อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 725 ไม่ทอดทิ้งกัน (4)
ไป๋ซู่เย่เดินไปข้างหยูอัน มองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “ขอบคุณ”
หยูอันนิ่งชะงักไปครู่ดวงตาฉายแววซับซ้อน สุดท้ายแค่ตอบกลับหน้านิ่ง “คุณไม่ต้องขอบคุณผม ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ”
“ไม่ว่าคุณทำเพื่อใคร แต่คนที่ได้คือฉัน” เธอพูดจบก็กล่าวขอบคุณอย่างหนักแน่นอีกครั้ง
สีหน้าหยูอันผ่อนคลายลงบ้างในที่สุด “รอเราออกไปได้คุณค่อยขอบคุณผมก็ไม่สาย!”
ไป๋ซู่เย่กำลังจะพูดบางอย่างก็ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าดังแว่วมากะทันหัน
“คุณขึ้นรถไป อย่าลงมา!” เย่เซียวปฏิกิริยาไวที่สุด ดันไป๋ซู่เย่ขึ้นไปบนรถ
“ฉันไม่ไป!”
“ขึ้นรถ!” เย่เซียวกดเสียงหนักขึ้นกว่าเดิม
ไป๋ซู่เย่หันกลับมามองตาเขาอย่างแน่วแน่ “เย่เซียว คุณมาช่วยฉันอย่างไม่คิดชีวิต ตอนนี้จะให้ฉันเป็นคนขี้ขลาด คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม? ถ้าวันนี้คุณเป็นอะไรไป ตายอยู่ตรงนี้ ฉันไม่มีวันมีชีวิตรอดไปคนเดียวแน่!”
ประโยคสุดท้ายเธอพูดกัดฟันแน่นทุกคำเพื่อแสดงความเด็ดขาดของเธอว่าต้องการจะเคียงบ่าเคียงไหล่เขาและต่อสู้ไปพร้อมกับเขา
เย่เซียวใจสั่นไหว ดวงตาสบตาเธอนิ่ง ใต้แสงจันทร์นั้นทอให้ดวงตาเขาดูอ่อนโยนชั่ววูบจากนั้นเขาก็โยนปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวให้เธอ “ถือไว้ให้ดี”
ไป๋ซู่เย่ถึงมีสีหน้าผ่อนคลายลง เขาพูดเสริมอีกประโยค “ห้ามบาดเจ็บอีก!”
เธอยิ้มน้อยๆ“คุณก็ด้วย”
“นายท่าน เหมือนจะไม่ใช่คน!” หยูอันยกปืนจ้องไปทางข้างหน้าอย่างระแวง
เย่เซียวกับไป๋ซู่เย่เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เห็นดวงตานับสิบคู่จากที่ไกลๆ กำลังทอแสงท่ามกลางความมืด ดวงตาเหล่านั้นมาพร้อมกับความเยือกเย็นและอันตรายถึงชีวิต กำลังก้าวมาหาพวกเขาทีละนิดๆ
“ฝูงหมาป่า!” เย่เซียวยกปืนขึ้นทีเดียว
“ให้ตายสิ!แม้แต่สัตว์เดรัจฉานพวกนี้ก็คิดจะมาสนุกด้วย!” หยูอันสบถที “มาตัวหนึ่งฆ่าตัวหนึ่ง มาฝูงหนึ่งก็ฆ่าฝูงหนึ่ง!”
เย่เซียวมุ่นคิ้ว ถาม“ระเบิดของเราเหลืออีกเท่าไหร่?”
“ฝังหมดแล้วครับ เหลือไม่ถึงสอง” หยูอันตอบเสร็จก่อนจะนึกบางอย่างได้ เส้นเลือดตรงขมับปูดโปนทันใด “บ้าเอ้ย!พวกฝูงสวะ!”
