อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 748 ตัดขาดความสัมพันธ์(3)
“ลูกชาย มีเรื่องเสียใจอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว ลองบอกแม่สิ” คุณแม่เย่เอ่ยปากอย่างกล้ำกลืน เสียงปนสะอื้น “มีหลายเรื่องที่แม้ว่าแม่จะไม่เข้าใจ แต่พูดออกมายังดีกว่าลูกเก็บไว้ในใจตลอดนะ!”
เย่เซียวตัวสั่นอย่างรุนแรง เขาหอบหายใจหนักๆ หลายครั้งราวกับอาศัยมันมาผ่อนปรนความเจ็บปวดที่เหมือนถูกกรีดกรายที่หัวใจ
“ลูกของผม…ลูกของเรา ถูกเธอฆ่าไปแล้ว…” ในความมืดเสียงของเย่เซียวแหบแห้งถึงขีดสุด คุณแม่เย่ตะลึง กอดลูกชายแน่น ได้ยินแค่เสียงเขาพูดต่อ “แม่ว่า เธอมีใจให้ผม…”
เขาหัวเราะทีคล้ายกำลังเย้ยหยันตัวเองทั้งกำลังหัวเราะอย่างขมขื่น “ถ้าเธอมีใจให้ผมสักนิดจริงๆ เธอจะฆ่าลูกของผมได้ยังไง? จะฆ่าลูกของผมได้ยังไง!นั่นคือลูกของเรา!นั่นคือลูกของเรา!”
เขาพูดย้ำๆ ประโยคสุดท้ายด้วยอารมณ์ที่ใกล้จะพังทลายเต็มที กำปั้นเขาต่อยกำแพงไม่ยั้งจนเนื้อแตกเลือดไหลก็ยังไม่หยุดมือ
เธอใจเหี้ยมขนาดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้?!
“เย่เซียว อย่าทรมานตัวเองอีกเลย!แม่ขอร้องล่ะ อย่าทำร้ายตัวเองอีก!” เย่เซียวปวดใจจนน้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด รีบกอดแขนเย่เซียวไว้
เย่เซียวรู้สึกเพียงเจ็บร้าวตรงหัวใจ
ทันใดนั้นทั้งร่างก็ทิ้งตัวลงให้คุณแม่เย่หวีดร้องอย่างตกใจหมายจะยื่นมือไปประคองเขาแต่ไม่ทันเสียแล้ว ได้ยินเพียง ‘ปึง–’ เสียงดังทึบ ร่างหนักอึ้งของเขาได้ล้มลงไปอย่างแรงตามด้วยหมดสติ
“คุณหมอถัง!คุณหมอถัง!” คุณแม่เย่ร้องขึ้นเสียงดัง
ฉับพลันคฤหาสน์ทั้งหลังก็เกิดโกลาหล ถังซ่งพุ่งตัวขึ้นมารวมถึงน่าหลันก็วิ่งเข้าห้องอย่างรีบร้อน
……………………
ยี่สิบวันหลังจากนั้นไป๋ซู่เย่ขอลา
ยี่สิบวันนี้เธอไม่ได้ไปไหนแต่นอนพักที่จงซันถึงยี่สิบวันเต็ม ฮูหยินไป๋อยากจะขุนเธอให้อ้วนกว่านี้หน่อยแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อ้วนขึ้นสักที ไป๋เย่ฉิงกลับลากตัวเธอไปวิ่งทุกเช้า เธอไม่ปฏิเสธ การออกกำลังกายจะทำให้คนเราอารมณ์ผ่อนคลายขึ้น
แต่เธอกลับรู้ดี…
ความผ่อนคลายเหล่านั้นเป็นเพียงภาพจอมปลอมที่แสดงให้คนที่เป็นห่วงเธอโดยเฉพาะ
ส่วนที่เหลือไว้ให้ตัวเองกลับเป็นความทรมานทุกวินาทีของกลางดึกทุกคืน
เมื่อเธอกลับมาที่กระทรวงความมั่นคงไป๋หลางกำลังนั่งค้นเอกสารที่หน้าโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าคิ้วขมวด
“ดูอะไร?” ไป๋ซู่เย่เดินผ่านห้องทำงานเขาเลยเคาะประตู
ไป๋หลางเงยหน้า เห็นว่าเป็นเธอก็แทบจะซ่อนเอกสารไว้ทันที
“ซ่อนอะไร?” แวบเดียวไป๋ซู่เย่ก็จับผิดสังเกตเขาได้
“ไม่มีอะไรครับรัฐมนตรี คุณหมดวันพักแล้วเหรอ?”
