อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 719 หากคุณตาย ฉันจะติดตามไป (2)
ตอนที่พิธีหมั้นของเย่เซียวกำลังดำเนินไป๋ซู่เย่ก็บินทะยานอยู่บนฟ้าไกล
หลังกลับประเทศวันที่สองรองปลัดพาไป๋หลางกลับมา หลังจากนั้นไป๋หลางก็ไม่เคยปริปากเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก แต่บางครั้งเธอยังได้เห็นงานหมั้นที่ยิ่งใหญ่จากข่าวต่างประเทศบ้าง
บทความสื่อถูกส่งจากประเทศ T มายังประเทศ S ไม่สิ น่าจะบอกว่าไปถึงทั่วโลก
“เธอว่าเย่เซียวอยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีคู่หมั้นที่สวยงามแล้วเขาก็รักเธอ รักจนถึงขั้นต้องบอกให้โลกรู้ขนาดนี้เชียวเหรอ?” ช่วงมื้อกลางวันเพื่อนร่วมงานที่นั่งตรงข้ามเธอกำลังพูดถึงข่าวของเย่เซียว
ไป๋หลางแทบจะหันมาดูสีหน้าของเธอทันที เห็นเธอไม่มีสีหน้าอะไรมากแม้จะโล่งอกแต่ยังพูดกับเพื่อนร่วมงานตรงข้ามว่า “เรื่องผ่านไปนานขนาดนี้แล้วพวกคุณยังคุยถึงอยู่อีก คุยเรื่องภารกิจที่ช่วงนี้ต้องทำบ้างดีกว่าไหม?”
“ไม่ใช่ว่าเราอยากคุยแต่เย่เซียวจัดหนักจัดเต็มจริงๆ ผ่านไปตั้งหลายวันแล้วสื่อยังเล่นข่าวนี้อยู่เลย”
ไป๋ซู่เย่หลุบตามองหนังสือพิมพ์ข้างๆ แวบหนึ่ง
เย่เซียวไม่ใช่คนโอ้อวดแบบนั้นอีกทั้งเขาเองก็รู้ว่าข่าวนี้ถูกปล่อยเมื่อไร สำหรับน่าหลันแล้วบอกได้เลยว่าเป็นดั่งภัยพิบัติ มีคนมากมายกำลังจดจ้องเย่เซียวอยากหาช่องโหว่ในการต่อสู้ ตอนนี้มีข่าวนี้เท่ากับว่าผลักน่าหลันเป็นเป้าแทน หลายคนที่ทำอะไรเย่เซียวไม่ได้จากนี้ไปเกรงว่าจะเร้นหาทุกวิถีทางที่จะหันเป้าไปทางน่าหลันแทน
เย่เซียวก็ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ฉะนั้นคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือไฟเรนเซ่ แต่ไฟเรนเซ่เป็นคนคาดเดาความคิดยากมาโดยตลอด ดังนั้นคิดว่าไม่มีใครรู้จุดประสงค์ของเขาได้อย่างถ่องแท้
ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่นิดเดียว…
ไป๋ซู่เย่ทานอาหารเงียบๆ เมนูอาหารที่ดูน่าทานแต่พอเข้าปากแล้วกลับฝาดขมราวกับกำลังเคี้ยวขี้ผึ้ง…
……………………
วันที่สิบยังคงนอนหลับยากเหมือนเดิม
ไป๋ซู่เย่พิงอ่างอาบน้ำเปิดม่านพลางใช้สายตาว่างเปล่ามองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่างที่เริ่มสว่างขึ้น เมืองนี้หิมะเริ่มตกแล้ว ข้างนอกขาวโพลนไปทั่วทุกหนแห่งที่แค่มองก็รู้สึกหนาวเข้ากระดูก
ในเมืองเยียว ณ ประเทศ T ในอีกฟากหนึ่งตอนนี้หิมะเริ่มตกแล้วหรือยัง? พลุดอกไม้ที่เมืองนั้นยังถูกจุดตามเวลาเดิมหรือไม่? โรงแรมแห่งนั้น ห้องนั้น เปลี่ยนเป็นใครกับใคร?