คล้ายตอบรับประโยคของเขาทีวินาทีถัดมาอยู่ๆ ฝูงหมาป่าก็วิ่งกระโจนมาทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้พวกเขาก็ได้ยินเสียงดัง ‘ตู้ม–’ จากที่ไกลออกไป ‘ตู้ม–’ อีกเสียงที่ดังต่อๆ กัน ระเบิดฝูงหมาป่าพวกนั้นลอยฟ้ากระจายกันออกไป สร้างความตกใจแก่ฝูงหมาป่าที่แต่แรกกลมเกลียวกันดี หมาป่าที่เหลือชีวิตอยู่น้อยตัวรีบวิ่งกลับทางเดิม หรือมีบางตัวที่ตกใจเกินเหตุพุ่งมาหาพวกเขาเพราะความตกใจ
“บ้าเอ้ย!เจ้าพวกนี้ ใช้ระเบิดเราจนหมดเลย!” หยูอันโกรธจนเลือดแทบขึ้นหน้า ยกปืนยิงทีละตัวๆ
มีระเบิดอยู่ไม่นานก็จัดการฝูงหมาป่าได้ด้วยดี แต่เย่เซียวยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ยกปืนแบกไว้ด้านหลัง “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!มีเสียงเคลื่อนไหวดังขนาดนี้ ต้องสร้างความสนใจให้พวกเขามาแน่ๆ”
ไป๋ซู่เย่เองก็กระโดดขึ้นรถไปหยิบของใช้จำเป็นสำหรับทะเลทราย
แต่เพิ่งขึ้นรถได้ยินเสียงหยูอันกล่าวว่า “ไม่ทันแล้ว!พวกมันมาแล้ว!”
เย่เซียวกระโดดขึ้นรถตามหยูอัน จากนั้นรีบสั่ง “หยูอัน ถอยมาที่รถ!ซู่ซู่ เอาระเบิดออกมาให้หมด!”
“ได้” ไป๋ซู่เย่ลากลังเก็บระเบิดมา จากนั้นเสียงปืนดังสนั่นเธอรีบย่อตัวลงอย่างฉับไว เย่เซียวดึงเธอเข้าไปอยู่ข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ “คุณนั่งอยู่ตรงนี้ห้ามยื่นหัวออกไป!หยูอัน เตรียมเปิดสปอร์ตไลท์”
หยูอันกดปุ่มหนึ่งทีเพื่อเปิดแสงสปอร์ตไลท์ที่ถูกติดตั้งไว้บนเฮลิคอปเตอร์เมื่อบ่าย ส่องไปยังทิศทางที่มาของกลุ่มคน
แต่ภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาทีเขาก็รีบดับลง
“ทางสิบนาฬิกา ทั้งหมดสิบแปดคน!ปืนกลทั้งหมด แต่ยังไม่เห็นอาวุธชั่วคราว!” เพิ่งสิ้นเสียงหยูอัน เย่เซียวก็ลุกขึ้นยิงปืนไปทางสิบนาฬิกาจากหน้าต่างอย่างแม่นยำ
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่อลหม่านมาแต่ไกล จากนั้นกระสุนที่ยิงมาราวกับฝนห่าใหญ่กระทบใส่เหล็กโลหะดังกระหึ่ม
หยูอันเปิดแสงสปอร์ตไลท์อีกครั้ง ครั้งนี้แค่สี่วินาทีก็ปิดลง “หายไปคนหนึ่ง กลุ่มคนกระจายตัวแล้ว ทางแปดนาฬิกามีคนหนึ่ง!”
เย่เซียวเล็งเป้าไปทางแปดนาฬิกา หยูอันกลับยิงไปทางสิบเอ็ดนาฬิกาอย่างแม่นยำ
หยูอันกับเย่เซียวเข้าคู่กันได้ดี ไปๆ มาๆ ท่ามกลางกระสุนที่ยิงมานับไม่ถ้วนก็จัดการไปหลายคน แต่แสงสปอร์ตไลท์ถูกคนยิงเข้าให้เกิดเสียงดังจนมันดับลง
เกิดความเงียบสนิท
สามคนอยู่ในรถไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังเพราะกลัวจะพลาดเสียงฝีเท้าสักคนไป
“ทางห้านาฬิกา!” เย่เซียวหันหลังยิงไปอีกนัด
“ทางสี่นาฬิกา!” หยูอันเองก็ยิงไปอีกนัด
แต่ไม่รอหยูอันหันกลับมามีกระสุนปืนที่ถูกยิงมาจากอีกฟาก รอเขาได้ยินเสียงฝีเท้าก็สายไปแล้ว
“หยูอัน ระวัง!”