“อืม”
ไป๋ซู่เย่เดินเข้าไปช้าๆ ไป๋หลางแอบซ่อนเอกสารไว้ชั้นล่างสุดเงียบๆ สุดท้ายไป๋ซู่เย่ที่ดูท่าทีเขาออกยื่นมือเดียวแย่งเอกสารไปถือไว้ทันที
เนื้อหาที่เข้าตาทำให้เธอนิ่งอยู่กับที่
ในยี่สิบวันนี้เย่เซียวได้รับช่วงต่อไฟเรนเซ่ทุกอย่างรวมถึงการเจรจาค้าอาวุธกับสามประเทศเพื่อนบ้านของประเทศ S ที่จะมีเขาเป็นผู้เจรจาเอง
ไป๋หลางแอบสังเกตสีหน้าเธอถึงค่อยๆ เอ่ยปาก “เย่เซียวก้าวขึ้นมาก็เลื่อนการเจรจาเหล่านี้ให้เร็วขึ้น ไม่ถึงสิบวันก็เซ็นสัญญาไปแล้วหนึ่งประเทศ สองประเทศที่เหลือถ้าไม่ผิดจากที่คาดก็น่าจะเสร็จสิ้นภายในสองเดือนนี้ ดังนั้น…ตอนนี้เย่เซียวได้แทนที่ไฟเรนเซ่ กลายเป็นเป้าหมายที่เราต้องกำจัดเป็นอันดับแรก แล้วครั้งนี้ทางกองทัพได้ให้อาวุธที่ดีที่สุด พลังทำลายล้างไม่มีอะไรเทียบได้”
ไป๋ซู่เย่หายใจหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง พักใหญ่ถึงถาม “แล้ว…เขาบาดเจ็บมั้ย?”
“หลายวันก่อนดักเจอเขาได้ที่ต่างประเทศ ถึงไม่ได้โจมตีเขาได้โดยตรงแต่ก็โดนลูกน้องของเขา”
“หยูอัน?”
“…ครับ”
ไป๋ซู่เย่หายใจขาดห้วง
“เพื่อเอาคืนเรา เย่เซียวได้มีการโต้ตอบอีกยาวเป็นพรวน ไม่นานมานี้ได้ขายน้ำมันหินให้ประเทศ E ในราคาที่ต่ำที่สุดในประวัติการณ์ เป็นผลให้ประเทศเรากับประเทศ E ต้องหยุดการค้าขายน้ำมันหิน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศเราให้ตกต่ำลง หุ้นตลาดสั่นคลอน เช้าวันนี้ทางสภาหอการค้าถูกเรียกตัวเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดีทันที”
ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรแค่วางเอกสารลงช้าๆ หลายวันมานี้ที่เธออยู่จงซัน ไม่มีใครเอ่ยถึงข่าวของเย่เซียวต่อหน้าเธอสักประโยคเดียว
เธอไม่รู้ว่าที่แท้เขากับประเทศ S ได้มาถึงจุดแตกหักกันขนาดนี้แล้ว
จากจุดแตกหักครั้งก่อนคือเมื่อสิบปีที่แล้ว สิบปีนี้เย่เซียวสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองขึ้นทุกวัน ตกเป็นจุดสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายประเทศมัววุ่นกับการผ่อนปรนประนีประนอมไม่กล้าท้าทายตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้…
