อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 715 ชีวิตนี้ยาวไกล แต่กลับลืมคุณได้ยาก (3)
- Home
- อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!
- ตอนที่ 715 ชีวิตนี้ยาวไกล แต่กลับลืมคุณได้ยาก (3)
จูบเธออย่างอดใจไม่ไหว เธอไม่ตื่นและหลับตาสนิทเหมือนเดิม เขาจึงปล่อยตัวจูบแนบแน่นกว่าทีแรก
จูบจนหายใจหอบฮัก จูบจนใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากจะกลืนกินเธอให้รู้แล้วรู้รอด เขารีบปล่อยเธอ
พลิกตัวลงจากเตียงใส่เสื้อเดินออกไปจากห้อง
ชั่ววินาทีที่ประตูถูกปิดลง เธอที่แต่แรกไม่มีปฏิกิริยาใดๆ บนเตียงค่อยๆ ลืมตา…
จ้องไปยังทิศทางที่เขาจากไปด้วยแววตาเรียบนิ่งแต่ว่างเปล่าครู่ใหญ่…
…………………………
ถังซ่งพลิกตัวขยี้ตาสะลือสะลือ จู่ๆ เห็นเงามืดตะคุ่มปรากฏในความมืด สบถหยาบทีด้วยความตกใจก่อนจะลุกจากเตียงอย่างระแวง
“บ้าอะไรเนี่ย?!” เหงื่อชื้นไปทั้งแผ่นหลัง
“ฉันเอง”
คำสั้นๆ ที่ทำให้เขากอบโกยอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ เจ้าบ้า!ตกใจแทบตายเพราะคนเนี่ยนะ?!
ผ้าห่มบนตัวถูกเลิกออกทีเดียว ถังซ่งอ้าปากด่ากราดเพราะความหนาว “เฮ้ย นายไม่ถึงกับต้องวิ่งโร่มาข่มขืนฉันกลางดึกแบบนี้หรือเปล่า?!รสนิยมทางเพศฉันปกตินะ!”
“ลุกขึ้น มาดื่มเป็นเพื่อนฉัน!” เย่เซียวเลิกผ้าห่มบนตัวเขา ‘พรึ่บ’ ทีเดียวเปิดไฟทั้งห้องให้สว่าง
ถังซ่งนอนไม่พอแถมยังโดนแสงไฟแยงตาจนเขาลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่ใช้มือบังขณะที่ก็ก่นด่าเพราะความหงุดหงิดไปด้วย “นายอยู่ไม่สุขก็มาทรมานฉันให้ฉันอยู่ไม่สุขด้วย ใช่ไหม?นี่มันเวลาไหนแล้วดื่มบ้าอะไร? อีกอย่างไม่ดูสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของตัวเองเลย!”
เย่เซียวเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาไปโดยปริยาย
เดินไปที่ตู้เก็บเหล้า เปิดขวดเหล้าอย่างคล่องมือก่อนจะเทสองแก้ว เหล้าสีเหลืองอำพันที่มีดีกรีสูง
ถังซ่งเห็นว่าเขาคิดจะเอาจริงเลยค่อนข้างปวดศีรษะ “นายเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?”
“นายว่าไงล่ะ?” เขาเป็นเจ้านายของที่นี่ มีการ์ดสำรอง อยากเข้าห้องไหนก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา
“ฉันจะฟ้อง!มีเจ้านายอย่างนี้ที่ไหนกัน? มาบุกรุกคนอื่นกลางดึก!”
เย่เซียวไม่สนใจเขา
ยกแก้วเหล้ายืนริมหน้าต่างมองไปข้างนอกนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ บนผืนทะเลในเวลานี้ถูกปกคลุมด้วยหมอกชั้นบางๆ แสงดวงดาวกะพริบทอแสงให้เห็นวับๆ แวมๆ
เขานึกถึงพลุดอกไม้เมื่อปีนั้น…
หลังจากปีนั้น ความสว่างไสวนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองอีก
“เย่เซียว หน้านายเขียนไว้ว่ามีความต้องการนะ” ถังซ่งระอา ยกแก้วเหล้าเดินมาใช้สองตาเหลือบมองเขาไป “นายคิดยังไง คนสวยอยู่ในอ้อมกอดนายไม่กอดเธอดีๆ สักคืน วิ่งแจ้นมาห้องฉันแล้วแกล้งทำเป็นขรึม? คงไม่ใช่เพราะ…ถูกเธอไล่ออกมาหรอกนะ?”
