อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 769 มีความรัก(2)
ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะรัว น้ำตาไหลพรากมากกว่าเดิม ความเจ็บปวดที่ราวกับจมอยู่ในความมืดมนทุกวันนั้นเธอเคยผ่านมันด้วยตัวเองมาก่อน แล้วจะทำใจให้เขาแบกรับได้อย่างไรไหว?
“เย่เซียว ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ…ฉันหวังอยากเห็นคุณมีความสุขมากกว่าใคร…”
เย่เซียวตาวาว จากนั้นประทับจูบริมฝีปากเธออย่างแรงโดยที่บนปากเธอยังปนด้วยน้ำตา ปลายลิ้นของเขาสัมผัสโดนพลางรู้สึกเจ็บไปถึงหัวใจ
เป็นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจของเขาในเวลานี้…
เขาจูบรุนแรงและใจร้อนไม่ได้ทะนุถนอมแต่อย่างใดจนเธอเริ่มเจ็บตรงปาก แต่เธอกลับไม่ผลักเขาออก ทำใจผลักเขาไม่ได้ ยิ่งทำใจขืนจากจูบเขาไม่ได้…
กลับยกสองแขนโอบลำคอเขาไว้ เชิดหน้าคล้ายเชื้อเชิญให้เขาจูบหนักหน่วงกว่าเดิม…
“บอกผมมาว่ายังจะไปอยู่มั้ย?” เย่เซียวผละจากเธอขณะกำลังจูบอยู่ มือใหญ่จับปลายคางเธอ เขาต้องการคำยืนยันจากเธอโดยด่วน “จะมีวันหนึ่งที่คุณไปจากผมอีกมั้ย?”
“ไม่แล้ว…ขอแค่คุณไม่ไล่ฉันไป ฉันจะไม่ไปจากคุณ…” ไป๋ซู่เย่พึมพำ ดวงตามีน้ำใสบางๆ เอ่อคลอ มองเขาด้วยแววตาล้ำลึก “เย่เซียว ถ้ามีวันหนึ่งฉันไปจากคุณอีกครั้ง ฉันยอมตายต่อหน้าคุณ…”
ประโยคสุดท้ายสร้างความสะท้านแก่เย่เซียวอย่างแรง
เขากัดริมฝีปากเธอแรงๆ ทีหนึ่ง ที่ต่อให้ทำเช่นนี้แล้วยังยากจะปลอบประโลมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจเขา กัดฟันพูด “คุณกล้าตายเหรอ!ไป๋ซู่เย่ ถ้าคุณกล้าตาย ผมจะลอกเส้นเอ็นคุณออกมาแล้วดื่มเลือดคุณ!”
เธอหัวเราะทั้งน้ำตา“เย่เซียว คุณโหดร้ายเกินไปแล้ว…ถึงตอนนั้นคิดจะข่มขืนศพด้วยหรือเปล่าเนี่ย?”
เธอยังหัวเราะได้อีก!
เย่เซียวใช้สายตาเย็นชามองเธอแล้วกัดฟันกรอด“ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่จะข่มขืนศพ แต่จะข่มขืนคุณด้วย!”
เธอหลุดเสียงร้องเบาๆ ทีหนึ่งจากนั้นก็ถูกเขาช้อนตัวทันที โยนใส่เตียงใหญ่แสนนุ่มด้านหลัง ไป๋ซู่เย่ยังไม่ทันไหวตัวทันร่างสูงใหญ่ก็พุ่งเข้ามา ตัวเธอถูกชายหนุ่มที่กำลังเดือดพล่านคร่อมทับไว้ทั้งตัว
สองมือเขายันไว้สองข้างลำตัวเธอ แสงไฟสว่างจ้าตกกระทบบริเวณเหนือศีรษะ เงาของเขาพาดลงมาดั่งผืนฟ้า
ทั้งสองคนจ้องมองกันและกันด้วยสายตาลึกซึ้ง หลังผ่านไปชั่วครู่เดียวกลับมาแลกจูบกันเหนียวแน่น ร่างกายเธอเย็นเฉียบ เย่เซียวกอดเธอไว้ในอ้อมแขนไม่ห่างเพื่อต้องการถ่ายทอดความอุ่นจากร่างกายให้เธอ
ซึ่งความจริงแล้ว…
ตัวเขาไม่เย็นเสียที่ไหนกันล่ะ? แต่ไหนแต่ไรที่เขาอาศัยเธอในการหาความอบอุ่น…
มือของไป๋ซู่เย่สอดเข้าใต้เสื้อไหมพรมบนตัวเขา ลูบไล้ตลอดตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงแผ่นหลัง กล่าวอย่างปวดใจ “เย่เซียว คุณผอมลง…”
เย่เซียวกอดเธอยังรู้สึกได้ว่าเธอผอมลงมากกว่าตัวเองเสียอีก จะไม่ผอมได้อย่างไร? ทั้งยานอนหลับ ทั้งยาต้านโรคซึมเศร้า เธอทนมานตัวเองมาโดยตลอด!
