อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 762 หัวใจที่เต้นระส่ำ(2)
หลายครั้งที่ไป๋ซู่เย่หันข้างชำเลืองมองเขาแต่เห็นเพียงใบหน้ามุมข้างที่คล้ายครุ่นคิดบางอย่างของเขา ซึ่งยากนักที่จะคาดเดาความคิดเขาได้อย่างถ่องแท้ เดาว่าเขาในตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“คิดจะกลับประเทศเมื่อไหร่?” เย่เซียวถามขึ้นกะทันหัน
ไป๋ซู่เย่ชะงักงัน
มือที่วางบนหน้าตักกำนิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ผ่านไปสักพักเธอยืดตัวตรงพูดเชิงหยอก “คุณกำลังไล่ฉันไปเหรอ?”
เย่เซียวไม่ตอบ
“ตอนนี้จะว่าไปฉันก็เป็นลูกค้าโรงแรมพวกคุณ คุณเป็นเจ้าของ มีอย่างที่ไหนขับไสไล่ส่งลูกค้าบ้าง?”
เย่เซียวจอดรถหน้าไฟจราจรสีแดงถึงหันข้างมามองเธอด้วยแววตาที่ล้ำลึกขึ้นราวกับจะมองลอดผ่านดวงตาเธอให้ทะลุไปถึงหัวใจ
ไป๋ซู่เย่มองเขา “เมื่อคืน คุณมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง?”
“นั่นโรงพยาบาลของผม ผมอยากไปก็ไป ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่หัวเราะที “เย่เซียว คุณส่งคนจับตาดูฉัน”
เย่เซียวกลับไม่ได้ปฏิเสธแค่ละสายตากลับไปที่ถนนตรงหน้า เงียบไปสักครู่ถึงย้อนถามเสียงเรียบ “คุณไม่ควรถูกจับตาดูเหรอ? คนของกระทรวงความมั่นคงพวกคุณคิดอยากฆ่าผมมากขนาดไหนใจคุณรู้ดี”
ไป๋ซู่เย่ไม่อาจปฏิเสธได้
เธอเบี่ยงหน้าทิ้งสายตาไปนอกรถมองภาพวิวตามรายทาง สักพักถึงถาม “คุณคิดว่า…ฉันมานี่ก็เพื่อฆ่าคุณ?”
เย่เซียวขับรถยนต์ด้วยสีหน้าเรียบขรึม “ผมไม่สนใจว่าคุณอยากฆ่าผมหรือเปล่า แต่…ถ้าคุณมาเพื่อเจรจาสัญญา เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน ถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อเพียงเพราะเรื่องสัญญา…”
‘เพียงเพราะ’ สองคำนี้เขากัดฟันพูดเน้นเสียง ชะงักทีแล้วกล่าวต่อ “ได้ผลตรวจแล้วก็กลับประเทศซะเถอะ”
ไป๋ซู่เย่หันกลับมามองเขา “แล้วถ้าฉันไม่ได้อยู่ต่อเพื่อสัญญาล่ะ?”
เย่เซียวกำพวงมาลัยแน่นกว่าเดิม “แล้วคุณจะทำเพื่ออะไร?”
“เย่เซียว…”
ไป๋ซู่เย่เรียกขานเขาเสียงเบา
เขาไม่ตอบรับ
เธอพูดต่อ “ถ้าฉันบอกว่า ฉันอยู่ที่นี่ความจริงเป็นเพราะ…คุณ คุณยังจะเชื่อฉันมั้ย?”
