อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 751 ยังคงรักคุณ(2)
พรุ่งนี้คือวันแต่งงานของเย่เซียว
โรงแรมเรือใบทั้งโรงแรมถูกจัดตกแต่งเป็นสีมงคล
ไป๋ซู่เย่เลือกห้อง 8801 โดยเฉพาะ
“คุณผู้หญิง การ์ดห้องของคุณ” ไม่นานพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ได้ยื่นกุญแจห้องให้เธอ
เธอกล่าวขอบคุณ เงียบไปครู่หนึ่งถาม “เจ้านาย…ของพวกคุณ พรุ่งนี้จะมาที่นี่ประมาณกี่โมง?”
“งานแต่งงานเริ่มตอนเก้าโมงเช้าพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แปดโมงก็น่าจะมา”
“…อ้อ ขอบคุณ”
ไป๋ซู่เย่ผงกศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณ ชั่วขณะที่หยิบกุญแจห้องเผลอกวาดตาไปเห็นปฏิทินปีใหม่ที่วางไว้หน้าเคาน์เตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ หน้าปฏิทินเป็นรูปพรีเวดดิ้งของคู่บ่าวสาว
ชายหนุ่มยังคงเย็นชาร่างสูงตระหง่านตั้งตรง ส่วนหญิงสาว…อิงแนบอกเขาราวกับนกตัวน้อยๆ ที่ต้องการการปกป้องดูแล ท่าทางมีความสุขอย่างมาก
“นี่เป็นประธานกรรมการของเรา กับว่าที่ภรรยาประธานกรรมการ เหมาะสมกันใช่มั้ยคะ?” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มอธิบายให้เธอ
เธอยกมุมปากอย่างยากลำบากถึงฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายเห็น
ดูแล้วเหมาะสมกันอย่างที่ว่า
แต่ว่า…
แค่แวบเดียวเธอก็ดูออกได้ว่ารูปเหล่านี้มาจากการตัดต่อ ท่าทางเย่เซียวจะไม่ชอบถ่ายรูปเหมือนเคย แม้แต่รูปพรีเวดดิ้งยังเป็นเช่นนี้
“ว่าแต่คุณลูกค้า คุณดูคล้ายภรรยาของท่านประธานเราจังเลย!”
ไป๋ซู่เย่สวมแว่นกันแดดเพื่อบดบังสายตาสงสัยมากมายหลังประโยคเดียวของอีกคน ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไร
………………
คืนนั้นยังคงพึ่งพายานอนหลับถึงนอนได้
แต่…
นึกถึงว่าพรุ่งนี้ก็คือวันแต่งงานของเขา เธอก็รู้สึกร้อนรนทุกวินาทีราวกับถูกจับโยนลงกระทะน้ำมันเดือด
คืนนั้นเธอฝันร้าย ในฝันมีแต่ประโยค ‘ตัดขาดความสัมพันธ์’ ของเขาที่ดึงทึ่งเส้นประสาทเธออยู่ร่ำไป
วันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นมาเลยปวดศีรษะเหมือนจะระเบิด
คว้าโทรศัพท์มาดูอย่างสะลืมสะลือแต่กลับเป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้วถึงได้ตื่นเต็มตา รีบเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ด้วยความที่เจ้าตัวมีสภาพทรุดโทรมจึงแต่งหน้าชั้นบางๆ โชคดีที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
………………
เย่เซียวมาถึงโรงแรมในเวลาแปดโมงตรง
ด้านหลังมีหลี่สือรวมถึงหยูอันคอยติดตาม
แม้วันนี้จะเป็นวันแต่งงานแต่สีหน้าของเขาช่างดูไม่ดีเอาเสียเลย พนักงานโรงแรมรีบถลาออกมาต้อนรับไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาเขา แรงอาฆาตที่แผ่จากตัวบอสใหญ่มันหนักหน่วงเกินไป
“ท่านประธาน นี่การ์ดห้องของประธาน สไตลิสต์รอท่านประธานอยู่ที่ชั้นบนแล้ว”
“อืม” เย่เซียวแค่ตอบรับด้วยใบหน้าราบเรียบที หยูอันเดินไปรับการ์ดห้องมา
คนทั้งกลุ่มเดินเข้าลิฟต์เพื่อไปยังชั้นบนสุด
“นายท่าน” หยูอันมองกระจกวาวรอบข้างตัวลิฟต์ ไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่
เย่เซียวปรายตาหันข้างมองเขาแวบหนึ่งอย่างเฉยชา
หยูอันกระแอมไอที พูดเสียงจริงจัง “คุณน่าจะยิ้มหน่อย”
“ยิ้มอะไร?”
