อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 767 ครอบครัวอบอุ่น(3)
คุณแม่เย่ตะลึง “เย่เซียวทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? นี่ฉันไม่รู้จริงๆ นะเนี่ย”
“คราวหน้าถ้าแม่อยากทาน ผมจะทำให้ทาน” เย่เซียวเองก็นั่งลงข้างไป๋ซู่เย่
“ได้ คราวหน้าตอนที่ลูกทำให้แม่ทานก็ให้ซู่ซู่มาช่วย พวกลูกสองคนทำด้วยกันรสชาติต้องดีมากแน่ๆ”
ความหมายคำพูดนี้ของคุณแม่เย่ชัดเจนมากว่าเป็นคำเชื้อเชิญ เย่เซียวหยิบตะเกียบขึ้นมาหยุดชะงักกึก หันข้างเหลือบมองไป๋ซู่เย่ เขาไม่ได้ตอบแต่สายตากำลังขอความเห็นเธออย่างเห็นได้ชัด
ไป๋ซู่เย่รู้สึกถึงสายตาเขาเลยหันหน้ามาสบตาเขา แสร้งทำเป็นแกล้งถาม “เย่เซียว คุณต้องการให้ฉันมาช่วยมั้ย?”
“คุณว่ายังไงล่ะ?” เขายังคงสีหน้ามาดเท่ คีบผักใส่ถ้วยเธอเงียบๆ
ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะ “ฉันไม่รู้นี่นา คราวก่อนคุณทำคนเดียวก็ไหวอยู่ ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
ผู้หญิงคนนี้!
จงใจอย่างนั้นหรือ?
เย่เซียวหลุบตาจ้องเธอแวบหนึ่ง “ถ้าคุณไม่อยากมาก็ช่างเถอะ”
“…” ไป๋ซู่เย่พอจะคาดเดาได้ว่าเขาต้องตอบแบบนี้
“เย่เซียว ลูกพูดยังไงน่ะ? กับผู้หญิงพูดแบบนี้ได้ยังไง!ซู่ซู่ เขาน่ะนิสัยแบบนี้แหละ ไม่รู้จักเอาใจเด็กผู้หญิง ฉะนั้นหนูอย่าถือสาเขาเลยนะ ความจริง ใจเขาอยากให้หนูมาจะตายไป!” คุณแม่เย่รีบพูดแทรก กลัวว่าเด็กสองคนนี้จะทะเลาะกันอีก
“แม่ครับ ใครบอกว่าผมอยาก?”
“ลูกอยากหรือไม่อยากใจลูกรู้ดีที่สุด โกหกซู่ซู่ได้แต่โกหกแม่ไม่ได้หรอก”
ทีนี้เย่เซียวกลับไม่พูดโต้กลับอีก หันข้างปรายตามองเธอแวบหนึ่งและได้รับรอยยิ้มจากเธอกะทันหันพาลทำให้ใจสั่นไหวอย่างหนักจนทุกคำที่คิดจะโต้กลับไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ สุดท้ายได้แต่ตอบเสียงจืดจาง “ทานข้าว”
“อืม” ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับ คีบอาหารให้คุณแม่เย่ก่อนคีบเนื้อไก่สองชิ้นให้เย่เซียว “คุณทานเยอะๆ หน่อย คุณป้าบอกว่าก่อนหน้านี้คุณไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่ ทานค่อนข้างน้อย”
“อืม” เย่เซียวไม่ได้ปฏิเสธ
กับข้าวที่เธอคีบให้ตัวเอง พอใส่ปากรู้สึกว่ารสชาติดีผิดปกติ
“คราวหลังถ้าหนูมาบ่อยๆ เขาจะต้องเจริญอาหารมากกว่าเวลาไหนๆ แน่นอน” คุณแม่เย่ตอบแทน
