อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 753 ยังคงรักคุณ(4)
ไป๋ซู่เย่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เล็บจิกฝ่ามือก่อนที่เธอจะเรียกอีกเสียง “เย่เซียว…”
เย่เซียวไม่ได้หันกลับมา ไป๋ซู่เย่ขยับเดินไปข้างหน้าอีกก้าวแต่ถูกหยูอันเอามือบังไว้ เขาเบนสายตามาที่ใบหน้าเธอ เงียบไปอึดใจถึงกล่าว “ห้องน้ำอยู่ทางนั้น ล้างหน้าก่อนแล้วไปร่วมงานแต่งงานของนายท่านเถอะ”
ไป๋ซู่เย่สติหลุดลอยไปพักหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปที่ห้องน้ำเองอย่างไร มองภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกเห็นใบหน้าเลอะคราบเครื่องสำอางเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง สภาพดูทรุดโทรม
เมื่อเธอล้างหน้าเสร็จออกมาหยูอันได้นำบัตรเชิญมาแล้ว
สีแดงเจิดจ้าทิ่มแทงสายตาเธอ
เธอกลับไปแต่งหน้าใหม่ที่ห้อง 8801 ก่อนเดินลงไปชั้นล่างพร้อมหยูอัน สื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ถูกกั้นไว้นอกบริเวณงานแต่งงาน แต่ก็สามารถได้ยินเสียงดนตรีสำหรับงานแต่งแสนโรแมนติกได้แต่ไกล
เธอเดินเข้าไปใกล้พวกเขาทีละก้าวๆ ทุกย่างก้าวสองขาเหมือนมีตะกั่วถ่วงไว้อย่างหนักอึ้ง
………………
ภายใต้สายตาของผู้คน น่าหลันในชุดเจ้าสาวเดินบนพรมแดงเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างบาทหลวงช้าๆ เธอไม่มีพ่อแม่ดังนั้นลุงหมิงเลยเป็นผู้ส่งตัวเธอแทนบิดาของเธอ
เธอมองเจ้าบ่าวด้วยสายตาที่ใกล้เคียงกับคำว่าบ้าคลั่งผ่านผ้าคลุมหัวชั้นบางๆ ที่คอยกั้น ผู้ชายคนนั้นที่เธอรักที่สุด…
“เอาล่ะ เจ้าบ่าว ตอนนี้คุณไปรับตัวเจ้าสาวของคุณได้แล้ว” เสียงนุ่มนวลของบาทหลวงดังก้องไปทั่วภายในงานกลางแจ้ง
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนคอยมองเย่เซียวเดินเข้าหาเจ้าสาวของเขา ภาพตรงหน้าพร่ามัว
ถังซ่งยืนอยู่ข้างเธอ ก้มถามเธอเสียงเบา “คุณมาได้ยังไง?”
เธอพูดอะไรไม่ออก สายลมพัดเส้นผมเธอปลิวว่อน เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าดั่งใจแตกสลาย
………………
เย่เซียวเดินเข้าหาน่าหลัน
ต่อให้มีผ้าคลุมหัวบางๆ กั้นอยู่น่าหลันก็เห็นแววโทสะรวมถึงแรงอาฆาตผุดขึ้นในสายตาเขากะทันหันได้อย่างชัดเจน เธอตกใจสะดุ้งตัวโยนและแทบจะถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติ เผลอเหยียบรองเท้าส้นสูงพลาดเพราะความลนจนเธอเกือบล้มแทบพื้น โชคดีที่ลุงหมิงข้างๆ รีบมาประคองตัวเธอด้วยความมือไวตาไว
มือของเย่เซียวเองก็ยื่นไปจับมือเธอไว้ด้วยเช่นกัน
“ตื่นเต้นมาก?” เขาถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มหน่อยๆ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้น่าหลันตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เย่เซียวที่เป็นแบบนี้คล้ายสัตว์ดุร้ายที่เก็บคมเล็บเพื่อเตรียมล่าเหยื่อ
“ฉัน…ฉันเปล่า” น่าหลันพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากกระชากมือกลับจากการกอบกุมของเขา ฝ่ามือเขาเย็นเฉียบ เย็นเข้ากระดูก
เย่เซียวเดินมาข้างเธอ “ว่าที่ภรรยาในอนาคตของผม รู้มั้ยว่าสิ่งที่ผมทนไม่ได้มากที่สุดคืออะไร?”
