อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 766 ครอบครัวอบอุ่น(2)
ก่อนที่น่าหลันจะเสียชีวิตเคยบอกเธอว่าเย่เซียวไม่เคยแตะต้องตัวเธอ นี่หมายความว่า…ความจริงพวกเขาสองคนไม่เคยมีความสัมพันธ์ในเชิงนั้นใช่ไหม?
ไป๋ซู่เย่เพิ่งสังเกตว่าที่จริงแล้วตัวเองค่อนข้างสนใจคำถามนี้ แค่นึกถึงก็เหมือนมีหนามยอกอยู่ตรงอก อัดอั้นตันใจ รู้สึกไม่ดีเท่าไร
เธอไม่อยากให้ตัวเองคิดเหลวไหลอีก ลุกจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหนังสือเขา บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสารต่างๆ
เธอค้นดูผ่านๆ จนกระทั่งนึกถึงภารกิจตัวเองขึ้นกะทันหัน—สัญญาเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาที่เตรียมไว้สำหรับอีกสองประเทศหรือเปล่า หากเขาเตรียมสัญญาไว้แล้ว เวลาในการเซ็นสัญญามีแต่จะกระชั้นชิดมากขึ้น
แต่สัญญาที่สำคัญมากขนาดนั้น เกรงว่าเขาคงไม่วางไว้ในที่ที่สะดุดตาง่ายเช่นนี้
ไป๋ซู่เย่เผลอเปิดลิ้นชักข้างใต้เล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ไม่ได้ล่วงล้ำไปมากกว่านั้น หากเย่เซียวรู้ว่าเธอเข้ามาในห้องเขา แตะต้องของของเขา กลัวว่า…
เขาคงเสียใจอีกแล้วสินะ?
สุดท้ายเธอก็ทำใจให้เขาเสียใจไม่ลง
สูดหายใจเข้าลึกๆ ปิดลิ้นชักที่เปิดออกลง แต่ก่อนที่จะปิดสายตาสะดุดกับบางสิ่ง
รูปถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วปรากฎในสายตาเธอ
เพียงแวบเดียวเธอก็จำได้ว่านั่นเคยเห็นในกระเป๋าเงินเขามาก่อน เป็นรูปถ่ายที่ถูกฉีกขาดก่อนจะถูกนำกลับมาต่อคืน
แต่ว่า…
หน้าบนรูปถ่ายนั่น…เธอชัดๆ…
เธอในวัยสิบแปดปี
ต่อให้น่าหลันจะคล้ายคลึงกับเธอมากขนาดไหน เธอก็ไม่มีวันจำตัวเองผิด
หลายปีผ่านไปขนาดนี้ เย่เซียวกลับยังเก็บรูปถ่ายของตัวเองไว้อีก…
หัวใจสั่นไหวรุนแรง ไป๋ซู่เย่หยิบรูปถ่ายจากลิ้นชักมาดูจนเหม่อลอย พาลนึกไปถึงเมื่อสิบปีก่อนดวงตาก็เริ่มชื้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ความรู้สึกหลากหลายกำลังพลุ่งพล่านในอก…
เย่เซียว…
เธอพึมพำชื่อนี้ในใจอย่างใจสั่น แอบเก็บรูปถ่ายใบเล็กใส่กระเป๋าตัวเอง
——————
หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไปคนรับใช้ขึ้นมาเรียกเธอไปทานข้าว เธอถึงออกมาจากห้องของเย่เซียว
กลิ่นหอมของอาหารคลุ้งไปทั่วห้องอาหาร
แต่เย่เซียวไม่ได้กลับมา
สายตาไป๋ซู่เย่ที่กวาดหาคนโดยรอบนั้นคุณแม่เย่ได้เห็นหมดทุกอย่าง
“ดูฉันสิ ยุ่งจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้โทรหาลูกชายฉัน” คุณแม่เย่ถอดเสื้อกันเปื้อนของตัวเองส่งให้คนรับใช้ไปเดินไปหยิบโทรศัพท์ไปด้วย
ไป๋ซู่เย่ช่วยจัดวางถ้วยชามช้อนส้อมในห้องอาหารแต่กลับได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างนอก
……
ตอนที่คุณแม่เย่โทรมานั้นเย่เซียวกำลังงานยุ่งจนหัวหมุน
“เย่เซียว คืนนี้กลับมาทานข้าวเย็นเถอะ”
เย่เซียวดูเวลาแวบหนึ่งถึงรู้ว่ากี่โมงแล้ว
ตอนนี้เธอทานข้าวเย็นหรือยัง? ทานที่โรงแรมคนเดียวคงไม่เจริญอาหารเท่าไรหรอกสินะ?