“ยังไงวันนี้ก็เป็นวันที่น่ายินดีของคุณ”
น่ายินดี?
เย่เซียวแค่นหัวเราะที งานแต่งงานครั้งนี้แค่เป็นผลจากการแพ้พนันกับพ่อบุญธรรมเท่านั้น แพ้ราบคาบ แล้วน่ายินดีตรงไหน?
ให้เขายิ้ม?
เขาคิดว่า…
ตลอดชีวิตนี้เขาคงไม่มีวันที่จะยิ้มออกอีก
ลิฟต์พุ่งทะยานขึ้นไปชั้นบนเรื่อยๆ
กระทั่งจอดอยู่ชั้น 88 ‘ติ้ง–’ สิ้นเสียงประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ
ชั่วครู่ที่ประตูลิฟต์เปิด คนทั้งหมดในลิฟต์ล้วนยืนแน่นิ่ง หยูอันกะพริบตาปริบเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาด
แต่พอดูดีๆ อีกทีหญิงสาวแสนงามในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าตัวบาง ปล่อยผมลอนคลอเคลียที่ไหล่นั่นไม่ใช่ไป๋ซู่เย่แล้วจะเป็นใครได้อีก?
“หยูอัน!” ในที่สุดเย่เซียวก็เอ่ยปากพูดเสียงขรึม
“นายท่าน” หยูอันก้าวเข้าไปหา
“มัวยืนนิ่งเฉยทำไม? มัดตัวเธอไว้!ก่อนหน้านี้คนของกระทรวงความมั่นคงทำร้ายนายยังไง ตอนนี้นายก็เอาคืนกลับมา!” เย่เซียวสีหน้านิ่งขรึม
หยูอันไม่ขยับตัว
หากเป็นเมื่อก่อนเขาต้องเข้าไปมัดตัวอย่างไม่ลังเลแน่ๆ
แต่หลังจากที่เธอเคยช่วยชีวิตตนเมื่อคราวที่อยู่ทะเลทรายซ่าเหยียน อีกทั้ง…ความจริงเขาไม่กล้ามัดจริงๆ หากทำเธอเจ็บเข้าเย่เซียวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แค่คิดก็พอจะรู้ได้
“เย่เซียว ฉันอยากคุยกับคุณหน่อย” ไป๋ซู่เย่ปริปากพูดเสียงเบา สายตาจรดบนตัวชายหนุ่มยากจะละสายตา
ไม่เจอกันยี่สิบวัน…
ชั่ววูบหนึ่งรู้สึกราวกับผ่านไปนานแสนนาน…
เย่เซียวปรายตาเย็นชามองเธอแวบหนึ่งโดยไม่ยอมตอบกลับเธอสักคำ หลีกเลี่ยงเธออย่างนึกรังเกียจเข้าไปในห้อง
ใบหน้าเขาราบเรียบไม่แสดงอาการใดๆ แต่แขนที่เริ่มแกร็งแน่นพร้อมจะเปิดโปงอารมณ์ที่ยากจะสงบลงของเขาในตอนนี้ตลอดเวลา
ดีมาก!
เขากลับทำใจนิ่งต่อหญิงสาวตรงหน้านี้ไม่ได้เหมือนเดิม!