หากทั้งสองฝ่ายยังสู้กันต่อไป อนาคตต้องเสียหายทั้งสองฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย กระตุกหนวดเสือเย่เซียวกับไฟเรนเซ่ ต่อจากนี้ทุกภาคส่วนของประเทศ S อาจจะโดนข่มขู่ แต่หากท้าทายประเทศ S ชีวิตเย่เซียวก็ห้อยอยู่บนเส้นด้ายทุกวัน…
ในหัวใจเขายังมีลูกกระสุนติดอยู่ลูกหนึ่ง…
“รัฐมนตรี?” ไป๋หลางเรียกเธอที มองเธออย่างเป็นห่วง
ไป๋ซู่เย่ถึงหลุดจากภวังค์ “ฉันกลับห้องทำงานของฉันก่อน ตอนเที่ยงทานข้าวด้วยกัน ถือว่า…ขอบคุณนายที่ดูแลฉันก่อนหน้านี้”
“ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกครับ ดูแลหัวหน้าเป็นเรื่องปกติ” ไป๋หลางยิ้มและตะเบะท่าเคารพตามทหาร
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่หมุนตัวเดินออกไป มีเรื่องให้คิดหนักขึ้นมาทันที
เธอไม่ควรเป็นห่วง
เย่เซียวแต่งงานกับน่าหลันไปแล้ว อีกทั้ง…พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว…
ต่อให้เป็นห่วงก็ไม่ต้องมาถึงเธอ
หัวใจเริ่มปวดหนึบอีกครั้ง เธอรีบก้าวเท้าเดินไปที่ห้องทำงานค้นยาจากกระเป๋าออกมากรอกใส่ปากตามด้วยน้ำหลายเม็ด
“รัฐมนตรี” ขณะนั้นเองประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาจากข้างนอก
ไป๋ซู่เย่ระงับอารมณ์ที่ผุดขึ้นมากลางอกลงไป มองไปยังเลขาเฉินหน้าประตูเรียบๆ “ทำไมเหรอ?”
“ปลัดกระทรวงเคยสั่งไว้ว่าถ้าคุณกลับมาทำงาน ให้รีบไปที่ห้องทำงานเขาทันที”
ไป๋ซู่เย่ถือแก้วน้ำแนบปากตรงขอบแก้วคล้ายมีเรื่องให้ครุ่นคิด สักพักถึงพยักหน้ารับ “รู้แล้ว ฉันจะรีบไป”
“ค่ะ” เลขาเฉินเดินออกไปแต่ก่อนไปหันกลับมา “รัฐมนตรี คุณต้องระวังสุขภาพนะคะ เพิ่งจะ…อากาศแบบนี้ทางที่ดีอย่าดื่มน้ำเย็นเลย ฉันจะไปเทน้ำอุ่นเข้ามาให้คุณหนึ่งแก้ว”
‘เพิ่งจะ…’ ประโยคท้ายถูกตัดไป แต่ไป๋ซู่เย่ก็รู้ว่าเธอหมายถึงแท้ง
เพียงแค่พูดถึงหัวใจก็เจ็บแปลบ
เธอวางแก้วน้ำลง กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องหรอก ฉันจะรีบขึ้นไป รอกลับมาค่อยเทแล้วกัน”
………………
ไป๋ซู่เย่ดื่มน้ำเย็นไปอีกอึกใหญ่ จัดชุดเครื่องแต่งกายเสร็จถึงขึ้นไปชั้นบน
ปลัดได้สั่งให้เลขาเทน้ำรอเธออยู่ในห้องทำงานแล้ว
“ดื่มน้ำก่อน” ปลัดได้ส่งแก้วน้ำมาไว้ตรงหน้าไป๋ซู่เย่ด้วยตัวเอง
เธอไม่ได้เกรงใจพลางยกขึ้นจิบอึกหนึ่ง เธอไม่ได้เป็นฝ่ายพูดก่อนเพียงรออีกฝ่ายพูดจุดประสงค์ตัวเอง
“ตอนนี้กลับมาทำงาน น่าจะหายป่วยดีแล้วใช่มั้ย?” ปลัดถามไปก็มองมาทางเธออย่างสงสัยไป
………………………………