“…อะ อะไร?”
“ถูกปั่นหัว”
น่าหลันใจกระตุกวูบ
“ครั้งก่อนค้าขายกับเยียวหลิง เยียวหลิงกับภรรยาเขากลับกล้าปั่นหัวผม เดาดูสิว่าสุดท้ายพวกเขาสองคนจบยังไง”
“ตาย…ตายแล้วเหรอ?” น่าหลันเพียงรู้สึกสั่นไปทั้งปาก
“ผู้ชายตายแล้ว ผู้หญิงไม่ตาย” เย่เซียวพูดออกมาด้วยท่าทางเรียบเฉย “ผมไม่เคยฆ่าผู้หญิง”
น่าหลันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะหายใจคล่องขึ้นมาบ้างแต่จากนั้น…
“ผู้หญิงถูกส่งตัวไปที่ซ่อง ไม่ถึงหนึ่งเดือน เป็นบ้าไปแล้ว” น้ำเสียงเย่เซียวราบเรียบไม่มีจังหวะขึ้นลง สายตาของเขามองเธอด้วยแววตาเรียบนิ่งดุจผิวน้ำ “น่าสงสารมั้ย?”
น่าหลันหน้าขาวซีด เธอแทบจะชักมือกลับจากมือของเย่เซียวทันที
เธอเปิดผ้าคลุมหัว มองเย่เซียว “ไม่…เย่เซียว คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”
“เหตุผล” เขายังคงเย็นชาไร้ความปราณีเช่นเคย
“ฉันรักคุณ…” น่าหลันพึมพำประโยคนี้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เธอรู้ว่าเย่เซียวต้องรู้เรื่องโทรศัพท์สายนั้นแล้วแน่แท้ เธอรู้ว่าขอแค่เขาได้เจอะเจอไป๋ซู่เย่เรื่องนี้จะปิดได้ไม่นาน แต่ทั้งที่รู้ว่ามันคือเหวลึก เธอกลับเดินไปทางนั้นราวกับต้องมนต์ “เย่เซียว ฉันรักคุณ”
“รักผม รักจนต้องฆ่าลูกของผม?!” ในที่สุดอารมณ์ของเย่เซียวก็เริ่มพุ่งสูงขึ้น
“ฉันต่างหากที่เป็นภรรยาของคุณ!คนที่ท้องลูกคุณได้คือฉัน ไม่ใช่เธอ!เย่เซียว เด็กคนนั้นคือตัวซวย!ไม่ควรมีชีวิตอยู่!”
เย่เซียวหัวคิ้วเต้นตุบๆ ดวงตาวาวโรจน์มากกว่าเดิม เขากัดฟันกรอดคว้าข้อมือเธอไว้ “คุณพูดอีกทีสิ!”
ตัวซวย?!ใครกันที่มอบความกล้าให้เธอตัดสินเช่นนี้?
สายตาเขาทำน่าหลันตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ข้อมือคล้ายจะถูกเขาบีบให้แหลกคามือ เย่เซียวที่เป็นแบบนี้มันน่ากลัวเหลือเกิน แต่ยังรู้สึกไม่พอใจปากขยับพยายามจะโต้กลับบางอย่างแต่ทันใดนั้น…
ดนตรีสำหรับงานแต่งถูกปิดลงกะทันหัน ภายในงานที่แต่เดิมครึกครื้นเงียบสงัดในชั่วพริบตา เงียบจนเริ่มผิดปกติ
ไม่ผิดจากที่คาดเมื่อสองวินาทีหลังจากนั้นเสียงที่ดังจากลำโพงคือ…
“คุณไม่ต้องสนใจว่าฉันคือใคร แต่พวกคุณอยากได้ข่าวสารของไฟเรนเซ่มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?”
นี่…กลับเป็นเสียงของน่าหลัน!
