อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 754 เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย(1)
สองคน—สองคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกันที่สุด กำลังสบตากัน
วัยที่เปรียบเสมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานกลับใกล้จะร่วงหล่นเพียงเพราะรัก
ไป๋ซู่เย่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร มองใบหน้านี้ทำให้เธอหวนนึกถึงตัวเองในวัยสิบเก้า
เธอในเมื่อนั้นความจริงไม่ได้ต่างจากสภาพใกล้จะตาย…
“ไป๋ซู่เย่…ทำไมวันนี้คุณต้องปรากฏตัวอยู่ที่นี่?” เสียงน่าหลันใกล้จะหมดลมเต็มที เธอมองไป๋ซู่เย่ “วันนี้…ขอแค่คุณไม่ปรากฏตัว ขอแค่คุณไม่มา…ฉันก็จะเป็นภรรยาของเย่เซียว…”
ไป๋ซู่เย่ทอดสายตามองไปยังเย่เซียวที่อยู่ห่างๆ ขณะนี้สายตาเย่เซียวก็ทอดมองมาทางเธอ ทั้งสองคนสอดประสานสายตาให้ห้วงอารมณ์ที่หลากหลายผุดขึ้นในแววตาของกันและกัน
ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของน่าหลันยิ่งรู้สึกปวดใจเกินจะรับได้
“แต่ฉันก็มาแล้ว” ไป๋ซู่เย่เบนสายตามาที่หน้าเธออีกครั้ง เอ่ยเสียงเบา
“ใช่ คุณมาแล้ว คุณทำลายทุกความพยายามของฉันไปอย่างง่ายดาย…ไป๋ซู่เย่ ฉัน…อิจฉาคุณจริงๆ…” ดวงตาน่าหลันน้ำตาเอ่อล้น แววตาดูล่องลอย “ถ้าพูดถึงรัก ฉันรักเขามากกว่าคุณ…ทั้งๆ ที่ คุณทรยศเขา วันนี้คุณกลับยังมีชีวิตอยู่ดี ฉันทรยศกลับมีโทษคือตายสถานเดียว? ทำไมในโลกเขาถึงมีแค่คุณคนเดียว? มีสิทธิ์อะไรที่คุณทรยศเขา ทำร้ายเขา แต่เขากลับยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อไปช่วยชีวิตคุณ? แล้วมีสิทธิ์อะไร…คุณท้องลูกของเขาได้ ส่วนฉัน…เขาไม่ยอมแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว?”
ทุกคำของเธอฟังดูน่าสงสารอ้างว้าง
พูดถึงสุดท้ายเสียงแหบแห้งแตกสลาย เบาหวิวเสียจนหากลมพัดก็พร้อมจะหายไปทุกเมื่อ
ลมหนาวโกรกพัดใส่หน้าอันเศร้าโศกของเธอที่น้ำตาไหลอาบแก้ม เครื่องสำอางที่แต่งแต้มถูกน้ำตาชะล้างไปทำให้เธอดูโทรมถึงที่สุด ใบหน้าที่โผล่พ้นให้เห็นซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด
ภาพนี้ดูน่าเศร้าเหลือเกิน
ขณะนั้นเองมืออีกข้างของเธอล้วงมีดสั้นจากใต้กระโปรงขึ้นมากะทันหัน นี่เป็นสิ่งที่เธอพกติดตัวเสมอเพื่อใช้ป้องกันตัว
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีและเย่เซียวก้าวขายาวไปแทบจะกันไป๋ซู่เย่ให้อยู่ในอ้อมแขนตัวเองด้วยสัญชาตญาณ สายตาที่มองน่าหลันแฝงด้วยความเย็นยะเยือกเสียมากกว่า
น่าหลันหัวเราะ หัวเราะทั้งน้ำตา
มือที่กำมีดสั้นอยู่สั่นเทาอย่างรุนแรงแต่สายตากลับจ้องเย่เซียวไม่ห่าง “เย่เซียว…รู้มั้ย…ว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตคืออะไร?”
“ฉันไม่เสียใจที่รักคุณ…ไม่เสียใจที่โยนความผิดให้ไป๋ซู่เย่…ฉันยิ่งไม่เสียใจที่ใช้โทรศัพท์คุณทำให้พวกคุณผิดใจกัน…แต่ฉันกลับเสียใจที่ใช้ใบหน้านี้!” กล่าวถึงนี่อารมณ์เธอเริ่มเดือดขึ้นมาและคลุ้มคลั่งอย่างกะทันหัน เอามีดสั้นกรีดลงหน้าตัวเองอย่างโหดเหี้ยมหลายที เรียกให้ทุกคนในงานต่างสูดปากรัว แม้แต่เย่เซียวที่ใจนิ่งเสมอยังต้องมุ่นคิ้ว โอบกอดไป๋ซู่เย่ให้แนบอกมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็เห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด สภาพบิดเบี้ยวน่าสยดสยอง เธอจ้องไป๋ซู่เย่อย่างเจ็บปวดปนเคียดแค้น หางตามีแต่รอยเลือด “พอฉันส่องกระจกทุกวัน…ก็จะเห็นคนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุด…ฉันใช้ชีวิตทุกวัน ทุกนาทีทุกวินาทีอย่างทรมาน…ฉันละทิ้งความเป็นตัวเองได้เพื่อเย่เซียว แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวสำรองของคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ…น่าสงสารมากใช่มั้ย?”
