อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 737 รักที่ไม่มีสิ่งใดแทนที่ได้ (4)
เย่เซียวพยักหน้ารับแต่กลับหันไปมองหญิงสาวที่ยังนั่งฉงนอยู่ในรถ
“ลงมา” เย่เซียวยื่นมือให้เธอ
ไป๋ซู่เย่ไม่เข้าใจ หนึ่งวันก่อนที่จะกลับไปเขากลับพาตัวเองมาที่โรงแรมแห่งนี้–โรงแรมที่อดีตพวกเขาเคยมาพักด้วยกันหลายครั้ง
เธอไม่ได้ถามมากแค่จับมือเขาลงจากรถ
เย่เซียวเดินนำเธอเข้าไปในลิฟต์และตรงดิ่งไปที่ชั้นบนสุด เดินมาถึงหน้าห้องที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นนี้เขาหยุด เธอเองก็หยุดตาม
‘ตี๊ด—ตี๊ด–’ เสียงดังไม่กี่ทีประตูห้องก็ถูกการ์ดรูดให้เปิดออก
เธอที่เงียบมาตลอดทางยกมือจับแขนของเย่เซียวที่กำลังดันประตู “เย่เซียว…”
เย่เซียวก้มมองเธอ
เธอสูดหายใจเข้าลึกคล้ายต้องใช้แรงมหาศาลถึงจะคั้นเสียงออกมาได้ “เรามาทำอะไรเหรอ?”
เย่เซียวไม่ตอบแต่กลับถามย้อน“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“บางทีฉันอาจจะต้องถามคุณว่า คุณอยากให้ฉันทำอะไร?” ไป๋ซู่เย่คุมเสียงตัวเองให้ฟังดูเรียบที่สุด เธอเงยหน้าขึ้น “อีกไม่กี่วันคุณก็จะแต่งงานกับน่าหลัน แต่ตอนนี้กลับพาฉันเข้าโรงแรม เย่เซียว คุณอยากให้ฉันเป็นมือที่สามเหรอ?”
“ถ้าใช่ คุณยอมมั้ย?”
“ฉันไม่ยอม” ไป๋ซู่เย่ส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันไม่มีวันเป็นมือที่สาม ไม่มีวัน…”
เย่เซียวใช้สายตาเรียบนิ่งมองเธอ สีหน้าฉายอารมณ์ซับซ้อน
ความจริงเขาจะยอมให้เธอเป็นมือที่สามได้อย่างไร? แต่วินาทีนี้เขาหวังจะได้ยินคำว่า ‘ยอม’ จากปากเธอมากกว่า…
อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ไม่มากก็น้อยว่าความจริงเธอสนใจเขา สนใจถึงขั้นขอร้องอย่างน่าสงสารก็ตาม อย่างน้อยเขาเป็นแบบนี้กับเธอ!
แต่นั่นเป็นแค่ความคาดหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง…
เขาเองก็รู้ดี
“ผมไปช่วยคุณที่ทะเลทรายอย่างไม่คิดชีวิต คุณอยากจะขอบคุณผมไม่ใช่เหรอ?” ในที่สุดเย่เซียวก็เอ่ยปาก
“ใช่” ไป๋ซู่เย่หยักหน้ารับ “ฉันอยากขอบคุณคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามา” เย่เซียวผลักประตูให้ตัวเองเดินนำเข้าไป
เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง“อยู่กับผมคืนสุดท้าย ผมคิดว่าจากที่ผมยอมเสี่ยงชีวิตช่วยคุณ ต่อให้เรามีอะไรกันทั้งคืน บุญคุณนี้ยังไงคุณก็ไม่เสียเปรียบ”
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่หน้าประตู มองเขาด้วยสายตาน่าสงสาร
เขาไม่ได้เร่งเร้า ยืนสบตาเธออยู่ตรงนั้น
นัยน์ตาเริ่มรื้นด้วยม่านหมอกบางๆ ขับให้ตัวเธอดูน่าสงสารอย่างที่สร้างความปวดใจแก่คนมองเล็กน้อย เย่เซียวเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่อยากไปกระชากเธอเข้ามากอด รักเธอ ปลอบเธอดีๆ…
มีคนบางประเภทที่น่าโกรธนักเมื่อหัวรั้นขึ้นมา
ขณะที่เธอกำลังเผยมุมที่อ่อนแอต่อหน้าคุณ คุณกลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดกรีดหัวใจ…
เดิมทีเขาคิดว่าเธอจะปฏิเสธตัวเองแต่เธอกลับเดินตามเขาเข้ามาหนึ่งก้าว
“คุณนั่งรอแป๊บหนึ่ง ฉันขอไปอาบน้ำก่อน” ไป๋ซู่เย่ถอดเสื้อกันหนาวตัวนอกวางบนโซฟา ไม่รอเย่เซียวว่าอะไรเธอก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ
เย่เซียวมองบานประตูห้องอาบน้ำที่ถูกปิดตัวลง เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายถาโถมเข้ามาในชั่วขณะ เธอคิดจริงๆ หรือว่าเขาพาเธอมาที่นี่เพื่อต้องการทำอะไรเธอ!