แต่ถ้าเขาใจกล้าให้เธออย่างโง่เขลาอีก คาดหวังในตัวเธออีกสักนิดก็เท่ากับทำตัวเอง!
จุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ จุดประสงค์ที่มาคุยกับเขา ใจเขารู้ดีเหมือนกระจกสะท้อน หากไม่ใช่เพราะเขาเลื่อนการเจรจาสัญญาเข้ามาเวลาอันใกล้ เธอจะปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?!
เคยคิดว่าเขาจะเย็นชาต่อตัวเองแต่ขณะที่เดินสวนไหล่เขานั้นหัวใจกลับเจ็บรัดแน่นดังเดิม
เธอสูดหายใจเข้าลึกปรับลมหายใจก่อนก้าวตามไปช้าๆ “เย่เซียว”
เย่เซียวหายใจหนักอึ้งหันหลังกลับมากะทันหัน ยกกระบอกปืนจ่อขมับเธอ “ไป๋ซู่เย่ อย่าคิดว่าผมจะเป็นไอ้โง่ในกำมือคุณอีก มีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าแค่คุณอยากคุยผมก็จะคุยกับคุณ?”
ไป๋ซู่เย่รู้สึกเพียงความเย็นผิดปกติตรงหน้าผาก
เธอหายใจหอบทีหนึ่งไม่ตอบ ตรงหน้าได้เห็นเขาในระยะอันใกล้ ความเจ็บปวดยังคงฉายบนใบหน้าเขาอย่างชัดเจน
อีกทั้ง…
จู่ๆ เธอเพิ่งรู้…ที่แท้ในยี่สิบวันนี้ ความจริงแล้วคนที่สภาพโทรมลงไม่ได้มีแค่ตัวเอง…
ยังมีเขาด้วย…
เย่เซียวแทบกัดฟันพูดกรอดเลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอ “กระทรวงความมั่นคงอยากให้คุณมาคุยเรื่องสัญญากับผม ให้พวกเขาไสหัวไป อย่ามาไม่เจียมตัว!”
สีหน้าของเขาคล้ายกำลังกัดทึ่งกระดูกของเธอ
“ฉันไม่ได้มาคุยเรื่องสัญญากับคุณ…” ไป๋ซู่เย่ไม่กล้าพูดถึงเรื่องสัญญา เธอเข้าใจเย่เซียวเกินไป เรื่องนี้เป็นปมในใจเขามานับสิบปี เขาอ่อนไหวต่อเรื่องนี้และยังให้ความสนใจมันมาก
หากตอนนี้เธอบอกเขาว่าเธอมาเพื่อเรื่องสัญญา เขาต้องบ้าคลั่งแน่ๆ
ส่วนความเป็นจริง…
ท้ายที่สุดตนจะมาเพื่อสนองตัวเองหรือมาเพื่อสัญญาจริงๆ ใจเธอรู้ชัดแจ้งดี มีคนบางคนทั้งที่พร่ำบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ตัดใจ บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าให้ลืมมันไป แต่…จากตัดใจที่มากเท่าไรก็อดที่จะขยับเข้าไปใกล้อย่างห้ามใจไม่ไหว
“ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร ผมก็ไม่คิดจะคุยกับคุณ!” เย่เซียวพูดเสียงกระแทก แรงโทสะบนใบหน้าไม่มีท่าทีผ่อนลง “วันนี้เป็นวันแต่งงานของผม ถ้าคุณไม่ได้มาเพื่อป่วน ผมให้บัตรเชิญคุณ ให้คุณยืนดูอยู่นอกงานอย่างดีได้!”
ไป๋ซู่เย่ปวดแปลบที่หัวใจ
เธอยกมือกำปากกระบอกปืน “ครั้งนั้นที่พ่อบุญธรรมคุณยอมช่วยฉัน เพราะคุณเอาชีวิตคุณมาบีบคั้น?”
…………………………