เย่เซียวแค่นหัวเราะตัวเองที “ถ้าอยู่ต่อ ฉันกลัวฉันจะข่มขืนเธอจริงๆ”
“หึ ถือว่านายยังคิดได้บ้าง ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานจริงๆ”
เย่เซียวแค่นหัวเราะที ยกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียว
ถังซ่งขมวดคิ้ว “นายอย่าดื่มเยอะขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พร้อมจะสูญเสียชีวิตได้เสมอเลยนะ”
“ชีวิต?” เย่เซียวย้ำคำนี้อย่างนึกขันก่อนเทเหล้าให้ตัวเองอีกแก้ว เขาก้มมองของเหลวสีเหลืองอำพันในแก้วด้วยแววตาเย็นชา “ถ้าสูญเสียชีวิตในตอนนี้ได้จริงๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร…”
อย่างน้อย…
ก่อนที่จะหลับตาไปชั่วชีวิตยังได้เห็นผู้หญิงที่นอนอีกห้องคนนั้นสักหน่อย
อีกทั้ง…
“ทุกวันนี้ฉันกลับคิดว่าตัวเองดวงแข็งเกินไป มีชีวิตอยู่นานเกินไป” แววตาเขาหม่นแสง
ชีวิตที่เหลืออันยาวนานและโดดเดี่ยว มีชีวิตอยู่หนึ่งวันล้วนเป็นความทรมาน…
ถังซ่งใจกระตุก “นายพูดบ้าอะไร!ชีวิตของนายเป็นเพราะฉันทุ่มแรงสุดตัวถึงลากนายกลับมาจากหน้าประตูนรก นายกล้าไม่รักษา ฉันเอานายตายแน่!”
เย่เซียวไม่ตอบและไม่สนเขาที่กำลังเดือดอยู่ สายตาทอดมองไปบนผิวน้ำทะเลที่มืดสนิท
ถังซ่งไม่ชอบเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ หน้าอกก็อึดอัดแทบตายเลยเทเหล้าให้ตัวเองอีกแก้วหลังตัดสินใจยกดื่มทีเดียวหมดไป
แอลกอฮอล์เย็นฉ่ำไหลผ่านลำคอลงไปสู่กระเพาะ อารมณ์ที่หงุดหงิดของเขาถึงได้ระบายลงหน่อย หันข้างมองเย่เซียวแวบหนึ่งด้วยแววตาที่นิ่งขึ้น “นายคิดจะหมั้นกับน่าหลันจริงๆ?”
“อืม” เขาไม่ลังเล อนาคตที่มืดมนและไม่มีจุดสิ้นสุดที่ไม่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย จะใช้ชีวิตกับใครก็เหมือนกัน
ถังซ่งไม่พูด
“เป็นไปตามที่นายหวังที่สุดไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันก็แค่พูดเท่านั้นเพราะมั่นใจว่านายไม่มีทางแต่งงานกับเธอ ใครจะรู้…” ถังซ่งกล่าวอีก “แต่ว่ายายนั่นชอบนายจริงๆ”
“ศัลยกรรมให้เหมือนเธอแล้วมาหาฉัน ชอบจริงๆ หรือเสแสร้ง?” เย่เซียวพ่นลมที “แต่จะจริงหรือเสแสร้ง ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ถังซ่งตกใจเล็กน้อย “นายรู้ว่าเธอศัลยกรรม?”
“นายคิดว่าในโลกนี้จะมีสองคนที่หน้าตาคล้ายกันไม่พอ แต่งานอดิเรกความชอบทุกอย่างก็คล้ายกันด้วยเหรอ?”
