อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 707 จดจำฝังใจ (4)
“เย่เซียว ทำไมเหรอ?”
ต่อให้เจ็บปวดหัวใจขนาดไหนน่าหลันก็ทำได้แค่แสร้งไม่รู้เรื่อง ยกมือลูบหน้าตัวเอง “หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?”
“…เปล่า” เย่เซียวได้สติถอนสายตากลับไป สีหน้าเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาดังเช่นเคยในพริบตา เขาวางโน้ตบุ๊คไว้ข้างๆ ถาม “หาผมมีเรื่องอะไร?”
“ฉันอยากไปทักทายคุณไฟ เลยมาถามคุณว่าจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“คุณรอผมที่ข้างนอก ผมขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เย่เซียวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
น่าหลันแทบจะมองแผ่นหลังท่วงท่าเขาจวบจนแผ่นหลังเขาหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความหลงใหล เธอหันหลังเดินออกไปด้วยความเศร้าหมอง
……………………
จากตึกเล็กที่พวกเขาอาศัยไปยังเรือนหลักที่ไฟเรนเซ่อาศัยนั้นมีระยะทางอีกช่วงหนึ่ง
ทั้งคู่เดินขนาบข้างอยู่บนทางเดินหินกรวด
“เย่เซียว ของในโทรศัพท์สำคัญมากเลยเหรอ? คุณไม่ได้นอนทั้งคืน ตาแดงไปหมดแล้ว” น่าหลันเก็บความอิจฉาที่มีต่อไป๋ซู่เย่ไว้แกล้งถามเย่เซียวเหมือนไม่จงใจ
เย่เซียวไม่ได้ตอบแค่จู่ๆ ก็ถาม “เรื่องงานหมั้นของเรา คุณคิดยังไง?”
หัวใจน่าหลันเต้นระส่ำเมื่ออยู่ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ หันหน้ามามองเขาอย่างรักใคร่ สายตาของเขาก็หันมามองเธอพอดีทำให้สายตาทั้งคู่ประสานกัน สายตาของเขาเรียบนิ่งแฝงด้วยความเยือกเย็น เธอกลับหน้าแดงและกำมือที่วางไว้ข้างลำตัวด้วยความตื่นเต้น “ฉัน…ฉันทำตามที่คุณไฟบอกทุกอย่าง”
เย่เซียวละสายตากลับไป “คุณไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเหรอ?”
“ฉันไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้า คุณเป็นคนช่วยฉัน ดังนั้น…ต่อให้ไม่ใช่คำสั่งของคุณไฟ ฉันก็อยาก…แต่งงานกับคุณ…” ประโยคสุดท้ายอาจเป็นเพราะความเขินอาย เธอถึงได้พูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
นี่เป็นคำสารภาพรักจากหญิงสาวคนหนึ่ง
แต่เย่เซียวได้ยินเองกับหูกลับมีใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์อื่นปะปน
เขาแค่ค่อยๆ อ้าปากกล่าว “คุณรู้ว่าตอนนั้นก็เป็นเพราะใบหน้าคุณนี้ผมถึงได้ช่วยคุณไว้ แล้วให้คุณอยู่ต่อ ถ้าไม่มีใบหน้านี้ คุณจะอยู่หรือตายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลยสักนิด–จุดนี้คุณน่าเข้าใจดี”
นี่เป็นความจริง
แต่ว่า…
กลับเป็นความจริงที่ทำร้ายจิตใจได้มากกว่าอาวุธใดๆ
ผู้ชายคนนี้ใจร้ายแบบนี้มาโดยตลอด
เธออยากรู้จริงๆ ว่าความใจร้ายที่เขาไม่คิดจะนึกถึงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเหมือนกันหรือเปล่า…
“เย่เซียว ฉันรักคุณมากจริงๆ…” จู่ๆ น่าหลันก็หันมากอดเอวชายหนุ่มไว้โดยไม่คิดจะสนใจความรู้สึกแย่ๆ ใบหน้าเล็กซบอกเขาแนบแน่น “ฉันชื่นชมคุณ เคารพคุณ เฝ้ามองคุณ ในสายตาฉัน คุณเหมือนท้องฟ้า…ฉันรู้ว่าฉันอาจจะสู้คนในใจคุณไม่ได้ บางทีต่อให้ฉันเขย่งสุดปลายเท้าก็เอื้อมคุณไม่ถึง แต่…อย่างน้อย หัวใจดวงนี้ที่ฉันรักคุณ มากกว่าที่เธอรักคุณ…ในเมื่อระหว่างพวกคุณเป็นไปไม่ได้ เย่เซียว ทำไมคุณไม่ลองดูกับฉันล่ะ?”
ดวงตาเธอรื้นด้วยน้ำใสบางๆ ยามเอื้อนเอ่ยคำพูดซาบซึ้งใจ ทำให้ดูจริงใจอย่างมาก
แต่ความจริงใจนี้กลับทลายหัวใจที่แข็งดั่งผ่าหินของชายหนุ่มไม่ได้ โดยเฉพาะถ้อยคำเหล่านั้นของเธอ…
ทิ่มแทงหัวใจเขาทุกคำ
เขาก้มมองหญิงสาวในอกด้วยแววตาล้ำลึก อดคิดไม่ได้ว่าหากเวลานี้คนที่ซบพิงอกเขา คนที่บอกเขาเช่นนี้ เป็นผู้หญิงคนนั้น…
เหอะ คงไม่มีทางเป็นไปได้ตลอดชีวิต!