ทุกคนยืนนิ่งค้าง
แม้แต่เฉิงหมิงยังปล่อยมือเย่เซียวที่จับไว้อยู่ ไฟเรนเซ่ที่นั่งบนเก้าอี้เข็นกลับฟังอย่างใจจดใจจ่อ
ทีนี้กลายเป็นน่าหลันที่ใบหน้าขาวซีด เธอขืนตัวจากมือของเย่เซียวอย่างบ้าคลั่งราวกับตกใจจนเสียสติ
ต่อจากนั้นเสียงของเธอดังออกจากลำโพงเรื่อยๆ “ฉันช่วยติดเครื่องดักฟังไว้ข้างๆ เย่เซียวให้พวกคุณได้ แค่เขาติดต่อกับไฟเรนเซ่ พวกคุณก็จะได้ข่าวสารที่พวกคุณอยากได้”
นี่…เป็นหลักฐานที่น่าหลันเคยหักหลังไฟเรนเซ่และเย่เซียว!
ไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเพิ่งจะตั้งสติได้ วันนั้นปลัดบอกว่าจะพังงานแต่งงานของเย่เซียวก็คือการพังด้วยวิธีนี้ ดูเหมือนทางกระทรวงความมั่นคงจะไม่มีวิธีอื่นใดต่อเย่เซียวแล้วถึงได้ใช้วิธีที่ไร้ขอบเขตแบบนี้
เพียงแต่ว่า…
เหตุผลที่น่าหลันหักหลังเย่เซียวและไฟเรนเซ่…เพราะต้องการโยนความผิดให้ตัวเองสินะ
น่าหลันหวาดระแวงถึงขั้นสุดกับเรื่องที่อยู่ๆ ก็ถูกเปิดโปงขึ้นมา เธอจับชายกระโปรงขึ้นวิ่งเข้าไปในกลุ่มคนอย่างไม่มีสติ
เพราะกลัวเกินไปทำให้ล้มลุกคลุกคลานหลายรอบกระทั่งชุดแต่งงานเปรอะเปื้อน เธอหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ไฟเรนเซ่กำลังเช็ดปืนตรงล้อฝั่งซ้ายอย่างไม่รีบร้อน—กระสุนที่เย่เซียวเคยได้รับ เธอย่อมต้องได้รับสักครั้ง นี่เป็นกฎ ถ้ามีชีวิตต่อนั่นเพราะเธอดวงแข็ง หากตาย ก็สมน้ำหน้า
เธอตะเกียกตะกายลุกจากพื้น รองเท้าส้นสูงหลุดจากเท้าแต่ไม่กล้าไปเก็บ ทำได้เพียงวิ่งต่ออย่างกระวนกระวาย
“ปัง–” เสียงหนึ่งดังขึ้น ไฟเรนเซ่ยิงปืนใส่กลางอกเธอหนึ่งนัด
ร่างกายเธอสะท้านตรึงอยู่กับที่
เลือดทะลักพรั่งพรูจากบาดแผลกระสุนไม่หยุด สร้างภาพสยดสยองแก่ผู้พบเห็น
ผมหลุดรุ่ยไม่เป็นทรงสยายออกมาขับทำให้สภาพเธอดูอนาถที่สุด มือกุมหน้าอกไว้แน่นแต่เลือดไม่หยุดไหลสักที พร้อมย้อมถุงมือสีขาวสะอาดของเธอให้เป็นสีเลือด
ทุกอย่างตรงหน้าประกอบให้เธอดูน่าสงสารถึงขีดสุด แต่เรื่องภายในของไฟเรนเซ่ไม่มีใครในงานกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง ไม่แม้แต่จะกล้าปริปากพูดสักประโยค
ไป๋ซู่เย่ยืนมองอย่างตะลึง ลมหายใจติดขัด
น่าหลันโดนยิงเข้าที่อกหนึ่งนัดหากแต่ยังไม่ล้มลงทันที กลับลากร่างกายที่หนักอึ้งเข้าไปหาเธอทีละก้าวๆ
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ตรงนั้น รอ ไม่หลบ ไม่หนี
หญิงสาวพาร่างหนักอึ้งทว่าอ่อนแอมายังตรงหน้าเธอ สองคน—สองคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกันที่สุด กำลังสบตากัน
…………………………