อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 718 หากคุณตาย ฉันจะติดตามไป (1)
“ดูเหมือนว่าคุณไป๋จะจำได้แล้ว”
ไฟเรนเซ่มองเธอด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เรียกให้ไป๋ซู่เย่ขนลุกวาบ
คนคนนี้เธอเคยรู้จัก
สิบปีก่อนเย่เซียวเคยให้เธอดูรูปถ่ายของเธอ เธอในรูปเมื่อนั้นยังเป็นผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงานคลอดลูก ไม่ได้ดูโทรมและมีอายุเท่าตอนนี้
“คุณไฟ ถ้าคุณฆ่าเธอ เย่เซียวไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
“เย่เซียว? ผมเป็นคนเลี้ยงเย่เซียวมาเอง ต่อให้ผมหันปลายกระบอกปืนไปที่เขา ต่อยตีเขาจนตัวน่วม เขาอาจจะไม่ทำอะไรผมด้วยซ้ำ!”
สองมือของไป๋ซู่เย่ข้างลำตัวกำแน่นกว่าเดิม คุณแม่เขานับได้ว่าเป็นคนในครอบครัวที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของเย่เซียว พอจะคิดได้ว่ามีความสำคัญต่อเขามากขนาดไหน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณพูดเงื่อนไขมาเลยดีกว่า ในเมื่อคุณเอาเธอมาตรงหน้าฉัน ให้ฉันเห็น ก็ต้องมีเรื่องเจรจากับฉัน”
ไฟเรนเซ่ระเบิดเสียงหัวเราะและยกปืนออก ใช้ผ้าสีเหลืองหนึ่งผืนเช็ดเบาๆ “ผมชอบคุยกับคนฉลาด คุณไป๋ ผมมีเงื่อนไขเดียว ความอยู่ความตายของคุณแม่เย่เซียวก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ”
“ว่ามาได้เลย!”
“จากนี้อย่าปรากฏต่อหน้าเย่เซียวอีก!” ไฟเรนเซ่บอกข้อแม้ของตนมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาดุดันมากกว่าเดิม เขาหยุดท่าเช็ดปืน จู่ๆ ก็จ้องไป๋ซู่เย่ด้วยแววตาเย็นยะเยือก “ผมไม่ชอบให้คุณเข้าใกล้ลูกชายผม ถ้าทำได้ คุณแม่ของเขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าทำไม่ได้ คุณกับเย่เซียวก็มาเก็บศพด้วยกันเถอะ!”
สิ้นคำของเขา ไป๋ซู่เย่ที่แต่เดิมยังตึงเครียดอยู่ก็ผ่อนคลายลงมากโข
อารมณ์เธอค่อยๆ คงที่ แย้มปากหัวเราะ “ฉันคิดว่าคุณไฟจะออกโจทย์ยากอะไรให้ฉันซะอีก ที่แท้ก็แค่นี้เอง”
พูดถึงนี่เธอหยุดชะงัก แม้กำลังระงับอารมณ์อยู่อย่างสุดความสามารถแต่น้ำเสียงก็แฝงด้วยความเศร้าอย่างปิดไม่มิด “คุณไฟไม่ต้องต้องทำขนาดนี้ด้วยซ้ำ ฉันกับเย่เซียว…ไม่เคยคิดจะเจอกันอยู่แล้ว…”
ไฟเรนเซ่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ผมเชื่อว่าคุณไป๋ต้องเป็นคนที่พูดได้ทำได้”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้พูดอะไรอีก เสียงประกาศให้ขึ้นเครื่องดังขึ้นข้างหู เธอก้มตัวหยิบกระเป๋าเดินทางซึ่งปลายนิ้วกำแน่นจนขาวซีด “คุณไฟ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันขอตัวไปก่อน…”
เสียงเบาหวิวและล่อยลอย
ไฟเรนเซ่หยักหน้า “ไปเถอะ”
………………
ไป๋ซู่เย่ถือกระเป๋าเดินทางเดินออกจากห้องรับรอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆที่ตัวล่อง ลอยไม่มีเรี่ยวแรง
ขณะเดินผ่านห้องรับรองผู้โดยสารห้องอื่นได้ยินเสียงดีใจปนตื่นเต้นของหญิงสาวดังแว่วมา “ถ่ายทอดสดมาแล้ว!พิธีหมั้นเริ่มแล้ว!”
“โรแมนติกจังเลย!”
“อ๊าก เย่เซียวหล่อจัง!”
“ภรรยาของเขาก็สวยมาก!ได้ยินว่าพวกเขาอายุห่างกันมากล่ะ ห่างตั้งสิบกว่าปีแหนะ!เท่มากเลย!”
