนักอึ้งที่เปลือกตา ผ่านไปสักพักก็ผล็อยหลับไป
รอตื่นมาอีกทีแสงบนเหนือศีรษะยังสว่างแยงตา เขามุ่นคิ้วจ้องไฟสว่างนั่นหลายวินาทีและรู้สึกถึงความว่างเปล่าเต็มอก วินาทีนี้เขารู้สึกเหมือนเหยียบอยู่บนผืนหญ้าโล่งเปล่าแห่งหนึ่ง บนผืนหญ้านั่นกว้างใหญ่ไพศาล ราวกับว่าเขาเดินอย่างไร เดินจนหมดเรี่ยวแรงก็เดินไม่สุดทางสักที
สักพักหนึ่งถึงได้ยินเสียงของข่ายปินดังแว่วมาข้างหู
“คุณไฟ กระสุนนัดนี้ของนายน้อยจัดการไม่ง่ายเลย”
“อะไรคือจัดการไม่ง่าย?” น้ำเสียงไฟเรนเซ่คุกรุ่น “ฉันเสียค่าอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยให้นายทุกปีหลายร้อยล้าน ค้นหายารักษาที่ทันสมัยที่สุด ร่ำเรียนเทคนิคทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด สิ่งที่แกตอบแทนฉันก็คือคำว่า ‘จัดการไม่ง่าย’?”
“คุณไฟ ขออภัยที่เราไม่สามารถ ลูกกระสุนที่ติดอยู่ในร่างกายของนายน้อย ถ้าตอนผ่าพลาดเอียงไปนิดเดียวก็อาจจะเกิดผลที่คาดไม่ถึง ทีมรักษาของเราเลยเห็นพ้องต้องกันว่าลูกระสุนของนายน้อยนี้ต้องปล่อยให้สังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน”
“สังเกตการณ์ไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับปล่อยให้ลูกระเบิดเวลาทิ้งไว้ในตัวเขา อันตรายต่อชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ!ข่ายปิน แกยังไม่รู้หนักเบาอีกเหรอ? เย่เซียวเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ถ้าเขาเป็นอะไรไปเพราะลูกกระสุนลูกนี้ อย่าว่าแต่แก คนในทีมรักษาแกหนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว!ต้องตายไปพร้อมกับเขาทั้งหมด!”
ข่ายปินหายใจขาดห้วง ยืนตัวเกร็งตรงนั้นไม่กล้าส่งเสียง
ตอนนี้กำลังอยู่บนหลังเสือชัดๆ
“คุณพ่อ ท่านอย่าทำให้ข่ายปินลำบากใจเลย” เย่เซียวลุกขึ้นนั่งบนเตียง จดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดๆ เทียบกับอารมณ์แทบจะลุกเป็นไฟของไฟเรนเซ่ในตอนนี้แล้วเจ้าตัวเป็นตัวการสำคัญกลับใจเย็นผิดปกติ “กระสุนลูกนี้ถ้าจะเอาออกมาตอนนี้ให้ได้ ผมอาจจะตายไปเลยก็ได้ ทิ้งไว้ในร่างกายก็เหมือนรอดูว่าชีวิตผมดวงแข็งมั้ย ถ้ายมบาลคิดจะพาผมไป ก็ต้องดูว่าเขาสามารถหรือเปล่า”
ไฟเรนเซ่ได้ยินคำพูดของเขาสีหน้าที่เรียบตึงถึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย สุดท้ายโบกมือใส่ข่ายปินแล้วพูดอย่างรำคาญใจ “ถอยออกไปให้หมด!”
“…ครับ” ข่ายปินไม่กล้าชักช้าเพราะกลัวอยู่นานกว่านี้คุณไฟจะออกโจทย์ยากให้เขาอีก ดังนั้นรีบพาทีมรักษาของตนกระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
ในห้องโถงรอง
ชั่วขณะเหลือเพียงไฟเรนเซ่กับเย่เซียวสองคน
“ลูกกระสุนพวกนั้น แกโทษพ่อมั้ย?” ไฟเรนเซ่ถามเสียงนิ่ง
“ผมไม่กล้า”
“ในเมื่อไม่กล้าแล้วแกสำนึกผิดมั้ย?” ไฟเรนเซ่หมุนล้อเก้าอี้เข็นไปเทน้ำชาให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ยกจิบคำหนึ่งแล้วหันหน้ามามองเย่เซียวอีกทีด้วยสายตาที่แหลมคมกว่าเดิมมาก “เย่เซียว ตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงหนึ่งครั้งไม่น่ากลัว ตกอยู่ในกำมือผู้หญิงคนละคนหลายครั้งก็ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือแกกลับตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนเดิมสองครั้ง!ลูกชายของฉัน ไม่ออมมือกระทั่งตอนหันปลายกระบอกปืนใส่พ่อแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ หรือว่าจะก้าวข้าม ‘ความรัก’นี้ไม่ได้เชียว? ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ งั้นฉันต้องประเมินผู้หญิงคนนั้นดีๆ ต้องหาโอกาสไปเจอเธอด้วยตัวเองสักหน่อยใช่มั้ย?”