จุดที่แตกต่างระหว่างน่าหลันกับเธออยู่ที่นิสัยใจคอ เธอจะอดทนหักห้ามใจ มีสติไม่รู้จักยอมแพ้ ยิ่งไม่รู้จักอ้อนวอนด้วยความสมยอมใจ
มีสติจนน่าแค้นใจ!แต่ดันเป็นผู้หญิงที่น่าแค้นใจคนนั้นที่ทำเอาเขาหัวหมุนตลอดเวลา!
มนุษย์ บางครั้งตอนโง่เขลา แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ!
“ฉันก็ว่าเวลานี้แล้วยังไม่เห็นพวกเธอสองคนมาทักทายฉัน” ขณะนั้นเองเสียงคุ้นเคยดังขึ้นฉับพลัน ไฟเรนเซ่ที่มีเฉิงหมิงเข็นเก้าอี้มาจากสวนดอกไม้ช้าๆ
เขาหัวเราะมองสองคนที่กำลังกอดกัน
น่าหลันถูกจ้องจนใบหน้าเล็กแดงปลั่ง รีบผละห่างเย่เซียวถอยไปอยู่ด้านหลังเขา
“คุณพ่อ”
“คุณไฟ”
ทั้งสองคนทักทายตามๆ กัน
ไฟเรนเซ่รับคำสั้นๆ แล้วพูดหยอกกับเฉิงหมิงที่อยู่ด้านหลัง “วัยรุ่นสมัยนี้นะสวีทกันตั้งแต่เช้า คนแก่อย่างเราสองคนไม่รู้เวล่ำเวลาจริงๆ มารบกวนพวกเขาซะได้”
“คุณเป็นคุณพ่อของนายน้อย นายน้อยต้องไม่ถือสาอยู่แล้ว” ลุงหมิงยิ้มตอบ
“ถือสาไหม?” ไฟเรนเซ่ยกมือชี้ไปยังเย่เซียวที่สีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ “แกดูสีหน้าเขาสิ เขียนว่า ‘พวกแกน่ารำคาญจริงๆ’ เด่นหราเลย”
“คุณไฟ คุณอย่าล้อเลียนเราเลย” น่าหลันกลับรู้สึกลำบากใจขึ้นมา มือเผลอโอบแขนเย่เซียวโดยไม่รู้ตัว “หนูกับเย่เซียวกำลังจะไปหาคุณไฟพอดีแหนะ!”
“อืม คำทักทายของวันนี้รับไว้ตรงนี้แล้วกัน ยายหนู เธอน่ะให้ลุงหมิงพาเธอกลับตึกเล็กไป ฉันขอยืมตัวคู่หมั้นของเธอแป๊บหนึ่ง คงไม่ว่ากันหรอกนะ?”
คำว่า ‘คู่หมั้น’ เรียกให้ใบหน้าน่าหลันแดงระเรื่อพลางหยักหน้ารับด้วยความขวยเขิน “ไม่หรอกค่ะคุณไฟ งั้นหนูกับลุงหมิงกลับไปก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ”
ไฟเรนเซ่โบกมือ สักพักก็เหลือเพียงเขากับเย่เซียวสองคน
“เข็นรถให้ฉันเดินเล่นในสวนดอกไม้ก่อนเถอะ ฉันเห็นว่าช่วงนี้แกอารมณ์ไม่ค่อยดี ถือว่าเดินเล่นแล้วกัน”
เย่เซียวเข็นไฟเรนเซ่ไปพูดเสียงเรียบ “ผมไม่ได้อารมณ์ไม่ดี”
“ได้ ถือว่าแกไม่ได้อารมณ์ไม่ดี ใกล้จะหมั้นแล้ว ฉันก็ไม่อนุญาตให้แกอารมณ์ไม่ดี”
“คุณพ่อ เรื่องงานหมั้น ท่านยังไม่เคยถามความคิดเห็นของผมเลย” เย่เซียวน้ำเสียงแข็งกร้าว
“บัตรเชิญฉันใกล้จะส่งไปหมดแล้ว คืนนี้ฉันจะให้ลุงหมิงเอารายชื่อไปให้ที่ห้องหนังสือของแก แกดูให้ละเอียดอีกทีเผื่อหลุดใครไป ถ้ามีหลุดตรงไหนรีบเพิ่มเติม” ไฟเรนเซ่คล้ายไม่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วพูดของตัวเองไปเพียงลำพัง “ฉันรู้ว่าแกกลัวยุ่งยาก เรื่องงานหมั้นแกไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้น แค่วันนั้นตัวมาก็พอ อ้อ แกอยากเจอแม่แท้ๆ ของแกไม่ใช่เหรอ? ในงานหมั้น แกได้เจอเธอแน่นอน ถือว่าเป็นของขวัญงานหมั้นที่พ่อให้แกแล้วกัน!”
เย่เซียวหายใจหนักหน่วง มือที่เข็นเก้าอี้อยู่เกร็งแน่นกว่าเดิม
ความหมายในประโยค เขาเข้าใจดี
ไฟเรนเซ่เล่นลูกบอลหยกสองลูกในมือราวกับไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของใครบางคนด้านหลัง พลางพูดต่อไปเองอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย “เย่เซียว ปกติแกรู้นิสัยฉันดีที่สุด ถ้าใครกล้าแข็งข้อกับฉัน ฉันไม่ปล่อยมันไปแน่ สิบปีก่อนบัญชีเก่าของแฟนสาวแก แกไม่ได้สะสางนั่นเพราะแกใจกว้าง ส่วนบัญชีที่ทำฉันเจ็บหนักในสิบปีหลัง ถ้าจะให้สะสางจริงๆ ฉันคงต้องไปเจอเธอด้วยตัวเองสักครั้ง แกว่าไหมล่ะ?”
………………………………