เย่เซียวยกตัวเธอขึ้นมาให้นั่งบนหน้าขาตัวเอง ริมฝีปากขบกัดหูของเธอ แนบชิดข้างหูเธอพึมพำ “จากนี้ไปทานข้าวให้ดี!ห้ามผอมไปกว่านี้แล้ว!”
ไป๋ซู่ย่ถูกมือเขาเล่นจนตัวหมดแรงอ่อนยวบและสั่นสะท้าน
มือกระชากเสื้อไหมพรมเขาถึงจะทรงตัวไหว ประโยคที่เอ่ยออกมาขาดห้วง “งั้นคุณ…ก็เหมือนกัน…ทานข้าวดีๆ…ดูแลตัวเองหน่อย…”
“ได้ คุณอยู่เป็นเพื่อนผม” นิ้วเขาลูบไล้ระหว่างเอวเธอแผ่วเบา
แก้มไป๋ซู่เย่แต้มสีระเรื่อจางๆ เบี่ยงหน้าไปโผล่ฟันขาวสะอาดกัดปากเขาเบาๆ “ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณได้…แต่ ถ้าพ่อบุญธรรมคุณรู้ว่าเราสองคน…ฉันกลัวจะทำให้คุณลำบากใจ…”
“รอท่านกลับมา คุณไปพบท่านกับผม”
ไป๋ซู่เย่เบิกตากว้างมองเขา “คุณพูดจริงเหรอ?”
“ผมไม่ใช่คุณ ผมไม่เคยโกหกคุณ”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ แค่ซบหน้าตรงลาดไหล่เย่เซียว ประโยคนี้ทำเอาเธอไม่สามารถโต้กลับได้ เรื่องเมื่อสิบปีก่อนอย่างไรดีเย่เซียวก็ยังยากที่จะลืมเลือน นั่นสิ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ใครเล่าจะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนได้?
เย่เซียวทำไม่ได้ หยูอันทำไม่ได้ พี่น้องยี่สิบห้าชีวิตที่สูญเสียไปทำไม่ได้ แม้แต่เธอ…ยังไม่เคยลืมได้…
ติดอยู่ในใจเสมอมา ภายนอกดูคล้ายจะหายดีแต่ข้างในกลับยังเป็นแผลเหวอะหวะ…
“เย่เซียว ถ้าฉันบอกว่า ต่อจากนี้ไป…ฉันจะไม่โกหกคุณอีก…คุณยอมเชื่อมั้ย?”
ดวงตาล้ำลึกของเย่เซียววูบไหวหลายที
เขามองเธออย่างลึกซึ้งราวกับกำลังชั่งใจในการวัดความน่าเชื่อประโยคนี้ของเธอ
“พอแล้ว ฉันรู้คำตอบคุณแล้ว…” ไป๋ซู่เย่ยิ้มอย่างระอาทีหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “คุณไม่ต้องตอบแล้ว ฉันไม่อยากฟัง”
เย่เซียวเกี่ยวผมที่ยุ่งเหยิงตรงข้างแก้มของเธอไว้ด้านหลัง “ ‘ต่อจากนี้ไป’ ของคุณหมายถึงตั้งแต่ตอนนี้ไปอีกกี่ปี?”
