อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 731 คุณสำคัญกว่าชีวิต (2)
เย่เซียวหลุดจากภวังค์
สติที่หลุดลอยไปเมื่อครู่ถูกเรียกกลับมา
มองเธอแวบหนึ่งก่อนเดินนำเธอออกไปหนึ่งก้าว เขายังถือว่าคุ้นเคยกับคฤหาสน์หลังนี้พอควร ตามหาปุ่มเปิดปิดไฟของห้องโถงได้อย่างแม่นยำ ชั่วขณะเดียวเท่านั้นไฟในห้องโถงก็สว่างโร่ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านสุดหรูสะท้อนเข้ามาในตาของไป๋ซู่เย่
ถังเจวี๋ยเองก็เป็นคนที่มีรสนิยมดี พอดูออกได้ว่าทุกการจัดวางของตรงนี้ล้วนถูกออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง
“ของที่นี่อย่าจับไปเรื่อย ส่วนใหญ่ถูกถังเจวี๋ยวางกับดักไว้” เย่เซียวเดินลงไปก็บอกเธอไปพลาง
ไม่ผิดอย่างที่เธอคาดไว้
ถังเจวี๋ยเป็นอิจฉริยะด้านอาวุธย่อมไม่ปล่อยให้ข้อดีของตัวเองสูญเปล่า
“อืม” ไป๋ซู่เย่ตอบรับทีพลางเดินตามหลังเย่เซียว เย่เซียวเดินลงได้สองขั้นบันไดก็ยื่นมือไปทางเธอ เธอชะงักไปชั่วขณะและไม่รอตั้งตัวทันเย่เซียวก็ได้กุมมือเธอไว้ด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติเสียแล้ว
เธอจุดยิ้มมุมปากเป็นองศาสวย เร่งฝีเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อเดินลงบันไดพร้อมกับเขา
“เย่เซียว” จู่ๆ เธอก็เรียกเขา
“หืม?”
“คุณ…ตอนนี้ยังชอบประเภทใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่าอยู่เหรอ?”
เธอไม่ได้มองข้ามท่าทางที่เขาเหม่อลอยไปเมื่อครู่
เย่เซียวฉงนใจกับคำถามกะทันหันของเธอ หันข้างมองเธอแวบหนึ่งถึงละสายตาออกตอบกลับเสียงจาง “ไม่ชอบ”
“คุณโกหก สายตาเมื่อกี้ของคุณก็เปิดโปงคุณหมดแล้ว แต่ว่า…” ไป๋ซู่เย่หยุดชะงัก ถึงพูดต่อ “เย่เซียว ความจริงฉันไม่ใช่ไป๋ซู่เย่คนเดิมแล้ว คุณเสี่ยงชีวิตมาที่ทะเลทรายเพื่อฉันในตอนนี้ ฉันกลัวคุณจะเสียใจทีหลัง”
“จะเสียใจหรือไม่เสียใจก็เรื่องของผม ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ”
เย่เซียวเองก็คิดว่าประเภทที่ตัวเองชอบน่าจะเป็นอย่างในอดีตของเธอที่ดูจะซุกซนหน่อยๆ น่ารักบ้าง ใสซื่อบ้าง ออดอ้อนบ้าง โกรธเป็นบ้าง งี่เง่ากับเขาบ้าง แต่สิบปีผ่านไปเขาถึงรู้…
เขาแค่ชอบเธอ แค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น
ไม่ว่าเธอจะกลายเป็นคนแบบไหน ดีหรือร้าย ข้อดีหรือข้อเสีย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นชื่อ ‘ไป๋ซู่เย่’ น่าหลันศัลยกรรมเหมือนเพียงใดนั่นก็ไม่ใช่เธอ กระตุ้นความรู้สึกในใจเขาให้สั่นไหวสักนิดก็ไม่มี
…………
ในห้องครัว
ไป๋ซู่เย่เทน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว เย่เซียวไม่ได้เข้ามา แค่นั่งรอตรงโซฟาข้างนอก
ข้างโซฟาเป็นคู่มืออาวุธและเขากำลังเปิดอ่านมันผ่านๆ มองจากมุมของเธอไปเห็นแค่ใบหน้ามุมข้างแสนดูดีของเย่เซียว ไป๋ซู่เย่ถือแก้วน้ำหวนนึกถึงชีวิตที่หลุดพ้นจากความตายของตนในครานี้ นึกถึงถ้อยคำทั้งหมดที่เขากระซิบชิดหูในวันที่เขาลอยลงมาจากท้องฟ้า เอาแต่ใจและแข็งกร้าวเช่นเคย แต่กลับเรียกให้เธอใจวูบไหวทุกครั้งที่นึกถึง
เธอเทน้ำอีกหนึ่งแก้วถือไว้ ยกออกไปยื่นไปตรงหน้าเขา
ทีนี้เย่เซียวถึงเงยหน้าวางคู่มืออาวุธไว้ข้างมือ มองเธอวูบหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่นั่งลงข้างเขา “คุณเองก็ดื่มน้ำหน่อย”
“อืม”
“เรา…จะไปกันเมื่อไหร่?” ไป๋ซู่เย่ลังเลเพียงครู่ก่อนถามออกเสียง
ท่วงท่ากำลังดื่มน้ำของเย่เซียวชะงักกึก
พักใหญ่ถึงถามเสียงนิ่ง “อยากกลับไปมากขนาดนั้นเชียว?”
ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัดแต่ไม่ได้ตอบโต้
ก้าวออกจากทะเลทรายแห่งนี้ พวกเขาจะยังทำตัวเป็นปกติเหมือนตอนนี้ได้หรือไม่? บางที…โอกาสที่จะเจอกัน อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ…
นึกถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกปวดใจอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาเริ่มชื้นด้วยน้ำใสชั้นบางๆ
เย่เซียวตอบเสียงเรียบ “ถ้าคุณอยากไป พรุ่งนี้…ถังเจวี๋ยส่งคุณไปจากที่นี่ได้”
“แล้วคุณล่ะ?” เสียงไป๋ซู่เย่อุดอู้เล็กน้อย “คุณก็จะกลับเมืองเยียวเหรอ?”
นัยน์ตาเย่เซียวล้ำลึกขึ้น “…นั่นคือบ้านของผม เหมือนประเทศ S ที่เป็นบ้านของคุณ”
นั่นสิ…
มารดาของเขา พ่อบุญธรรม คู่หมั้น หน้าที่การงานและพี่น้องทุกคนล้วนอยู่เมืองเยียว เขาย่อมกลับเมืองเยียวอยู่แล้ว
เธอคิดว่าตัวเองถามคำถามที่โง่เขลาไป
ไป๋ซู่เย่วางแก้วน้ำในมือลง เชยตามองเขาแวบหนึ่งก่อนเบนหน้าหนีถามด้วยท่าทีเหมือนจะสบายๆ “งั้น…หลังจากนี้ เราจะยังได้เจอกันอีกมั้ย?”
“คุณอยากเจอผมมั้ย?” แววตาเย่เซียวล้ำลึก ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะมองทะลุร่างกายของเธอเข้าไปสำรวจถึงขั้วหัวใจของเธอ
ไป๋ซู่เย่เผลอกลั้นหายใจ เงียบไปอยู่พักใหญ่
ความเงียบนี้เท่ากับให้คำตอบเขา ความผิดหวัง ความเย็นวาบถาโถมเข้ามาในหัวใจเขา
“ในเมื่อได้ดื่มน้ำแล้วก็กลับไปพักผ่อนต่อเถอะ นี่มันดึกมากแล้ว” เย่เซียววางแก้วน้ำลงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ชิงลุกขึ้นก่อนแล้วพูดทุกคำด้วยน้ำเสียงเฉยชา
ไป๋ซู่เย่มองแผ่นหลังเขาด้วยหัวใจที่บีบรัดจนเจ็บไปหมด
“เย่เซียว”
เธอขานเรียกเขาที ได้ยินเสียงตัวเองที่มีก้อนสะอื้นน้อยๆ
เย่เซียวหยุดฝีเท้า ไม่ได้หันกลับมา
ไป๋ซู่เย่เดินอ้อมไปข้างหน้าเขา
“เรื่องครั้งนี้ ฉันยังไม่ได้พูดขอบคุณคุณเลย”
ขอบคุณ?
