อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 750 ยังคงรักคุณ(1)
ปลัดมองเธอนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง“คุณมั่นใจว่าจะห้ามไม่ให้เขาทำสัญญาได้มากเลยเหรอ?”
มั่นใจไหม?
เอาความมั่นใจมาจากไหน?
สัญญาสองฉบับนี้ไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ แต่เป็นการค้าขายมากกว่าแสนล้าน ต่อให้ตอนนี้เย่เซียวมาแทนที่ไฟเรนเซ่แต่ลูกน้องส่วนมากก็คือคนเก่าคนอาวุโส หากเขาเจรจาไม่สำเร็จแล้วหลังจากนี้เขาเย่เซียวจะสยบพวกเขาอย่างไร? อย่าว่าแต่ทำเพื่อเธอเลย
“ทำไมไม่พูดแล้วเหรอ?”
ปลัดเค้นถามอีกครั้งเรียกสติเธอกลับมา เธอเงยหน้า “คุณเองก็บอกว่าเขาพิเศษกับฉันไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อสิบปีก่อนฉันทำภารกิจสำเร็จได้ สิบปีหลังทำไมไม่ลองดูล่ะ? พวกคุณส่งคนมากขนาดไหนก็ใช่จะมั่นใจว่าฆ่าเย่เซียวได้ แถมยังจะสร้างความเสียหายแก่ทางเรามหาศาล ฉะนั้น…ลองเสี่ยงดูสักตั้ง!”
“เสี่ยงดูสักตั้ง?” นัยน์ตาปลัดเข้มขึ้นมองเธอด้วยท่าทีจริงจัง “ซู่ซู่ คุณต้องรู้นะว่าถ้าเสี่ยงรอบนี้แล้วแพ้ ผลจะเป็นยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นการยื่นข้อเสนอใหม่ คุณต้องยื่นขอคำสั่งทางหทาร ผลของการปฏิเสธภารกิจไม่สำเร็จ…”
ปลัดพูดถึงนี่ก็ไม่ได้พูดต่อแต่สีหน้ากลับหนักอึ้งอย่างมาก
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่และกล่าวหลังตัดสินใจเด็ดขาด “ถ้าฉันทำภารกิจไม่สำเร็จยอมเอาชีวิตเข้าแลก แต่ถ้าฉันทำภารกิจสำเร็จครั้งนี้ล่ะก็…ฉันเองก็มีคำขอร้องหนึ่งเหมือนกัน”
“คุณพูดมาเลย”
“…ฉันอยากลาออก”
ปลัดขมวดคิ้ว “คุณรู้ว่านี่ไม่ใช่ผลที่เราอยากเห็น คุณเป็น…”
“ฉันคิดมาอย่างดีแล้ว” ไป๋ซู่เย่ตอบกลับปลัดที่ต้องการจะพูดมากกว่านั้น “ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนดีๆ สักช่วงหนึ่ง”
ปลัดเห็นความแน่วแน่จากสายตาเธอ เห็นทีเธอคิดมาล่วงหน้าแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะฟังคำเกลี้ยกล่อมของใคร
ปลัดรู้สึกเสียดายในใจแต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ารับ “ได้ ผมสัญญากับคุณว่าหลังทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จ ถ้าคุณยังคิดจะลาออก ผมจะพยายามยื่นขอเบื้องบนให้คุณ”
“งั้นขอบคุณคุณล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
“ผมจะโทรศัพท์ยื่นข้อเสนอของคุณเดี๋ยวนี้”
……………………
หนึ่งชั่วโมงให้หลังไป๋ซู่เย่ออกมาจากห้องทำงานของปลัดเพื่อกลับไปยังห้องทำงานตัวเอง
ไป๋หลางได้เดิมตามหลังเธอเข้ามาติดๆ
“ปลัดคุยกับคุณเพราะเรื่องเย่เซียวอีกแล้วใช่มั้ยครับ?” ไป๋หลางถามอย่างตระหนก
ไป๋ซู่เย่ไม่คิดจะปิดบังเขา จัดเก็บเอกสารที่เพิ่งส่งมาเมื่อเช้าไปพยักหน้าไปพลาง “อืม เอกสารพวกนี้นายช่วยจัดการหน่อยแล้วกัน ฉันคงไม่กลับมาในเร็วๆ นี้ ถ้ามีเรื่องสำคัญก็รายงานปลัดโดยตรงเลย”
“คุณจะไปฆ่าเย่เซียวจริงๆ เหรอ?” ไป๋หลางปิดประตูกดเสียงให้เบาลง “เย่เซียวเป็นคู่ต่อสู้ง่ายๆ ที่ไหน? รัฐมนตรี เขาเคยไว้ชีวิตคุณมารอบหนึ่งไม่เท่ากับว่าจะไว้ชีวิตคุณทุกครั้ง!คุณไปแบบนี้มันเท่ากับแมงเม่าบินเข้ากองไฟชัดๆ!”