ไป๋ซู่เย่พลั้งปากออกมา “แน่นอนว่าทุกปีต่อจากนี้ ตั้งแต่ตอนนี้ไป กระทั่งจนฉันตาย”
“งั้นก็ตลอดชีวิตของคุณ” เย่เซียวเน้นเสียงหนักตรง ‘ตลอดชีวิต’ “ถ้าอยากให้ผมเชื่อคุณ งั้นก็ใช้ตลอดชีวิตของคุณมาพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าประโยคนี้ของคุณมันน่าเชื่อหรือเปล่า”
ไป๋ซู่เย่ใจสั่นไหวเพียงเพราะคำนั้น
ทุกอารมณ์พุ่งพรวดขึ้นมาและพุ่งชนหัวใจเธอ เพียงครู่เดียวตาเธอแดงก่ำ ในใจทั้งปวดหนึบทั้งรู้สึกร้อนผ่าว
สิบปีก่อนเธอเคยจินตนาการถึงตลอดชีวิต แต่นั่นเป็นเพียงความฝัน
สิบปีหลัง…
พวกเขา จะมีตลอดชีวิตด้วยกันจริงๆ หรือ?
เธอไม่รู้ เธอรู้แค่ว่าเธออยากมีมากเหลือเกิน…
ระหว่างพวกเขาได้คลาดกันไปสิบปี หากคลาดกันไปอีก เธอรู้ว่า นั่นหมายถึงตลอดชีวิต…
เธอไม่ตอบ แค่โอบลำคอเขา มอบจูบให้เขาด้วยตัวเอง
ทั้งคู่กกกอดจูบดูดดื่มบนเตียง
ไม่นาน…
ตัวเปลือยเปล่าทั้งคู่
กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มไป๋ซู่เย่ที่มีสติขึ้นมาเล็กน้อยพลางกล่าวเตือนด้วยเสียงกระเส่า “เย่เซียว…อันนั้น…ถุงยางอนามัย…ที่บ้านมีมั้ย?”
สุขภาพในตอนนี้เธอโทรมนักบวกกับเพิ่งแท้งมา แน่นอนว่าจะท้องไม่ได้อีก
เย่เซียวสบถหยาบทีหนึ่ง “ที่บ้านจะมีของวุ่นวายแบบนั้นได้ยังไง?”
ไป๋ซู่เย่นึกบางอย่างขึ้นได้เลยมุดออกจากวงแขนเขา กล่าวเสียงนิ่ง “หรือว่า เมื่อก่อนตอนที่คุณอยู่กับน่าหลัน…ไม่เคยป้องกันเลยเหรอ?”
“ใช่ ไม่เคยป้องกัน” เย่เซียวตอบ
ไป๋ซู่เย่หมุนตัวกลับมาจ้องเย่เซียวอย่างคาดโทษ “คุณว่าอะไรนะ?”
“ไม่เคยป้องกัน” เย่เซียวพูดย้ำอีกที
ไป๋ซู่เย่โกรธจนเลิกผ้าห่มออกแล้วไปหยิบเสื้อตัวเอง “เตียงนี้น่าหลันก็เคยนอนแล้วสินะ? นี่ฉันกลับมานอนกับคุณตรงนี้…”
เธอพูดต่อไม่ได้
ทันใดนั้นเองพาลนึกไปถึงเรื่องอื่น
“ห้องที่ดูพลุดอกไม้ไฟ คุณน่าจะไปกับน่าหลันบ่อยๆ สินะ? ก็ใช่หรอก ที่โรแมนติกขนาดนั้น ไม่มีเหตุผลไม่แบ่งปันให้แฟนสาว ไม่สิ คู่หมั้น” เธอยิ่งพูดยิ่งน้อยใจ ยิ่งรู้สึกแย่
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านความรักมากมายมักบอกว่าการที่ถือสาเรื่องอดีตของคนรักจะแสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาของตัวเอง แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่มีอดีต มันน่ารำคาญถึงขีดสุดเสียจริง!
……………………