“แม่ครับ คืนนี้ผมมีนัด กลับไปทานข้าวที่บ้านไม่ได้ เอาเป็นพรุ่งนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนแม่นะครับ?”
“มีนัด ลูกมีนัดกับใครเหรอ? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“…” เย่เซียวไม่ปริเสียง
คุณแม่เย่กล่าว “ผู้หญิง?”
“…ครับ”
“ก็ได้ งั้นแม่บอกซู่ซู่ว่าคืนนี้ลูกมีนัด แม่ทานกับเธอก่อนไม่รอลูกละนะ”
เย่เซียวชะงัก
จากนั้นรีบถาม “แม่ เมื่อกี้แม่ว่ายังไงนะ? แม่บอกใครนะ?”
“ซู่ซู่ไง คืนนี้ซู่ซู่มาทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนแม่” คุณแม่เย่ว่าถึงนี่ก็ตะโกนเสียงดัง “ซู่ซู่ อาหารเย็นเราไม่ต้องรอเย่เซียวแล้ว คืนนี้เขามีนัดกับ…”
“แม่ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้!”
“อ้าว ไหนลูกว่ามีนัดกับผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่เหรอ?”
ผู้หญิงคนอื่นมาจากไหนอีกล่ะ? ผู้หญิงคนอื่นตอนนี้ก็อยู่บ้านเขานี่ไง!
“ผมวางสายแล้วจะรีบกลับไป” เย่เซียวพูดทิ้งท้ายเพียงประโยคเดียวก็รีบวางสายทันที
คุณแม่เย่ยิ้มส่ายศีรษะ ไม่ต่างจากที่คิดเลยนะว่าเจอคนคอยปราบได้แล้ว
………………
“เย่เซียวไม่กลับมาหรือคะ?” คุณแม่เย่เดินเข้าห้องอาหารไป๋ซู่เย่ก็ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่พอฟังออกถึงความผิดหวัง
คุณแม่เย่ยิ้ม “กลับ กลับอยู่แล้ว ตอนแรกคิดว่าหนูอยู่โรงแรมเลยอยากไปอยู่เป็นเพื่อนหนู พอได้ยินว่าหนูอยู่ที่นี่กับฉันก็ไม่ต้องให้ฉันพูดเยอะ รีบร้องจะกลับมาใหญ่เลย”
ไป๋ซู่เย่ได้ยินก็รู้สึกหวานไปทั้งใจ
คุณแม่เย่เห็นรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งของเธอแล้วก็รู้สึกยินดีในใจไปด้วย เด็กสองคนนี้นี่นะ ทั้งที่ชื่นชอบอีกฝ่ายมากเหมือนกันแท้ๆ ทำไมถึงยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่อยู่ด้วยกันอีกล่ะ?
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินคนรับใช้เข้ามาจากข้างนอก “คุณหญิง น่าจะเสิร์ฟอาหารได้แล้วค่ะ นายน้อยกลับมาแล้ว”
คุณแม่เย่เงยหน้าดูเวลาที “นี่กลับมาแล้วเหรอ? ปกติขับรถไม่เร็วขนาดนี้นะ วันนี้ไวปานจรวดจริงๆ สินะ?”