มือเย่เซียวที่กำลังจดกระดุมกระชับแรงแน่นเพราะประโยคสุดท้ายของไฟเรนเซ่ แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่งดังเดิมไร้การเปลี่ยนแปลง “ท่านไม่ต้องคิดมากเรื่องผู้หญิงคนนั้น ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
“ไม่มีครั้งต่อไปจริงเหรอ?” ไฟเรนเซ่หรี่ตา
“ครับ!”
ได้ยินคำรับปากของเย่เซียวสีหน้าไฟเรนเซ่ถึงผ่อนคลายลงบ้าง ความแหลมคมในแววตาก็กระจายหายไปในพริบตาเปลี่ยนเป็นแววตาเป็นมิตรเหมือนยามแรก “ดีมาก ฉันเลี้ยงดูแกตั้งแต่เล็กจนโต ฉันเชื่อที่แกรับปากไว้ โอเค เราไม่คุยเรื่องที่หนักอึ้งอันนี้แล้ว มาคุยเรื่องที่มีความสุขหน่อยดีกว่า…”
น้ำเสียงไฟเรนเซ่ฟังดูผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว สองแขนของเขาวางไว้บนพนักวางแขนแล้วสอดประสานมือ “ฉันรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาแกตามหาแม่ของแกมาโดยตลอด”
เย่เซียวหายใจติดขัด เงยหน้าใช้สายตาเรียบขรึมมองไฟเรนเซ่ “คุณพ่อ…”
“แกอย่าประหม่าไป พ่อแค่อยากแบ่งเบาภาระของแก แกสบายใจได้ อีกไม่นานแกจะได้เจอแม่ของแกแน่ๆ พ่อรักแก แกอยากเจอใครก็ไม่มีปัญหา แค่ว่า…คำสัญญาของแก แกก็ต้องจำไว้ให้ดี ห้ามทำให้พ่อผิดหวังอีก เข้าใจมั้ย?”
สีหน้าเย่เซียวเรียบนิ่งไม่ตอบกลับใดๆ ไฟเรนเซ่กลับไม่พูดอะไรอีก กดกริ่งให้คนเข็นตัวเองออกไป เมื่อถึงประตูถึงหันมามองเย่เซียววูบหนึ่ง “ออกมาทานข้าวเถอะ วันนี้ครัวทำกับข้าวที่แกชอบหมดเลย แล้วก็…ฉันว่ายายหนูน่าหลันใส่ใจแกดี แกก็ชอบผู้หญิงอย่างเธอไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวเรื่องของพวกแกสองคน พ่อจะช่วยตัดสินใจให้เอง”
ไม่ปล่อยโอกาสให้เย่เซียวได้พูดอะไร ไฟเรนเซ่ก็ให้คนรับใช้เข็นตัวเองออกไปแล้ว
ประตูห้องโถงรองถูกปิดลง ภาพแผ่นหลังไฟเรนเซ่หายไปอย่างสิ้นเชิง สีหน้าเย่เซียวเย็นยะเยือกขี้นมาฉับพลัน สองมือกำหมัดอยู่ข้างลำตัว
“นายท่าน” หยูอันดันประตูมาจากข้างนอก
สีหน้าระแวงในตอนแรกของเย่เซียวผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเขา หยูอันปิดประตูเดินเข้ามาใกล้พลางถามอย่างเป็นห่วง “ได้ยินว่าคุณหมอข่ายปินตรวจร่างกายให้ท่าน เป็นยังไงบ้าง?”
“เหมือนที่ถังซ่งบอก”
สีหน้าหยูอันนิ่งลงมากทีเดียว “หรือว่า…ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือครับ?”
“ชีวิตมีเกิดมีตาย ไม่ต้องฝืนมัน”
สายตาเย่เซียวทอดมองไกลออกไปนอกหน้าต่าง หยาดฝนที่ตกพรำอยู่ข้างนอกเรียกให้คนรู้สึกอึดอัด สักพักเขาหันมามองหยูอัน “ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ฝากดูแลแม่ฉันด้วย ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตอนนี้ท่านน่าจะอยู่ในมือของพ่อบุญธรรมฉันแล้ว”
หยูอันตัวสะท้านวาบ “ในเมื่อท่านยังห่วงคุณหญิงอยู่ก็อย่าฝากฝังผม ผมรู้ว่าคุณจะต้องไม่เป็นไร…”
“พอแล้ว” เย่เซียวยกมือขึ้นขัดคำพูดของหยูอัน แค่นหัวเราะที “แกคิดจริงๆ หรือว่าใครจะดวงแข็งถึงขั้นต่อกรกับยมบาลได้? คำพูดเหล่านั้นก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น ระหว่างเรา ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระ”
……………………………………