อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 771 มีความรัก(4)
ไป๋ซู่เย่ทำเป็นไม่ได้ยิน เธอเชื่อฟังใครเสียที่ไหน?
“ซู่ซู่!หันหน้ามา เร็ว!”
“ทำไมฉันต้องทำล่ะ?” ไป๋ซู่เย่ไม่ยอม ได้แต่พูดต่อหน้ากระจก
เย่เซียวมือหนึ่งกำพวงมาลัย อีกมือส่งไปจับหน้าเธอให้หันมา เธอกัดนิ้วเขาอย่างไม่พอใจซึ่งเย่เซียวเองก็ไม่ได้หลบ หรี่ตาลง “ผมพบว่านิสัยคุณไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว ยังขี้โมโหและชอบดื้อเหมือนเดิม”
ทำไมถึงกลายเป็นความผิดของเธอล่ะ? ทั้งที่เขาไม่อนุญาตให้เธอยิ้มก่อนแท้ๆ อีกอย่างเธอดื้อตั้งแต่เมื่อไร? นี่เธอกำลังโกรธไปตามที่ควร ไม่ว่าใครก็มีหัวใจนะ
ไป๋ซู่เย่แสร้งยิ้ม “แต่คุณน่ารำคาญกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย เมื่อก่อนต่อให้คุณเอาแต่ใจมากขนาดไหนก็ไม่เคยห้ามไม่ให้ฉันยิ้มให้คุณ”
เย่เซียวมองเธอนิ่ง “คุณจะยิ้มให้ผมก็ได้ แต่ถ้าผมอดใจไม่ไหวแล้วทำอะไรคุณในรถ คุณรับผิดชอบเองแล้วกัน!”
“…” หัวไป๋ซู่เย่ไม่ทันประมวลผล
“ยิ้มของคุณก็หมายถึงกำลังยั่วผมอยู่!”
“…” เธอที่เข้าใจเลยรู้สึกขบขัน “เย่เซียว คุณ…คุณยั่วติดง่ายเกินไปหรือเปล่า?”
เขาแค่นเสียง “ถ้ารู้ว่าผมยั่วติดง่ายแล้วก็อยู่นิ่งๆ!”
ไป๋ซู่เย่กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่สุดท้ายแล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เย่เซียวหันข้างมามองเธอด้วยแววตาล้ำลึกกว่าเดิมมาก เขาไม่ทันสังเกตว่ามุมปากเขายกยิ้มตามหน่อยๆ
บรรยากาศเย็นยะเยือกภายในรถเมื่อสักครู่มลายหายไปไม่เห็นร่องรอยในพริบตา
สิ่งที่เข้ามาแทนที่เป็นความอบอุ่นที่โอบล้อมกันและกัน คลอเคล้าไปมาจนทำให้บรรยากาศดูคลุมเครือ…
………………
“เย่เซียว คุณจอดรถหน่อย”
“ทำไม?”
“ฉันอยากซื้อพุทราเชื่อม”
“โตขนาดไหนแล้วยังทานของแบบนั้นอีก?” แม้ปากเย่เซียวจะว่าอย่างนั้นแต่ก็เทียบจอดข้างทาง
ไป๋ซู่เย่เปิดประตูลงไป
“คุณผู้หญิง ต้องการแบบไหนดี?” เจ้าของร้านขายพุทราเชื่อมรีบเปิดตู้เก็บสินค้าอย่างกระตือรือร้น ไป๋ซู่เย่ตามหาพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลได้ไม้หนึ่ง “อันนี้แล้วกัน”
“แล้วแฟนหนุ่มของคุณล่ะ? เขาจะทานอันไหน?” เจ้าของร้านถาม
คำว่า‘แฟนหนุ่ม’ สั้นๆ เรียกให้เย่เซียวที่เพิ่งเดินมาแววตาล้ำลึกขึ้น เขามองเธอซึ่งเธอหันมามองเขาพอดี ทั้งคู่ประสานสายตาและภายในใจสั่นไหวอย่างยากจะอธิบาย
ไป๋ซู่เย่ได้สติกลับมา เม้มปากพูดเสียงแผ่ว “เจ้าของร้านถามคุณว่าอยากทานแบบไหน”
ท่ามกลางลมหิมะเย่เซียวขยับร่างสูงใหญ่เข้ามาใกล้กว่าเดิม แขนยาวพาดไหล่เธอพลางโอบเธอมาในอ้อมแขน ตอบเพียง “ซื้อแค่ไม้เดียวพอ ผมจะทานกับคุณ”
ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาที่มีเพียงผ้าบางๆ คอยกั้น ราวกับยังได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงเป็นจังหวะของเขาได้
สภาพอากาศหนาวเย็นแบบนี้เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเย็นสักนิด รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นอายความอบอุ่นของเขา
รอได้สติอีกทีเจ้าของร้านได้ยื่นพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลมาไม้หนึ่ง เธอไม่ขยับตัวใดๆ นิ้วเย่เซียวเลยแตะไหล่เธอเบาๆ “คุณจะทานไม่ใช่เหรอ ยังไม่รีบรับไว้อีก?”