เย่เซียวจุดบุหรี่ ทิ้งตัวลงบนโซฟาขนาดกว้างใหญ่ ดูดบุหรี่ด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น
……………………
ไป๋ซู่เย่อาบน้ำในห้องอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆ ช่วงนี้เธอแช่อยู่แต่ในห้องทดลองจนมีแต่กลิ่นยาติดตัว ทีนี้ได้อาบน้ำเจ้าตัวก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากทีเดียว
เธอเช็ดตัวให้แห้งก่อนสวมชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรมโดยที่ข้างในเปลือยเปล่า เงียบไปอึดใจก็ตัดสินใจเปิดประตูเดินออกไป
ความจริงเป็นอย่างที่เย่เซียวพูด เธอให้ทุกอย่างของตัวเองแก่เขาไปก็ไม่มีวันเสียเปรียบ
ผู้ชายคนนี้มีค่าพอที่เธอจะทำเช่นนี้
สูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเดินเข้าไปในห้องนอน ในห้องนอนเย่เซียวกำลังเอนหลังพิงโซฟาหลับตาคล้ายจะหลับไปแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวค่ำ แสงสลัวจากสาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างกระทบลงบนหน้าเขาเกิดเป็นเงามืด ภายใต้แสงยามโพล้เพล้ ใบหน้าที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งตามปกติของเขา ยามนี้กลับเผยความอ่อนล้าให้เห็นอย่างปกปิดไม่มิด
รวมถึง…
อารมณ์ที่คล้ายเจ็บปวด คล้ายหดหู่ คล้ายซึมเศร้า…
ไป๋ซู่เย่พิงกำแพงเอียงศีรษะมองเขาอยู่ห่างๆ
เขาใกล้จะแต่งงานแล้ว แต่เดิมควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่งแต่ทำไมเขาถึงดูโศกเศร้า หมดสิ้นกำลังใจขนาดนั้น?
หากเป็นเช่นนี้ แล้วชีวิตที่เหลืออยู่จะให้เธอสบายใจได้อย่างไร?
เธอเปิดฮีทเตอร์ในห้องพลางดึงผ้าห่มผืนบางในตู้มาคลุมตัวเขา ขณะที่กำลังจะผละห่างกลับถูกเขาโอบรั้งที่เอวกะทันหัน รวบตัวเข้าไปกอดทันที
“เย่เซียว?”
เธอเรียกเขาเสียงเบา
เขาไม่ได้ลืมตาแค่แนบแก้มกับลำคอเธอ สูดดมกลิ่นตัวของเธออย่างหลงใหล ปลายจมูกเขาค่อนข้างเย็นพอสัมผัสกับผิวเธอทำให้เธอรู้สึกร้อนระอุราวกับเปลวไฟ หัวใจเต้นแรงปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น มือวางบนบ่าเบาๆ แล้วโอบลำคอเขาไว้ ไม่มีท่าทีขัดขืนสักนิด
“ทำไมไม่เป่าผมให้เสร็จค่อยออกมา?” ในที่สุดเย่เซียวก็เงยหน้าขึ้นสักที มือลูบจับเส้นผมที่เปียกโชกของเธอ
“งั้นฉันจะไปเป่าตอนนี้แหละ” เธอว่าแล้วลุกจากตัวเขา เย่เซียวปล่อยให้เธอไปโดยไม่ห้ามรั้งใดๆ
……
รอเป่าถึงครึ่งเดียวเธอเห็นเย่เซียวกำลังยืนพิงประตูมองเธอผ่านกระจก
สายตาหนักใจ
วันนี้เขาใส่ชุดธรรมดาง่ายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำ ปกคอเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมออกสองเม็ดเผยให้เห็นอกแกร่งไปกว่าครึ่ง ต่อให้ใส่เสื้อที่ธรรมดาจนเข้าข่ายเรียบง่ายนี้ พออยู่บนตัวเขากลับดูดีมีสง่าอย่างที่คนทั่วไปทำไม่ได้
เขามองเธอ ดวงตาที่มักติดเย็นชาอยู่เสมอนั้นวันนี้แฝงด้วยหลากหลายอารมณ์ที่ซับซ้อน มองจนเรียกให้เธอใจเต้นผิดจังหวะ
เธอคิด…
ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะทนสายตาแบบนี้ของเขาได้
“คุณดูเหนื่อยมาก” ไป๋ซู่เย่เก็บความคิดเหลวไหลของตัวเอง เป่าผมไปพลางถามเขาไป สายตาประสานกับสายตาเขาผ่านกระจก อาลัยอาวรณ์ไม่อยากละสายตา
เขาพยักหน้ารับน้อยๆ ส่งเสียงจากลำคอ ‘อืม’
“งั้นคุณไปนอนพักสักหน่อยเถอะ เสียงเป่าผมของฉันรบกวนคุณใช่มั้ย? ฉันปิดประตู เสียงจะเบาลงมาก”
เย่เซียวยกเท้า ไม่ได้หันหลังเดินไปแต่กลับเดินมายังทิศทางของเธอ
ร่างของเขาสูงตระหง่านให้ความรู้สึกเหนือกว่าอย่างน่ากดดัน ร่างใหญ่ทาบทับจากแผ่นหลัง ไป๋ซู่เย่เผลอกลั้นหายใจรวมถึงร่างกายที่แข็งทื่อ
จากนั้น…
“ผมทำให้” เขาแย่งไดร์เป่าผมจากมือเธอไป
สายตาทั้งคู่สอดประสานกันผ่านกระจก แต่ไม่ได้พัวพันไปมากกว่านั้นซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนละสายตาไปก่อน
เย่เซียวเป่าผมให้เธอด้วยท่าทางที่ดูเงอะงะ
สิบปีแล้ว…
สิบปีนี้อย่าว่าแต่ช่วยใครเป่าผมเลย แม้แต่ปลายเส้นผมของผู้หญิงเขาก็ไม่เคยแตะ ดังนั้นจะไม่เงอะงะได้อย่างไร? ต่อให้ในอดีตเขาเคยทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล้วก็ตาม
หัวใจไป๋ซู่เย่ในเวลานี้ปวดหนึบถึงขั้นสุด
…………………………