ความรู้สึกในใจเย่เซียวกำลังพลุ่งพล่าน เขาคาดหวังคำตอบนี้จากเธอมานานเสียจนจำไม่ได้ว่าคาดหวังมานานเท่าไร แต่ ณ เวลานี้เขากลับต้องการสติมากกว่าสิ่งใด
มือที่กำแน่นคลายออกช้าๆ สะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลงให้นิ่งสงบอย่างรวดเร็ว มองเธอแวบหนึ่ง “สองเดือนหลังจากนี้ เชื่อไม่เชื่อ คำตอบอยู่ในใจเรา”
ไป๋ซู่เย่เข้าใจความหมายของเย่เซียว
เขายังคงเป็นกังวล กลัวว่าจะตกหลุมบ่อโคลนดูด เขาทนไม่ไหวหากต้องแพ้สองครั้งติดกัน
เธอจุดยิ้มมุมปากไม่พูดต่อ ความจริงเรื่องความรักไม่ได้ใช้ปากที่จะสร้างความเชื่อแก่ใครได้อยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำ ความทุ่มเท…
เธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอเย่เซียวให้ละทิ้งทุกอย่างไว้ด้านหลังเพื่อเชื่อใจเธอโดยไม่สนใจสิ่งใดเป็นครั้งที่สอง
สองเดือนหลังจากนี้…
สองเดือนในช่วงที่ต้องเซ็นสัญญา หากเธอไม่ได้หักหลังเขา ไม่ทำร้ายเขา เขาคงเชื่อในสิ่งที่เธอพูดสินะ
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อแค่เบี่ยงหน้าหันไปนอกหน้าต่างเพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางความมืดมัว
ในระยะจำกัดสองเดือน กระทรวงความมั่นคงกับเย่เซียว คล้ายว่าเธอ…ต้องหักหลังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ดี…
เธอหันมามองเย่เซียวอีกครั้งด้วยแววตาล้ำลึกราวกับจะจดจำผู้ชายคนนี้ให้ฝังลึกเข้าไปในตา ฝังเข้าไปในใจ…
ราวกับรู้สึกถึงสายตาของเธอเย่เซียวถึงได้หันหน้ามาจับสายตาเธอได้คาหนังคาเขา เธอสะดุ้งไม่ทันเบี่ยงตาหลบหนี ได้ยินเขาพูดเพียง “หลังจากนี้ไปยาพวกนั้นห้ามกินอีก!”
เป็นน้ำเสียงออกคำสั่ง
ไม่เปิดโอกาสให้เจรจา
“ยาอะไร?”
“อย่ามาทำเฉไฉ!” เย่เซียวมุ่นคิ้ว “ผมจะหาจิตแพทย์มาให้คุณ ยาพวกนั้นคืนนี้กลับไปก็ทิ้งให้หมด!ห้ามเหลือแม้แต่เม็ดเดียว!”
เขาจะช่วยเธอทิ้งเองกับมือ!
ไป๋ซู่เย่กลับไม่รู้สึกเหนือคาดที่เขารับรู้เรื่องที่เธอทานยาไป ในเมื่อรู้ว่าเธอแท้งเองย่อมต้องสืบเสาะหาสาเหตุที่เธอแท้ง
ดังนั้น…
ที่ให้เธอตรวจสุขภาพชุดใหญ่แต่เช้าตรู่ก็เพราะสาเหตุนี้…
เป็นห่วงว่ายาเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายเธอหรือ?
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ความหม่นหมองที่สุมอยู่ในใจของไป๋ซู่เย่ก็หายไปบ้าง อดหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร?” สีหน้าเขาแย่มาก นี่มันเวลาไหนแล้วเธอยังหัวเราะออกมาได้ ไม่รู้หนักเบา?
“เย่เซียว คุณไล่ฉันไปแล้วยังจะมาสนใจว่าฉันทานยาอะไรอีก ไม่ย้อนแย้งเหรอ?” เธอใช้มือเดียวเท้าคางกับที่วางแขนตรงช่องเก็บของระหว่างสองที่นั่งเล็กๆ หันหน้าไปทางเขา “ถ้าฉันกลับประเทศไป ทานเยอะแค่ไหนคุณก็ไม่รู้”
“ฉะนั้นช่วงนี้ทางที่ดีคุณก็อยู่เมืองเยียวไป อย่าคิดจะไปไหน”
“แต่เมื่อกี้คุณยังไล่ฉันไปอยู่เลยนะ” ว่ากันว่าผู้หญิงเปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้กลับเป็นเขาเย่เซียวที่เปลี่ยนสีหน้าที่เปลี่ยนไปแล้วสองครั้งในพริบตาเดียว
เย่เซียวหันข้างมามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยสัญญาณตักเตือน “ในเมืองเยียว คุณกล้ากลืนลงไปสักเม็ดดูสิ!”