คิดถึงนี่หัวใจก็บีบรัด
ทันใดนั้นเองเสียงดังของโทรศัพท์ก็ดึงสติเธอกลับมา
เธอลุกยืนจากอ่างอาบน้ำใช้ผ้าขนหนูพันตัวก่อนกดรับสาย ปลัดกระทรวงเป็นคนโทรมาและแค่ประโยคสั้นๆ “ประชุมด่วน รีบมาที่กระทรวงเดี๋ยวนี้”
ไป๋ซู่เย่ดูเวลาแวบหนึ่ง นี่เพิ่งเช้าเจ็ดโมงครึ่ง ดูเหมือนจะเป็นภารกิจเร่งด่วนมาก
ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบเกล้าผมขึ้น ขับรถฝ่าหิมะไปยังกระทรวงความมั่นคง
การประชุมครั้งนี้เคร่งเครียดอย่างมาก
“ตอนนี้สถานการณ์คับขันมาก เพราะครั้งนี้เยียวหมิงลักพาตัวไปที่สถานที่พิเศษอย่างทะเลทรายซ่าเหยียน ไม่สามารถส่งกองทัพรัฐบาลบุกเข้าไปโดยตรง ดังนั้นเรื่องนี้เลยตกมาที่กระทรวงความมั่นคงของเรา ครั้งนี้นอกจากจะมีทหารรับจ้างที่เก่งกาจยี่สิบนายมาช่วยสนับสนุนเราแล้ว ยังมีสปายของเราช่วยประสาน ส่วนตอนนี้เราต้องเลือกคนหนึ่งเป็นผู้นำหน่วยอำพรางตัวของเราเข้าไปที่ทะเลซ่าเหยียน ทุกท่านที่นั่งอยู่มีใครยอมอาสาเป็นคนนำในครั้งนี้บ้าง?”
ปลัดกวาดมองทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้รอบหนึ่ง
จากนั้นเสียงใสหนึ่งดังขึ้น “ฉันไปเอง”
สายตาทุกคนหันไปทางผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้
ไป๋หลางเบนหน้าไปพูดเสียงเบา “ช่วงนี้คุณดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ภารกิจครั้งนี้อันตรายมาก!”
“อันตรายแค่ไหนก็ต้องมึคนไป ไม่ใช่ฉันก็เป็นคนอื่น”
“แต่…”
ไป๋หลางยังอยากจะพูดบางอย่างแต่ปลัดได้เอ่ยเสียงขัดพวกเขาก่อน “รัฐมนตรีไป๋ คุณคิดดีแล้วเหรอ? เรื่องนี้ความอันตรายสูงมาก!ในมือเยียวหมิงมีอาวุธที่ทันสมัยมากมาย อีกทั้งครั้งนี้พวกเขาอยู่ที่ทะเลทราย ภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย สถานการณ์ซับซ้อน”
“ค่ะ ฉันคิดดีแล้ว” น้ำเสียงเธอแน่วแน่ไม่ลังเลสักนิด
“รัฐมนตรี!” ไป๋หลางเรียกเสียงเบา “คุณเป็นผู้หญิงนะ!”
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้สนใจเขา แค่ลุกยืนตะเบะอย่างจริงจัง“ขอให้ปลัดช่วยอนุญาตด้วย”
“ได้ ผมเชื่อในความสามารถคุณเสมอมา” สบสายตาแข็งขันของเธอแล้วพยักหน้า “ถ้างั้นสองวันนี้ให้รวบรวมคน รีบหาเวลาวิเคราะห์การแบ่งทีมให้ดี จะช้าไม่ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปต้องรับรองความปลอดภัยของตัวประกัน!”
“รับทราบ!”
