อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 720 หากคุณตาย ฉันจะติดตามไป (3)
“แต่อะไร? คุณพูดทีเดียวให้จบ!” ไป๋หลางตะคอกเสียงต่ำอย่างหมดความอดทน
ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการก็ชะงักท่าที่กำลังจะโทรศัพท์ เหลือบมองไป๋หลางแวบหนึ่ง “คุณอย่าใจร้อนขนาดนั้น อารมณ์ร้อนอย่างนี้คนเขาจะพูดดีๆ ยังไง?”
แล้วหันไปบอกลูกน้องตัวเองอีกที “คุณพูดช้าๆ พูดให้เข้าใจ!”
“ในการต่อสู้ได้สูญเสียทหารไปหลายนายแล้วยังมีอีกหลายนายที่บาดเจ็บ ส่วนรัฐมนตรีไป๋ที่นำทีมไป…เพื่อช่วยตัวประกันได้แผลถูกยิงมา คลาดกับหน่วยปฏิบัติการในระหว่างการต่อสู้ จนตอนนี้…”
“ตอนนี้ทำไม?!” ไป๋หลางแหวเสียงต่ำ
“ไม่รู้ข่าวคราว…”
“บัดซบ!” ไป๋หลางสบถหยาบทีแล้วเตะเก้าอี้แรงๆ จนเกิดเสียงดัง ‘ปึง’
ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการได้ยินเข้าเลยไม่รอช้ารีบโทรไปที่กระทรวงความมั่นคงแล้วส่งต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ประธานาธิบดีจะมาด้วยตัวเองเพื่อสอบถามเรื่องนี้ ทุกคนจึงรีบเริ่มวางแผนการตามหา
แต่ทะเลทรายซ่าเหยียนดันเป็นทะเลทรายที่ไม่ธรรมดา ทะเลทรายซ่าเหยียนนอกจากไม่ได้อยู่ในเขตการดูแลของรัฐบาลใดแล้วทั้งผืนดินแผ่นนั้นยังมีกลุ่มติดอาวุธไม่น้อยต่างต่อสู้เพื่อแข่งขันกันเลยตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย แต่หากรัฐบาลใดคิดจะนำกองทัพที่ติดธงประเทศบุกโจมตี จะประสบพบเจอการขัดขืนอย่างรุนแรงของการรวมตัวของกลุ่มติดอาวุธ นำไปสู่ผลที่ไม่คาดคิด
อีกทั้งเพิ่งจะส่งตัวทหารรับจ้างอำพรางตัวเข้าไปก็ได้กระเทือนกลุ่มติดอาวุธทั้งหมดในทะเลทรายแล้ว จนบัดนี้พวกเขาได้เพิ่มความระมัดระวัง อยากจะบุกเข้าไปอีกครั้งในระยะสั้นมันยากยิ่งกว่าเหาะขึ้นฟ้าเสียอีก
“ท่านประธานาธิบดี ตอนนี้…คิดว่าน่าจะต้องไปหาผู้ไกล่เกลี่ยแล้ว ถ้าคนของเราถูกกลุ่มติดอาวุธที่เราอำพรางตัวไปเจอตัว เราจะพากลับมาอย่างสุดความสามารถ” ปลัดกระทรวงความมั่นคงเอ่ยปาก
“หาผู้ไกล่เกลี่ย ต้องใช้เวลาอีกวัน?” ท่านประธานาธิบดีขมวดคิ้วอย่างหนักใจ
“จากวางแผนจนถึงติดต่อ คิดว่าอย่างน้อยน่าจะต้องใช้เวลาสองวัน”
“หลังติดต่อพวกเขาได้ยังต้องตามหา—ทะเลทรายอุณหภูมิต่างกันมาก ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ คนที่บาดเจ็บหนักจะทนอยู่ได้ไม่กี่วัน”
ไป๋หลางนึกบางอย่างออกจู่ๆ ก็ลุกขึ้นโค้งคำนับให้ไป๋เย่ฉิงที “ท่านประธานาธิบดี ผมมีเรื่องสำคัญมากๆ ที่ต้องขอตัวไปก่อน ขอโทษครับ!ถ้ากลับมาแล้วคุณยังอยู่ ผมค่อยอธิบายให้คุณ!”