เย่เซียวมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่งและไม่ได้ปฏิเสธอย่างที่คิด เธอยิ้ม ซึ่งความจริงกลับหวานชื่นในใจมากกว่า
มื้ออาหารดำเนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย ทั้งสามคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ โดยมีแสงไฟอบอุ่นครอบคลุมอยู่เพิ่มความอบอุ่นให้แก่บรรยากาศ
เย่เซียวชอบความรู้สึกแบบนี้
อดีตมีเพียงเขากับคุณแม่ที่ปกติเขาพูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลาทานอาหารส่วนใหญ่เลยมักเงียบ บางครั้งมีพ่อบุญธรรมมาแต่เรื่องที่คุยกันส่วนมากก็เป็นเรื่องงาน ทำให้บรรยากาศยิ่งหม่นลงมากกว่าเดิม
ไม่เหมือนคืนนี้
ระหว่างคุณแม่กับเธอมีเรื่องให้คุยมากมาย ทั้งคู่ต่างผ่อนคลาย สนุกสนาน เสียงหัวเราะที่สร้างความสุขแก่คนได้ยิน
ภาพนี้เห็นแล้วให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ…
ครอบครัวเดียวกัน…
ใจเย่เซียวผุดคำนี้ขึ้นมาตามด้วยใจที่สั่นไหว จากนั้นพอดึงสติกลับมาได้ก็ทำให้เขาไม่กล้าคิดลึกไปกว่านี้
กลัวเวลาที่คาดหวังมากเกินไป สิ่งที่ตอบแทนกลับมาจะมีเพียงความผิดหวัง ความรู้สึกแบบนั้นมันแย่มากยิ่งกว่าสิ่งใด
………………
หลังมื้ออาหารคนรับใช้กำลังเก็บโต๊ะ
คุณแม่เย่ใจคิดแต่จะจับคู่ให้พวกเขาเลยหนีไปยังเรือนหลักที่เธอพักอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจากไปไม่ลืมสั่งท้ายพวกเขาว่า “ซู่ซู่จ๊ะ หนูอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยนะอย่าเพิ่งรีบกลับ ค่ำๆ ให้เย่เซียวไปส่งหนู ถ้ารู้สึกเหนื่อยก็ค้างคืนเลย ยังไงห้องก็มีเยอะ”
“ค่ะคุณป้า วันนี้รบกวนคุณป้ามากแล้ว ไว้เจอกันคราวหน้าค่ะ”
“ไม่รบกวนเลย หนูมาได้ฉันดีใจที่สุด” คุณแม่เย่จากไปพร้อมรอยยิ้ม
ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างนอกและยืนส่งเธอกลับไป เพิ่งหันมาสบตากันแวบเดียวเย่เซียวชิงพูดก่อน “เข้ามา ข้างนอกหนาว”
“อ่า”
ไป๋ซู่เย่รับคำรีบตามเข้าไป
เย่เซียวมุ่นคิ้วกวาดมองเธอจากบนลงล่าง “ทำไมคุณใส่เสื้อบางขนาดนี้?”
วันนี้อุณหภูมิของเมืองเยียวแค่ 3 องศา หนาวมากแต่เธอกลับใส่แค่เสื้อเชิ้ตกับเสื้อโค้ทตัวเดียว
“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็อยู่แต่ในบ้าน ไม่หนาวเท่าไหร่หรอก”
“คุณเอาเสื้อหนาๆ ตัวอื่นมามั้ย?”
เธอส่ายศีรษะ “คิดว่ายังไงก็ไม่ได้ใช้ ในโรงแรมก็เป็นอุณหภูมิปกติ”
“หรือว่าระหว่างนี้คุณคิดแต่จะอยู่ในโรงแรม? ไม่เบื่อเหรอ?”