เธอหัวเราะ “ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารเลย…น่าสงสารจริงๆ…”
น้ำตาของเธอถูกพัดหายไปกลางอากาศด้วยแรงลม
จากนั้นเธอหุบรอยยิ้มแสนเศร้าอย่างรวดเร็ว อยู่ๆ เธอก็ยกมีดสั้นปักลงกลางอกตัวเองอย่างแรงภายใต้สายตาของทุกคน
ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
ไป๋ซู่เย่เผลอกลั้นหายใจ พักใหญ่ที่ในหัวเหลือเพียงแค่สายตาเคียดแค้นของน่าหลัน สุดท้ายน่าหลันก็จมอยู่ในกองเลือด สีเลือดสดย้อมชุดแต่งงานสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน…
เธอไม่หลับตา แค่มองมาทางเย่เซียวนิ่งโดยที่หางตายังมีรอยหยดน้ำตาจวบจนวินาทีสุดท้าย
ไป๋ซู่เย่หายใจหนักอึ้ง เหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับที่หัวใจทั้งอึดอัดทั้งอัดอั้น
การรักคนคนหนึ่ง หากรักจนละทิ้งความเป็นตัวเอง…ถ้าอย่างนั้นก็ได้กำหนดจุดจบแสนเศร้าไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
………………
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากความโรแมนติกเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้
ไป๋ซู่เย่กลับไปที่ห้องของโรงแรม
เย่เซียวกับไฟเรนเซ่ เฉิงหมิงและพวกหยูอันกำลังยุ่งกับการสลายตัวแขกรวมถึงร่างของน่าหลัน
ไป๋ซู่เย่อยู่ในห้อง เมื่อตอนบ่ายได้รับสายจากปลัดกระทรวง
“งานแต่งงานพังไปแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ”
“ซู่ซู่ เย่เซียวไม่มีว่าที่ภรรยาก็เท่ากับว่าอุปสรรคใหญ่ของคุณหายไปแล้ว ฉะนั้น…รีบทำเวลา”
ไป๋ซู่เย่เงียบไปครู่ถึงตอบ “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องสัญญากับเย่เซียว”
เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนไหวที่เย่เซียวมีต่อเรื่องนี้ หากตอนนี้เธอคุยเรื่องสัญญากับเย่เซียว เย่เซียวจะต้องคิดว่าเธอมาเพื่อคุยเรื่องสัญญาฉบับนั้นเท่านั้นอย่างแน่นอน หากทำเขาโกรธ เขาอาจจะเลื่อนทำสัญญาเร็วกว่าเดิมก็เป็นได้
“คุณต้องหาโอกาสให้ดี” ปลัดพูดเตือนหนึ่งประโยค
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่กดวางสายไป
เวลาที่เหลือเธออยู่แต่ในโรงแรม กระทั่งทานมื้อเย็นฟ้ามืดลงแล้ว เย่เซียวยังไม่ปรากฏตัวในห้องของเธอ ไม่เคยแม้แต่จะมาหาเธอ
เดิมทีเธอคิดว่าเย่เซียวกำลังวุ่นวายกับเรื่องโรงแรมแต่ตอนมื้อเย็นเธอได้เดินไปดูสถานที่จัดงานแต่งโดยเฉพาะ ที่นั่น…ไม่มีใครอยู่ตั้งนานแล้ว
ฉะนั้น…
เขาไปแล้ว ไม่ได้มาหาเธอ
ไป๋ซู่เย่มองผืนหญ้าอันโล่งเปล่า เธอที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวรู้สึกเศร้าใจและผิดหวังอย่างมาก…
………………
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
อีกฟากหนึ่งในห้องหนังสือคฤหาสน์ไฟ
เย่เซียวเซ็นเอกสารทั้งหมดส่งให้หยูอัน เขาลุกขึ้นยืนอยู่ริมหน้าต่างโดยสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ทอดสายตาไปข้างนอกเหมือนมีเรื่องให้ขบคิด บนถนนข้างนอกมีเพียงแสงจากไฟข้างทางส่องทางอันกว้างใหญ่
ใจเขามีเรื่องมากมายทับถมอยู่
หยูอันมองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง พลางพูดเตือนขึ้น “นายท่าน พรุ่งนี้มีบินไปสัมมนาแปดโมงเช้า คุณอย่าลืมเวลานะครับ”
“ไม่ลืมหรอก” เย่เซียวพูดเสียงนิ่ง หันไปมองหยูอันวูบหนึ่ง “นายออกไปก่อนเถอะ”
“ครับ” หยูอันรับคำพร้อมเตรียมออกไปจากห้องหนังสือ เดินถึงหน้าประตู ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาจากข้างนอก เมื่อเห็นว่าใครมาหยูอันก็รีบก้มศีรษะทักทาย “คุณไฟ!”
“อืม” ไฟเรนเซ่แค่ตอบรับเสียงเรียบ หยูอันทักทายเสร็จจึงเดินออกไปก่อน
ไฟเรนเซ่ถูกเข็นเข้าห้องหนังสือโดยเฉิงหมิง เย่เซียวที่เพิ่งดึงสติกลับมาหมุนตัวหันมา “คุณพ่อ”
“พรุ่งนี้ไปสัมมนาตั้งแต่เช้า ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอน กำลังคิดเรื่องอะไร?” ไฟเรนเซ่ถาม
เย่เซียวเม้มปาก สุดท้ายแค่ตอบกลับไปเรียบๆ “กำลังจะพักผ่อน”
………………………