“หน้าเธอเคยผ่านมีดหมอมาบ้างจริงๆ แต่ฉันกลัวนายผิดหวังเลยไม่เคยบอก อีกอย่างในเมื่อนายไม่ได้คิดจริงจังกับเธอก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอก แต่ในเมื่อนายรู้ความจริงแล้วทำไมยังเก็บเธอไว้ข้างกาย?”
“เธอเป็นคนของพ่อบุญธรรมฉัน”
ถังซ่งกลับไม่สงสัย “ไฟเรนเซ่ขี้สงสัยเป็นทุนเดิม ตอนนี้นายกำลังได้ดิบได้ดี เขาจะระวังนายไว้ก็ไม่แปลก”
เย่เซียวไม่ตอบอีก เขาไม่อยากทำการวิเคราะเรื่องไฟเรนเซ่กับคนอื่นมาก คนคนนั้นช่วยทำให้เขาเกิดใจศรัทธาใหม่หลังเขารู้สึกสิ้นหวังเต็มทีกับคำว่า ‘คุณพ่อ’ในวัยเด็ก อารมณ์ที่หวั่นเกรงเขานั้นทั้งซับซ้อนและยากจะทำลาย
เพียงแต่หลังปีกที่ถูกเขาฝึกฝนจนแข็งกล้า กรงเล็บก็ย่อมแหลมคมไปตามๆ กัน
สิ่งที่ไฟเรนเซ่ไม่กล้ามั่นใจก็คือ กรงเล็บของเขาจะหันปลายมาทางพ่อบุญธรรมอย่างเขาในสักวันหรือไม่
“เย่เซียว ถ้านายหมั้นกับน่าหลัน…ไป๋ซู่เย่ทำไงล่ะ?” ถังซ่งอดถามไม่ได้
“เธอจะทำยังไง?” เย่เซียวถามซ้ำคล้ายรู้สึกว่าคำถามนี้ของถังซ่งค่อนข้างน่าขำ เขาดื่มอีกอึก รสแอลกอฮอล์ร้อนผ่าวแผดเผาทุกส่วนในร่างกายเขาให้แสบร้อน“นายถามผิดแล้ว ที่นายควรถามคือ หลังจากนี้ฉันควรทำยังไง?”
ถังซ่งสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “สิบปีก่อน ฉันแค่คิดว่าความเจ็บปวดของนายมาจากการตายของพี่น้องเรา ความไม่ปล่อยวางของนายที่ผ่านมาสิบปี ฉันเองก็คิดว่าเพราะนายไม่พอใจ แต่ตอนนี้มาดูแล้วเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไป”
“ฉันก็คิดว่าไม่พอใจ มันตลกสิ้นดี เย่เซียวที่ฆ่าคนเหมือนผักปลา กลับถูกเด็กผู้หญิงอายุสิบแปดคนหนึ่งหลอกเข้า” เย่เซียวเอ่ยปากพูดอย่างขมขื่น
อาจเป็นเพราะดื่มเหล้าหรือเพราะอัดอั้นใจเกินไปจนเขาต้องการระบายความเจ็บนั่นเช่นเดียวกัน
มีบางอย่างที่หากเก็บในใจต่อ เขากลัวตัวเองจะอึดอัดจนตาย
“สิบปีนี้ฉันเคยคิดหาวิธีที่จะทรมานเธอเป็นพันเป็นหมื่นวิธี หรือเคยคิดจะใช้วิธีเดียวกับที่เธอเคยใช้เมื่อสิบปีก่อน รอเธอหลงรักฉัน พึ่งพาฉัน ฉันค่อยทอดทิ้งเธอไปอย่างโหดร้าย ให้เธอได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทั้งหมดที่ฉันเคยโดนมาตลอดสิบปี แต่ว่าสิ่งที่น่าขำคือ…เมื่อได้เจอเธออีกทีหลังสิบปี หลายครั้งฉันโกรธจนขาดสติ ทำไมต้องเป็นฉันที่คอยจดจำเธออยู่เสมอ ลืมไม่ลง แต่เธอกลับมีท่าทีเฉยเมยกับฉันมาโดยตลอดแล้วยังระวังแล้วระวังอีก? ทำไมฉันมีชีวิตที่อยู่ไม่สุข แต่เธอกลับสงบดีเสมอมา”
……………………………