ท่านประธานาธิบดีมองเขาแวบหนึ่ง สายตาทั้งสองคนสื่อหากันทำให้ไป๋หลางรู้ว่าเขาน่าจะรู้ทันความคิดตนแล้ว ท่านประธานาธิบดีพยักหน้า ไป๋หลางรีบพุ่งตัวออกไปข้างนอกอย่างไม่รอช้า
……………………
ถังซ่งกำลังขังตัวเองอยู่ในห้องทดลองเพื่อทำการจำลองผ่าตัดหัวใจมนุษย์ แม้ตอนนี้เย่เซียวจะตายใจไปแล้ว ไม่สนใจชีวิตของตัวเองแต่เขาสนใจไง ในฐานะเพื่อนที่เปรียบดั่งพี่น้องคงให้ทนดูเขาถูกลูกกระสุนขนาดเล็กพรากชีวิตไปไม่ได้หรอกนะ
ขณะที่กำลังจดจ่อสมาธิอยู่ก็ได้ยินเพียง ‘พลั่ก–’ ดังสนั่น ประตูถูกคนเอาเก้าอี้พังเข้ามา
ถังซ่งตกใจจนมือสั่นทำให้มีดผ่าตัดกรีดโดนเส้นเลือด เลือดสีสดไหลทะลักออกมาราวกับก๊อกน้ำแตก
“บัดซบ!ใครมันกล้าพังประตูฉัน?!” ถังซ่งตะโกนเสียงด่าอย่างคุกรุ่น หากไม่ถูกรบกวนก็ใกล้ผ่าตัดสำเร็จแล้ว!
“คุณหมอถัง ผมเอง” ไป๋หลางยังยกเก้าอี้อยู่ในมือ
ถังซ่งถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “นายเป็นใครเนี่ย? นาย!ประตูของฉันนายยังกล้าพัง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง! ”
ไป๋หลางรีบวางเก้าอี้ในมือลง เวลานี้ก็ไม่คิดจะขอโทษแล้ว กล่าวเพียง“ผมมีเรื่องเร่งด่วนหาคุณจริงๆ ผู้ช่วยคุณไม่ยอมให้กุญแจผมสักที ผมไม่มีวิธีอื่น…”
“ฉันต้องสนใจว่านายมีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือไง เราสองคนรู้จักกันเหรอ?!”
“คุณหมอถัง ผมรู้ว่าคุณต้องติดต่อเย่เซียวได้แน่ๆ ขอร้องคุณล่ะ ช่วยติดต่อเขาให้ผมที ตอนนี้รัฐมนตรีของเราตกอยู่ในอันตราย คิดว่าน่าจะมีแค่เขาที่เข้าไปช่วยได้ทันแล้ว!”
ถังซ่งแต่แรกยังจะบอกให้ไป๋หลางรีบไสหัวออกไปแต่พอฟังถึงข้างหลังหัวคิ้วเขาก็ย่นเข้าหากัน“อะไรนะ? เมื่อกี้นายบอกว่ารัฐมนตรีของพวกนายกำลังตกอยู่ในอันตราย? รัฐมนตรีไป๋ ไป๋ซู่เย่?”
“ครับ”
ถังซ่งกวาดตามองประเมินเขาหลายทีถึงจำได้ว่าเขาเคยเห็นคนนี้อยู่ข้างไป๋ซู่เย่เมื่อก่อน เขาเคยเจอมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้น นายพูดให้รู้เรื่อง”
ไป๋หลางมีเรื่องต้องขอร้องเขาเลยจำต้องเล่าทุกอย่างให้ถังซ่ง
ถังซ่งได้ยินสถานการณ์นี้ก็รู้ว่าเรื่องราวมันยากเย็นขนาดไหน ไม่กล้าชักช้า “ฉันจะรีบโทรหาเย่เซียว นายรอก่อน!”