ไป๋ซู่เย่ได้แต่นั่งมองท่าทางก้าวร้าวเอาแต่ใจของเขา หัวใจที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกขมขื่นเริ่มหวานขึ้นมานิดๆ
เธอจ้องมองเย่เซียว
ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกว่ายิ่งอยู่ยิ่งห่างจากเขามากขึ้น ตอนนี้กลับพบว่า…พวกเขากำลังเริ่มเลื่อนระยะเข้ามาใกล้ช้าๆ อีกครั้ง…
แม้ว่าความใกล้ชิดนี้จะไม่สามารถคาดเดาถึงอนาคตได้ บางที…ระหว่างพวกเขาอาจเหลือเวลาเพียงแค่สองเดือน…
นึกถึงนี่ก็ปวดแปลบในใจ ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะไม่ให้ตัวเองคิดไปไกล
อย่างน้อยในเวลานี้เธอยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต
……………………
เย่เซียวขับรถมาถึงหน้าประตูโรงแรมเรือใบ จอดรถแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุดเป็นเพื่อนเธอ
ไม่แม้แต่ถามความยินยอมของเธอก็เดินตรงดิ่งเข้าห้องเธอ ก้าวขายาวไปทางห้องนอน
เขากวาดสายตามองห้องนอนทีหนึ่งซึ่งไม่เจอสิ่งที่เขาต้องการเลยจัดการเปิดกล่องยาที่ทางโรมแรมเตรียมไว้ให้ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดว่ายาเหล่านั้นของเธอล้วนเก็บไว้ในกล่องยานี้
อีกทั้งข้างในมีตั้งหลายขวด
เย่เซียวมองแล้วรู้สึกเหมือนมีไฟนิรนามผุดขึ้นมากลางอก หันไปถลึงตาดุดันใส่เธอที่เดินตามเข้ามา “เอามาเยอะขนาดนี้ ทำไม คิดจะกินให้ตายไปเลยหรือไง?”
“…” ตอนที่เย่เซียวดุขึ้นมามันน่ากลัวมาก ไป๋ซู่เย่ได้แต่หุบปากไม่กล้าตอบ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งโกรธ
เขาหยิบขวดยาสับเท้าเดินไปที่ห้องน้ำ
เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็เทยาจำนวนหลายขวดใส่ชักโครก
ไป๋ซู่เย่เดินตามหลังพลางหยิบยานอนหลับหนึ่งขวดเงียบๆ เย่เซียวตวัดตาคมไปทันที “เอามา!”
เธอถอนหายใจ“ถ้านอนไม่หลับ ตอนกลางคืนจะทรมานมาก”
“เมื่อคืนผมเห็นคุณนอนหลับสบายดี ไม่เห็นทรมานอะไร”
ไป๋ซู่เย่กำขวดยาในมือแน่น
ใช่สิ เมื่อคืนเธอหลับสนิทดี นั่นเป็นเพราะว่า…มีเขาอยู่เคียงข้าง
ความจริงมีคนบางกลุ่มที่เป็นดั่งยารักษา มีผลยิ่งกว่าเม็ดยาพวกนี้อีก
สุดท้ายภายใต้สายตากดดันของเย่เซียว เธอจำเป็นต้องเอายาให้เขา เย่เซียวเทใส่ชักโครกไม่เหลือสักเม็ดแถมไม่ลืมพูดทิ้งท้ายเป็นการเตือนว่า “อย่าคิดจะหาซื้อยาพวกนี้ในเมืองเยียว ไม่มีใครกล้าขายให้คุณ!”
…………………………