…………………………
คืนก่อนออกปฏับัติการภารกิจหลังไป๋ซู่เย่เตรียมของเสร็จทุกอย่างก็หลับไปด้วยยานอนหลับ
ครั้งนี้มีความอันตรายสูงมากซึ่งใจเธอรู้ดี กลุ่มติดอาวุธเหล่านั้นแต่ละคนไม่ใช่คนธรรมดา แต่ชีวิตย่อมมีเกิดมีตาย หากได้ล้มตายไปในสงครามตามหน้าที่ก็ไม่พ้นเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยนี่ก็เป็นเหตุผลของการมีชีวิตของเธอ
วันรุ่งขึ้นไป๋ซู่เย่ในชุดทหารที่เตรียมพร้อมครบครัน พากลุ่มคนของพวกเขาก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มุ่งสู่ทะเลทรายซ่าเหยียนอย่างเด็ดขาดแน่วแน่
……………………
สองวันที่ทีมเฝ้าติดตามในประเทศไม่ได้รับข่าวใดๆ
ไป๋หลางรอมาสองวันเต็ม รอถึงวันที่สามก็พุ่งเข้าไปในห้องปฏิบัติการชั่วคราวอย่างหมดความอดทน
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว? ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง? ตัวประกันได้รับการช่วยเหลือหรือยัง? รัฐมนตรีของเราล่ะ?”
”
“ไป๋หลาง คุณอดทนรอหน่อย พวกเขาเพิ่งได้เข้าไปในถิ่นของคู่กรณี ข้างในนั้นถูกบล็อกสัญญาไว้หมด เลยหาทางติดต่อกับเราโดยตรงไม่ได้”
“ผมจะอดทนได้ยังไง? นี่เป็นเรื่องที่พร้อมจะเอาชีวิตไปได้ทุกเมื่อเลยนะ” ไป๋หลางร้อนใจจนยากจะอยู่นิ่งเฉย ความจริงภารกิจแบบนี้พวกเขาออกปฏิบัติการบ่อยครั้งซึ่งเขาก็ชินแล้ว แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
เขาไม่ไปไหนพลางลากเก้าอี้นั่งในห้องปฏิบัติการ เขาเปิดกล่องบุหรี่ดึงออกมามวนหนึ่ง ไม่นานควันบุหรี่ก็ลอยโขมงเต็มห้องปฏิบัติการ
ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการถีบเขาที “จะสูบก็ออกไปสูบข้างนอก สำลักจะตายแล้ว”
“เป็นยังไงบ้าง? ได้ข่าวอะไรบ้างไหม?” ไป๋หลางดับไฟบุหรี่ เงยหน้ามองนาฬิกาข้างกำแพงวูบหนึ่ง กลับพบว่านั่งในนี้มาสองชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว มิน่าถึงรู้สึกยาวนานนัก
ถูกเขาซักถามเช่นนี้ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการก็เกิดความรำคาญอยากจะจับตัวเขาโยนออกไป แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นมา “ผู้บัญชาการ มีข่าวมาแล้ว!ข่าวดี!”
ไป๋หลางตาวาว รีบถามต่อก่อนหน้าผู้บัญชาการด้วยความร้อนรน “ช่วยตัวประกันได้สำเร็จใช่ไหม?”
“ใช่ เมื่อกี้เพิ่งได้รับการรายงานว่าตัวประกันทุกคนปลอดภัยดีและถูกส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์กำลังบินไปยังจุดปลอดภัย”
“เยี่ยมไปเลย!!” ผู้บัญชาการทั้งตกใจทั้งดีใจ ตัวประกันปลอดภัยเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด “ผมจะรีบโทรรายงานปลัดกระทรวงเดี๋ยวนี้!”
ไป๋หลางเองก็พรูลมหายใจยาวโล่งอกเช่นกัน
แต่ยังไม่หมดลมดี วินาทีต่อจากนั้นก็ตะลึงนิ่งค้างอยู่กับที่เพราะประโยคต่อมา
“แต่…” สีหน้าอีกฝ่ายหนักอึ้งน้อยๆ
……………………………………