“ครับ”
……………………
ประเทศ T
เมืองเยียว
เย่เซียวเตรียมจะไปสัมมนาที่ประเทศ M ครั้งนี้มีคววมร่วมมือกับประเทศ M มูลค่าหลายร้อยล้าน ต้องเจรจาให้ได้
“เย่เซียว ให้ฉันช่วยจัดกระเป๋าให้คุณเถอะ” น่าหลันเดินเข้าห้องพร่ำขอได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเขาบ้าง
“ไม่จำเป็น คนรับใช้จัดเสร็จแล้ว” เย่เซียวปฏิเสธเธอด้วยท่าทีเรียบเฉย
น่าหลันทำหน้าปวดใจวูบหนึ่ง หากจะบอกว่าเมื่อก่อนเย่เซียวถือว่าอ่อนโยนและมีความอดทนต่อเธอพอสมควร ตั้งแต่เจอไป๋ซู่เย่ที่ประเทศ S เขาก็เย็นชาขึ้นมาก
เดิมทีเธอคิดว่าหลังพวกเขาหมั้นหมายความสัมพันธ์อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่ขณะนี้เธอพบความจริงที่แสนน่าเศร้าว่าระหว่างพวกเขานอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว เย่เซียวกลับมีท่าทีเย็นชาต่อเธอขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกันเธอให้อยู่ไกลออกไป
ต่อให้เป็นเรื่องเล็กอย่างเก็บสัมภาระ ก็ยอมให้คนรับใช้ช่วยไม่ยอมให้เธอแตะต้อง
“นายท่าน สายของคุณ คุณชายถังโทรมา ท่าทางรีบร้อนมาก” ทันใดนั้นเองหยูอันก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
“มาให้ฉันเถอะ” เย่เซียวไม่ได้มองน่าหลันที่อยู่ข้างๆ อีกแม้แต่แวบเดียว รับโทรศัพท์จากหยูอันแล้วเดินไปที่ระเบียงนอก
——
“นายพูดอะไรนะ? นายพูดอีกทีสิ!พูดให้รู้เรื่อง!”
คนที่อยู่ข้างนอกจู่ๆ ได้ยินเสียงตะโกน หยูอันและน่าหลันหันไปมองที่ระเบียงด้วยความสงสัย
“กระทรวงความมั่นคงเก่งจริงๆ ที่กล้าให้เธอไปทะเลทรายซ่าเหยียน!” สถานที่นั่นมันเป็นที่ที่กินคนเป็นทั้งกระดูกด้วยซ้ำ!มีคนตายอยู่ที่นั่นไปตั้งมากเท่าไร?
ตามหา? ถ้าถูกใครจับได้ ตายแล้วใช่ว่าจะได้เจอเถ้ากระดูก!
“ความจริง รัฐมนตรีไป๋เป็นคนอาสาไปเอง” ไป๋หลางที่อยู่ทางนั้นพูดอ้ำๆ อึ้งๆ บัดซบเอ้ย!คนกระทรวงความมั่นคงอย่างเขากลับถูกทหารรับจ้างคนหนึ่งตะคอกเสียงใส่รัวๆ
“เธอจะไป นายก็ปล่อยให้เธอไปน่ะเหรอ?!” เสียงตะคอกที่ไม่ได้กดเสียงไว้ ทั่วทั้งห้องได้ยินด้วยกันอย่างชัดเจน
หนูอันคิดว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรแน่ๆ เย่เซียวเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ น้อยครั้งที่จะเกิดปฏิกิริยาแบบนี้
ไม่นานเห็นเย่เซียวกัดฟันกรอดจนเส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปน โทรศัพท์ในมือแทบจะถูกเขาบีบแหลกคามือ ท่าทางแบบนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“รีบเตรียมเฮลิคอปเตอร์ให้ฉัน!”
“ตอนนี้?”
“ฉันจะบินไปที่ทะเลทรายซ่าเหยียน”
หยูอันชะงักงัน “แต่ที่จะเจรจาค้าขายอาวุธกับประเทศ M…”
“ตอนนี้!เดี๋ยวนี้!ฉันไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง!” เย่เซียวแทบกัดฟันกรอด ความถมึงทึงเข้าปกคลุมทั้งร่าง ตอนนี้ใครจะมีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องค้าขายอะไรอีก?
…………………………