ไป๋ซู่เย่กระโจนเข้าไปแทบไม่ต้องคิด ขณะที่กระโจนไปเธอยกปืนพกขึ้นยิงสองนัดไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกเกิดเสียง ‘ปึก–’ ก่อนที่ชายร่างบึกบึนคนหนึ่งจะล้มลงกับพื้น
กระสุนที่ยิงเข้ามาเสยผ่านหูของเธอจนเส้นผมเธอขาดสะบั้นไปหนึ่งจุก เธอไม่คิดจะเช็ดเลือดตรงติ่งหูพลางก้มถามหยูอันที่ถูกเธอผลักล้มข้างๆ แล้วแน่นิ่งไปครู่ใหญ่ว่า “คุณเป็นไงบ้าง? บาดเจ็บหรือเปล่า?”
หยูอันเงียบไปอึดใจ ได้แต่มองเธอนิ่งๆ
ในความมืดไป๋ซู่เย่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของเขา แค่ได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างหนักอึ้งของเขา ไม่รู้ว่าเขามีอาการอย่างไรจึงถามไปอีกที “คุณเป็นยังไงบ้างกันแน่? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เธอถามไปก็ยื่นมือไปลูบจับแขนของเขาไป
หยูอันรู้สึกแย่ขึ้นมาชั่วขณะ สิบปีก่อนภาพที่พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขประดังประเดมาในหัวเขาทำให้เขารู้สึกอิดออดหน่อยๆ
ฉะนั้น…
เมื่อกี้…เท่ากับว่าเธอได้ช่วยชีวิตตัวเองไว้แล้วครั้งหนึ่ง? ถ้ากระสุนนัดนั้นยิงพลาดสักนิดก็อาจจะโดนตัวเธอไปแล้ว แต่เธอกลับกระโจนตัวมาอย่างไม่ลังเล…
“ลูบซี้ซั้วอะไร?”ก่อนที่เขาจะตอบกลับไปมือของไป๋ซู่เย่ก็ถูกเย่เซียวตะครุบไว้ น้ำเสียงของเขาไม่สบอารมณ์นัก “เขาไม่ได้บาดเจ็บ!”
“งั้นก็ดี” ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เธอไม่อยากสร้างความเดือดร้อนแก่พวกเขาสองคน ยิ่งไม่หวังให้พวกเขาสองคนบาดเจ็บเพราะตัวเอง ต่อให้ตอนนี้จะสร้างความเดือดร้อนไปแล้วก็ตาม
“คุณล่ะ?” เย่เซียวเชยตามองเธอ ดวงตาของเขาล้ำลึกภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนให้เห็น “คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ไป๋ซู่เย่จับหูตัวเองที พอสัมผัสโดนของเหลวและรู้สึกเจ็บเล็กน้อย “ไม่เป็นไร แค่เฉียดหูไปนิดเดียว ไม่เจ็บมาก”
เย่เซียวยังคงสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม “เรื่องช่วยชีวิตคนแบบนี้ ทีหลังไว้ให้เป็นหน้าที่ผมก็พอ!”
ไป๋ซู่เย่หัวเราะที“ให้คุณเป็นฮีโร่ได้คนเดียวหรือไง?”
“ใช่ แค่ผมเท่านั้น!” เย่เซียวหัวเราะไม่ออก เปิดกล่องปฐมพยาบาลโดยย้ายไปนั่งริมหน้าต่าง “มานี่ ให้ผมดูแผลของคุณหน่อย”
“ความจริงไม่เป็นไรจริงๆ” แม้ไป๋ซู่เย่จะว่าอย่างนั้นแต่ก็ไม่อยากสร้างความไม่พอใจแก่เย่เซียวเลยย้ายไปนั่งข้างเย่เซียวอย่างเชื่อฟัง
………………………