“ฉันไม่ได้จะฆ่าเขา และไม่มีทางฆ่าเขา…”
“แล้ว?”
“ฉันแค่ไปลองห้ามการเจรจาสัญญาของเขา” หยุดเว้นช่วงอึดใจก่อนพูดเสริมอีกประโยค “ใช้วิธีอย่างสันติที่สุด”
“วิธีสันติที่สุด?” ไป๋หลางหลุดขำ “เรื่องมาถึงจุดนี้ระหว่างพวกคุณยังมีวิธีสันติอีกเหรอ? คุณเข้าใจเย่เซียวดีกว่าผม คิดว่าในใจคงรู้ดีกว่าผมมาก ความสำคัญของสัญญาฉบับนี้ที่มีต่อเขาใช่ว่าไม่กี่ประโยคของคุณจะขัดขวางได้? ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกคุณเองกับปากแล้วว่า ‘ตัดขาดความสัมพันธ์’ จากนิสัยของเย่เซียว คุณทำอะไรได้อีก?”
“ไม่งั้นจะทำยังไง?” คำพูดของไป๋หลางจี้ปมในใจของเธอ เอกสารในมือถูกปิดอย่างแรง เธอจรดสายตาไว้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน “หรือว่าปล่อยให้พวกเขาไปตามฆ่าเย่เซียว? หรือว่า…ให้ฉันไปฆ่าเขาเองกับมือ แล้วค่อยฆ่าตัวตาย?”
“คุณกำลังเป็นห่วงชีวิตเขา?”
“ใช่ ฉันเป็นห่วงเขา เป็นห่วงแทบตาย!หัวใจเขามีกระสุนค้างอยู่ นั่นก็คือระเบิดเวลา ถ้าถูกคนในกระทรวงความมั่นคงหรือคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า เขาตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ไป๋หลางเงียบไปครู่หนึ่ง พักใหญ่ถึงกล่าว“แต่ว่า…เขาเคยบอกให้คุณทำแท้งลูกพวกเขาอย่างไม่ปราณีขนาดนั้น”
เอ่ยถึงลูก หัวใจไป๋ซู่เย่ก็เจ็บเสียดทีหนึ่ง
ยี่สิบวันนี้หลังสงบสติอารมณ์ได้ความจริงเธอหวนนึกถึงปฏิกิริยาในวันนั้นของเย่เซียวเสมอ วินาทีที่เธอบอกว่าแท้งลูกไปแล้ว เธอเห็นน้ำตาในดวงตาเขาอย่างชัดเจน
ผู้ชายแบบนั้นที่ไม่เคยน้ำตาตกสักหยดต่อหน้าเทพแห่งความตาย แต่วันนั้น…
วันนั้นเขาต้องเจ็บถึงขนาดไหนถึงได้มีน้ำตา?
ในเมื่อเขาเป็นคนบอกให้เธอทำแท้งเอง แล้วเหตุใดเขาถึงเจ็บปวดถึงขั้นนั้น?