เวลาสองเดือนความจริงผ่านไปเร็วมาก เวลาที่เหลืออยู่อีกแค่ไม่ถึงห้าสิบกว่าวันเท่านั้น ไป๋ซู่เย่นึกถึงอนาคตที่คาดไม่ได้หลังห้าสิบวันต่อจากนี้ก็รู้สึกหม่นหมองในใจ เธอแย้มปากยิ้ม “ในเมืองเยียวฉันรู้จักแค่คุณ ดังนั้นก็เหมือนว่าจะอยู่ได้แต่ที่โรงแรม”
เย่เซียวมองเธอทั้งตัวอย่างตั้งใจ
อยากถามบางอย่างแต่ก็ไม่ได้ถาม
ไม่ผิด ในเมืองเยียวเธอรู้จักแค่ตัวเอง แต่เธอกลับคิดจะอยู่ที่นี่ถึงห้าสิบวันหลังจากนี้ หากไม่ใช่เพราะสัญญาสองฉบับนั่นแล้วจะอยู่เพื่ออะไร?
สุดท้ายเย่เซียวไม่อยากพูดเปิดโปงที่ความจริงหลายเรื่องพวกเขารู้อยู่แก่ใจ
“คุณอยากนั่งต่ออีกสักหน่อยหรือจะให้ผมไปส่งคุณกลับโรงแรมตอนนี้เลย?” เย่เซียวดึงสติกลับมาพลางถามความคิดเห็นของเธอ
ไป๋ซู่เย่เกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
แต่ในเมื่อเย่เซียวถามถึงขนาดนี้แล้วเธอก็หาข้ออ้างที่จะอยู่ต่อไม่ได้
“งั้น…คุณส่งฉันกลับไปเถอะ”
เย่เซียวขมวดคิ้วทีสุดท้ายกล่าวเพียง “ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อก่อน”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ แค่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้นแล้วหยักหน้ารับ
เย่เซียวเดินขึ้นบันไดไป
ท่าทางจะโกรธอยู่เลยกระแทกเท้าเสียงดัง
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ที่ห้องโถงคอยมองแผ่นหลังเขา อยากพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
ไม่นาน…
เย่เซียวที่เดินเข้าห้องออกมาอีกครั้ง
ยืนอยู่ชั้นบนมองเธอด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไร “คุณเข้าห้องผม?”
“…” สีหน้าเขาเรียกให้หัวใจไป๋ซู่เย่หล่นตุบ เขาโกรธจนได้
“คุณขึ้นมา!” เย่เซียวบอกเธอสั้นๆ แค่นี้พลางหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจลึกๆ ย่ำเท้าเดินขึ้นไปชั้นบนช้าๆ
“ปิดประตู” เย่เซียวยืนอยู่ด้านในโดยหันหลังให้เธอ
ไป๋ซู่เย่พรูลมหายใจอย่างหนักอึ้ง ก่อนที่เขาจะซักถามชิงเอ่ยก่อน “ฉันเคยเข้ามาดูห้องคุณจริงๆ แต่…ฉันไม่ได้แตะต้องของสำคัญบนโต๊ะคุณเลย เอกสารพวกนั้นของคุณ…บอกตามตรงว่าฉันอยากดูจริงๆ แต่สุดท้ายฉันไม่ได้ดู”
เย่เซียวหมุนตัวกลับมาแบมือ “คืนผมมา”
ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้วเล็กน้อย “ฉันไม่ได้หยิบไป”
“เร็ว อย่าให้ผมต้องค้นตัว”
ไป๋ซู่เย่ถลึงตาใส่เขาอย่างนึกน้อยใจ ความรู้สึกที่ถูกเข้าใจผิดมันแย่มากจริงๆ “ฉันอธิบายไปแล้ว คุณไม่เชื่อก็ไปดูกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในห้องคุณได้”
เธอพูดจบเตรียมหันหลังเดินออกจากห้อง
แต่เพิ่งเดินไปได้ก้าวเดียวถูกคว้าข้อมือไว้ เธอหมุนตัวมาก่อนถูกเย่เซียวรั้งเข้าอ้อมแขน สบสายตานิ่งของเขา “รูปล่ะ?”
………………………