ไป๋ซู่เย่ได้แต่ยิ้มกล่าว “หนูจัดวางจานอาหารเองค่ะ”
————
เย่เซียวเข้าประตูมาพลางถอดเสื้อตัวนอกวางไว้บนมือคนรับใช้
กวาดมองรอบหนึ่งกลับไม่เจอคนที่เขาอยากเจอ หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันหน่อยๆ หรือว่าคุณแม่โกหกเขาอย่างนั้นหรือ?
“กลับมาแล้วเหรอ” คุณแม่เย่เดินออกมาจากห้องอาหาร “รีบล้างมือเข้ามาทานข้าว รอลูกสักพักหนึ่งแล้ว นานทีจะมีโอกาสทานข้าวเป็นเพื่อนแม่”
“แม่ครับ” เย่เซียวเรียกขานที อยากถามแต่ก็ไม่ได้ถาม
คุณแม่เย่เดาใจเขาออกเลยหยอกเย้าว่า“ทั้งใจก็มัวแต่คิดถึงซู่ซู่สินะ?”
“…” เย่เซียวไม่ตอบรับ ถามเพียง “เธอไม่อยู่ใช่มั้ย?”
“ลองเข้าไปดูเองสิ”
คุณแม่เย่ชี้ไปที่ห้องอาหารเย่เซียวถึงเข้าใจก่อนจะก้าวขายาวไปที่ห้องอาหาร ในห้องอาหารเธอกำลังตั้งใจจัดวางจานกับข้าวที่ในมือยกถ้วยน้ำซุปร้อนเต็มถ้วยอยู่
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงหน้าประตู เธอยิ้มกว้างเมื่อเงยหน้าเห็นเขา “คุณกลับมาแล้วเหรอ?”
เย่เซียวมองเธออย่างจดจ่อ มองรอยยิ้มของเธอจนเผลอสติหลุดลอยไปชั่วครู่
เขาเคยจินตนาการถึงฉากนี้—หลังเขากลับจากที่ทำงานเธอที่ทำงานทุกอย่างเสร็จก็อยู่ต้อนรับเขาที่บ้านด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เขาเป็นสามี เธอเป็นภรรยา หากระหว่างเขามีลูกได้สักคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็จะพอดี…
เขาไม่ร้องขออะไรมาก
แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่ยากเกินความเป็นจริงเช่นกัน
“มัวเหม่ออะไร รีบเข้าไปสิ” คุณแม่เย่เดินตามหลังมาเลยใช้ศอกกระทุ้งเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
เย่เซียวเดินไปช้าๆ มองไป๋ซู่เย่อย่างล้ำลึกแวบหนึ่งก่อนจะช่วยยกน้ำซุปไปจากมือเธอ
ไป๋ซู่เย่พูดเตือน“ระวังร้อนนะ”
เย่เซียวมองเธออีกทีแล้ววางน้ำซุปลงบนโต๊ะ เธอหันกลับไปยกจานกับข้าวอย่างอื่นอีกโดยมีเย่เซียวคอยช่วยข้างๆ
“ซู่ซู่ ที่เหลือให้เย่เซียวทำเถอะ หนูนั่งลงก่อน” คุณแม่เย่ดึงแขนไป๋ซู่เย่ให้นั่งลงข้างโต๊ะ ยิ้มมองเย่เซียวที “ปกติเย่เซียวไม่ทำเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่อยู่กับหนูเขาก็อยากโชว์สักหน่อย หนูให้เขาได้โชว์ก็พอ”
ไป๋ซู่เย่ก็มองไปทางเย่เซียวเช่นกัน เดิมทีเย่เซียวไม่ได้มีสีหน้าใดๆ แต่พอได้สบสายตาเข้ากับสายตาที่มองมาของเธอนั้นแววตาก็อ่อนโยนลงมากในพริบตา
แววตาไป๋ซู่เย่ก็เริ่มแฝงด้วยความอ่อนโยนไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว
หัวใจเธอเต้นระรัวรีบเบนสายตาหนี กล่าวกับคุณแม่เย่ “ก่อนหน้านี้หนูเคยชิมอาหารฝีมือเย่เซียว กับเรื่องพวกนี้ความจริงเขาก็คล่องดีนะคะ”
……………………