เธอแอบรู้สึกถึงความผิดปกติแต่กลับไม่สามารถยืนยันอะไรได้
“คุณไปทำงานของคุณต่อเถอะ ฉันจะกลับไปเก็บกระเป๋า วันนี้จะบินไปที่เมืองเยียวเลย”
“งั้นผมไปกับคุณด้วย” ไป๋หลางไม่ไว้วางใจ
“ฉันไปรอบนี้อาจจะไปถึงสองเดือน” ไป๋ซู่เย่มองเขาแวบหนึ่ง “คุณหาเวลาว่างสองเดือน ไม่คิดจะทำงานที่นี่ต่อแล้วเหรอ?”
“…” ไป๋หลางตอบไม่ถูก
ไป๋ซู่เย่ไม่รอช้า หลังจากสั่งงานสองเดือนข้างหน้าให้กับไป๋หลางรวมถึงเลขาเฉินก็เตรียมกลับไป
“รัฐมนตรี!” ก่อนออกจากห้องทำงาน จู่ๆ ไป๋หลางก็เรียกเธอไว้
เธอหันกลับมา
นัยน์ตาไป๋หลางฉายแววเศร้า
“คุณต้องมีชีวิตรอดกลับมา!ไม่ว่าภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม!ถ้ามีตรงไหนที่ต้องการผม โทรหาผมได้เสมอ”
ไป๋ซู่เย่เจ็บแปลบที่หัวใจ
หากทำภารกิจไม่สำเร็จ ผลที่รอเธออยู่คืออะไรล่ะ?
เธอไม่ได้คิดต่อ แค่แย้มปาก “ฉันจะพยายาม”
ไม่อยู่นานไปกว่านั้นพลางเปิดประตูก้าวออกไป ไป๋หลางที่มองแผ่นหลังนั้นอยู่กลับรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ให้ตาย!
การออกไปปฏิบัติภารกิจเป็นเรื่องธรรมดามากทำไมเขาต้องเศร้าขนาดนี้? อีกอย่างทุกครั้งก็ไปเสี่ยงอันตราย ทุกครั้งอาจเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย เมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้สึกหนักหน่วงที่ใจเท่านี้มาก่อน
ไป๋หลางมองตัวเองอย่างนึกดูถูก เขารู้สึกว่าตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอมากขึ้น!
…………
ไป๋ซู่เย่กลับไปที่จงซันก่อนเพื่อกล่าวลากับผู้ใหญ่ทั้งหลาย ไม่กล้าบอกไปว่าได้รับภารกิจแบบไหน กล้าบอกเพียงแค่ว่าเป็นงานระยะยาวสองเดือน
ฮูหยินไป๋อาลัยอาวรณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นั่งเครื่องรอบสองทุ่มบินตรงไปยังเมืองเยียว ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็มาถึงเมืองเยียวซึ่งเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว
เมืองเยียวจะหนาวเย็นกว่าเมืองหลวงของประเทศ S อยู่มาก เธอเดินท้าลมออกมาจากสนามบิน มองเส้นสายถนนมืดครึ้มและแปลกตานิ่ง เมืองที่แปลกตา รู้สึกเพียงหัวใจโล่งเปล่าและไร้จุดหมาย
ภารกิจครั้งนี้ โอกาสที่เธอจะทำสำเร็จมันน้อยยิ่งกว่าน้อย
มาทั้งอย่างนี้ ออกจะไม่เจียมเนื้อเจียมตัวสักหน่อย
“คุณไป๋” รถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอได้สติ พอลองเทียบสัญญาณลับกับอีกฝ่ายเสร็จถึงเปิดประตูก้าวขึ้นรถ
“คุณไป๋ เรียกผมว่าอาเช่อก็พอ ผมเป็นคนที่จะคอยดูแลคุณที่เมืองเยียว ถ้ามีตรงไหนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อผมได้โดยตรง เบื้องบนได้แจ้งเรามาแล้วว่าสองเดือนนี้ให้ช่วยคุณทำภารกิจให้สำเร็จ”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้าเบาๆ พูดเสียงเบา“ส่งฉันไปที่โรงแรมเรือใบเถอะ”
…………………………