เย่เซียวรู้สึกรำคาญใจนัก ที่เขาอยากได้ยินไม่ใช่คำนี้
“นอนเถอะ” เขากำลังจะผลักเธอออก
ชั่ววินาทีที่มือสัมผัสแขนเธอนั้นจู่ๆ เธอก็ยื่นมือมากุมมือเขาไว้ เขาคิดจะขืนออกด้วยสัญชาตญาณแต่กลับถูกเธอตรึงไว้แน่นกว่าเดิม
ต่อจากนั้นได้ยินเพียงเธอกล่าวขึ้นแผ่วเบา “ฉัน…คิดถึงคุณมาก…”
เย่เซียวนิ่งงัน
อารมณ์ซับซ้อนผุดขึ้นที่หัวใจชั่ววูบ
เขากำลังคิดว่าตัวเองเกิดภาพหลอนหรือเปล่า
“ฉันคิดถึงคุณมากจริงๆ…” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้มองเขา แค่หลุบตาทิ้งไว้ที่มือของเขา เธอกดเสียงให้ต่ำที่สุดราวกับกำลังพึมพำให้ตัวเองฟัง พยายามระงับอารมณ์ไว้อย่างสุดความสามารถแต่แพขนตาที่สั่นระริกก็ได้เปิดโปงเธอ เธอพูดย้ำอีกครั้ง “เย่เซียว ฉันคิดถึงคุณทุกวัน…”
เย่เซียวหายใจติดขัด วินาทีถัดจากนั้นแขนยาวโอบรั้งตัวเธอเข้ามาในอ้อมอกตัวเอง เขาแรงเยอะ มือใหญ่ประคองหลังเอวเธอไว้ให้เรือนร่างนุ่มนิ่มของเธอแนบชิดติดอกแกร่งของตัวเอง เขาถามเสียงแหบพร่า “คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังพูดอะไร?”
ใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันผิดปกติ
ปลายจมูกเขาเกือบชิดปลายจมูกเธออยู่รอมร่อ แสงไฟเจิดจรัส ไป๋ซู่เย่กำชุดนอนบนตัวเขาไว้ด้วยสองมือและใช้แววตาลึกซึ้งจดจ้องเขา
ชั่วขณะนี้อยู่ๆ เธอก็ไม่อยากให้ตัวเองมีสติเกินไป ใจเย็นเกินไป อารมณ์ที่กักเก็บไว้ในใจมานานแสนนานอย่างยากลำบากต้องการได้ระบาย เธอหยักหน้ารับ “ฉันบอกว่าฉันคิดถึงคุณมากๆ…คุณยอมเชื่อฉันอีกสักครั้งมั้ย?”
ดวงตาเย่เซียววาววับ สบตาเธอพร้อมขบคิดบางอย่าง
จากนั้นอยู่ๆ เขาก็โน้มหน้าลงประกบจูบเธอ
ยังยอมเชื่อไหม?
เขาไม่รู้
คำกล่าวที่ว่า ‘พอถูกงูฉกเข้าสักครั้งก็กลัวเชือกที่ใช้ตักน้ำในบ่อ’ สำหรับเขา เขาตกอยู่ในสภาวะขัดแย้งกับตัวเองโดยเสมอมา ความขัดแย้งนี้สร้างความทุกข์ทรมานแก่เขา ให้เขาเจ็บปวด
พวกเขาทั้งสองคนราวกับยืนอยู่ปลายเส้นขอบฟ้าสองฟาก ครั้นที่เธอถ่วงน้ำหนักให้เขาลอยขึ้นสูง เขาจะเริ่มระแวงว่าเธอจะเป็นอย่างสิบปีก่อนโดยอัตโนมัติ ที่จู่ๆ ก็ถอนตัวไปให้เขาล้มกระแทกพื้นจนร่างแหลกสลาย
แล้วตัวเองล่ะ? เขาเข้าใจดีว่าไม่ว่าเธอจะยืนอยู่สูงขนาดไหนเขาไม่มีวันทำใจให้เธอล้มได้!คนที่ถอนตัวก่อนจะไม่มีวันเป็นเขา!
การเสียสละในความสัมพันธ์ยิ่งไม่เท่าเทียมกันมากเท่าไรเขายิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย ยิ่งรู้สึกเดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย
………………………