“แต่ทำไมว่าที่เจ้าบ่าวถึงดูไม่มีความสุขเลยสักนิด เธอดูสิ สีหน้าเขาดูแย่มาก”
“เธอจะรู้อะไรล่ะ นี่เรียกว่าเย็นชาต่างหาก ท่านเย่เซียวก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เทพบุตรผู้นิ่งขรึม!อยากรู้จริงๆ ว่าตอนที่เขากับภรรยาตัวน้อยของเขาอยู่บนเตียงด้วยกัน ก็เท่ขนาดนี้หรือเปล่า”
ไป๋ซู่เย่คอยฟังโดยไม่กล้าหันกลับมาได้แต่สับเท้าเดินเร็วๆ ยิ่งเดินยิ่งเร็วราวกับมีสัตว์ดุร้ายกำลังวิ่งไล่ตามหลังตัวเอง เธอคิดว่าตนจะทำใจรับทุกอย่างได้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ขณะที่ก้าวโต้ลมขึ้นบันไดเครื่องบิน น้ำตาอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
ลมพัดพาน้ำตาให้เหือดแห้งอย่างรวดเร็ว แต่ทำไมถึงไม่พัดเอาความเจ็บปวดรวดร้าวของเธอไปด้วย…
…………………………
อีกฟากหนึ่ง
พอหน้าจอมืดลงไฟเรนเซ่เก็บปืน
เขาพยุงหญิงวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่ข้างเท้าขึ้นด้วยตัวเอง
อีกฝ่ายตกใจเพราะเขาเลยตัวสั่นระริกคอยหลบเขา เฉิงหมิงคอยแตะไหล่เธออยู่ข้างๆ เป็นการปลอบประโลม กล่าว “คุณผู้หญิง คุณไม่ต้องกลัว คุณไฟไม่มีทางทำร้ายคุณจริงๆ”
“ใช่ คุณเป็นแม่แท้ๆ ของลูกชายสุดที่รักของฉัน ถ้าฉันกล้ายิงคุณ เย่เซียวก็คงสู้กับผมอย่างไม่คิดชีวิต” ไฟเรนเซ่หัวเราะพลางแกะเชือกตรงมือให้ผู้หญิง
เฉิงหมิงรีบกล่าวขึ้น “คุณไฟ งานแบบนี้ให้เฉิงหมิงทำเถอะ”
“ฉันต้องแกะเอง พวกแกก็นะ ทำไมมัดแน่นขนาดนี้?” ไฟเรนเซ่ขมวดคิ้วตำหนิไปที
เฉิงหมิงโค้งตัวเล็กน้อย “ลูกน้องไม่รู้หนักเบา เดี๋ยวผมจะพาไปขอโทษคุณผู้หญิง ให้คุณผู้หญิงตัดสินใจว่าจะทำโทษยังไง”
ดวงตาหญิงวัยกลางคนที่ดูมีอายุหันมองนั่นทีมองนี่ที สุดท้ายกลีบปากสั่นระริกไม่กล้าออกเสียงเพราะยังไม่ได้สติดีนัก
“พอแล้ว พาคุณผู้หญิงไปอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนชุดให้เหมาะสมเดี๋ยวเตรียมตัวเซอร์ไพรส์ลูกชายฉัน” ไฟเรนเซ่สั่งให้คนพาอีกคนจากไป จากนั้นมองเฉิงหมิงด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง “ให้คนติดตามให้ดี อย่าให้เธอมีโอกาสออกไปจากเรือนหลัก”
“ท่านวางใจได้ ผมจัดการไว้หมดแล้ว” เฉิงหมิงตอบกลับ
ไฟเรนเซ่พยักหน้าและพรูลมหายใจยาว ครุ่นคิดบางอย่าง
เฉิงหมิงเข้าใจเขาเลยพูดปลอบอยู่ข้างๆ “คุณไฟไม่ต้องร้อนใจนัก ผมเชื่อว่านายน้อยต้องเข้าใจความทุ่มเทของท่านแน่ๆ”
“เข้าใจ? เขาจะเข้าใจบ้าอะไร” ไฟเรนเซ่แค่นหัวเราะ “เจ้าหมอนั่นคงคิดว่าฉันกำลังระแวงเขาอยู่!รอฉันตาย ของพวกนี้ก็เป็นของเขาทั้งหมด ฉันจะระแวงเขาไปทำบ้าอะไร!ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดที่ฉันเลือกไว้ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือต้องยิ่งใหญ่กว่านี้ ยิ่งใหญ่จนไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะไม่ถูกใครข่มขู่ ตอนนี้ตัวเขาเต็มไปด้วยจุดอ่อน จะยิ่งใหญ่ยังไง?”
“จุดอ่อนของนายน้อยท่านช่วยจัดการไปแล้วไม่ใช่หรือครับ? คุณไป๋กับนายน้อยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก แถมตอนนี้นายน้อยก็หมั้นกับคุณน่าหลันไปแล้ว ต่อให้อนาคตจะมีการปะทะ คนนอกก็มีแต่จะพุ่งเป้ามาที่คู่หมั้นของเขาอย่างคุณน่าหลัน ไม่มีทางไปหาคุณไป๋ได้ ส่วนคุณผู้หญิง…ท่านคอยให้การปกป้องเป็นอย่างดี ต้องไม่มีใครกล้าคิดตุกติกกับเธออยู่แล้ว”
ไฟเรนเซ่แค่นเสียงที “หวังว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง—ถ้าเขากล้าหวั่นไหวอีก แกฆ่าคุณไป๋นั่นแทนฉันซะ ให้เขาได้รู้ว่าคนที่ทำงานอย่างเรา อย่าคิดจะมีความรักเหมือนคนอื่น!”
พูดถึงประโยคสุดท้ายสีหน้าไฟเรนเซ่ดูซึมลงไปเล็กน้อย
เมื่อนั้นในตอนที่เขายังวัยรุ่นอยู่ ถูกคนข่มขู่โดยการลักพาตัวหญิงที่ตนรัก ลูกน้องมากมายกำลังมองอยู่ หากเขาลังเลเพียงนิดก็ไม่มีทางก้าวมาสู่จุดนี้ได้
เมื่อนั้นเขาเลือกที่จะฆ่าคนรักของตนเองกับมืออย่างไม่ลังเล เด็ดขาดและโหดเหี้ยม ไม่เคยเหลือทางถอยให้ตัวเองสักนิด
แต่ก็เพราะเหตุนี้ทำให้เขาไม่มีจุดอ่อนอีกต่อไป ในสนามรบแข็งแกร่งไม่มีใครเทียบเทียม ไม่มีใครกล้าท้าทายเขา สิ่งที่เขาต้องการจึงเป็นผู้สืบทอดที่จะเด็ดเดี่ยวเหี้ยมโหดไม่มีช่องโหว่ใดๆ เหมือนเขา
…………………………