“อ้อ” เธอรีบรับมันไป
เย่เซียวยื่นธนบัตรหนึ่งร้อยให้เจ้าของร้านด้วยท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย กล่าวเพียง “ไม่ต้องทอนแล้ว”
เจ้าของร้านพูดขอบคุณรัว พร้อมบอกไป๋ซู่เย่ว่า “คุณผู้หญิง แฟนหนุ่มของคุณเป็นคนดีจังเลย แววตาดีมากเลย แต่งงานกับผู้ชายก็ต้องแต่งแบบนี้แหละ”
“…” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ แค่เชยตามองเย่เซียวเงียบๆ แวบหนึ่ง
ขณะนี้ความเย็นชากลับหายไปจากหน้าเย่เซียวไม่พบเห็นอีกแล้ว หากเธอไม่ได้ตาฝาด เหมือนจะเห็นดวงตาเปื้อนยิ้มของเขาได้
ไป๋ซู่เย่มองอย่างหลงใหล อดพูดขึ้นไม่ได้“เย่เซียว คุณยิ้มดูดีมาก คุณน่าจะยิ้มเยอะๆ หน่อย”
เย่เซียวก้มลงกัดพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลของเธอหนึ่งคำ “ถ้าใครบางคนไม่ทำให้ผมโกรธทุกวัน ผมคงจะยิ้มออกมาได้”
“คุณไม่ชอบยิ้มเองแท้ๆ กลับมาโทษฉัน” เธอเองก็กัดบนพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลลูกที่เขาเคยกัดไปหนึ่งคำ
อืม หวานมาก
หวานกว่าเวลาไหนๆ
“คุณชอบทานของเด็กน้อยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่เซียวช่วยเปิดประตูรถให้เธอ
“เมื่อก่อนฉันก็ชอบทาน แต่คุณไม่อนุญาตให้ฉันทาน” อดีตเย่เซียวมักบอกว่าของพวกนี้ไม่สะอาดเลยคุมเธอในทุกเรื่อง
พูดถึงอดีตเย่เซียวล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย เขารับคำเสียงในลำคอที “คุณโตแล้ว ตอนนี้ผมคุมคุณไม่อยู่แล้ว”
“…” ถ้อยคำแบบนี้กับบรรยากาศแบบนี้ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าเศร้าหน่อยๆ
อดีตเขาเคยหวังเหลือเกินว่าเธอจะเติบโตอยู่เคียงข้างเขา…
เขาจะปกป้องเธอ ใช้ชีวิตในการปกป้องเธอ
เพียงแต่ผลสุดท้าย…
ไป๋ซู่เย่ใจปวดแปลบ แววตาวูบไหว
“ขึ้นรถ ข้างนอกหนาว” เย่เซียวหลุดจากภวังค์ ไม่อยากนึกถึงเรื่องอดีตอีก อดีตมันผ่านไปแล้ว
เธอกลับเข้าไปนั่งในรถ ขณะที่เย่เซียวกำลังจะปิดประตู เธอยื่นมือกุมมือเย่เซียวไว้ เย่เซียวก้มหน้ามองเธอและเห็นแสงประกายจากดวงตาเธอเล็กน้อย “แล้ว หลังจากนี้คุณจะยอมคุมฉันอยู่อีกมั้ย?”
เย่เซียวใจสั่นอย่างรุนแรง
“คุม!ทำไมไม่คุม?” เขาเอ่ยปาก“คืนนี้คุณทานพุทราเชื่อมอันนี้ผมจะอนุโลมไปก่อน แต่ถ้าคุณยังทานยาพวกนั้นอีก คุณก็ลองดูว่าผมคุมหรือเปล่า!”
ไป๋ซู่เย่หลุดขำคิกคัก
อืม ที่แท้ความรู้สึกที่มีคนคอยคุม มัน…สบายขนาดนี้…
แต่หลังจากนี้หากมีเย่เซียวอยู่ เธออาจไม่ต้องพึ่งยาเหล่านั้นแล้ว
……………………
จากนั้นรถยนต์ก็ถูกขับกลับโรงแรมโดยไม่แวะข้างทางอีก
เธอนั่งเคี้ยวพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลอยู่ข้างๆ อย่างเอร็ดอร่อย เย่เซียวรู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เหมือนอดีตเมื่อสิบปีก่อน และเขาเองก็รู้สึกเหมือนเขากลับไปเป็นตัวเขาเองในเมื่อสิบปีก่อนชั่วขณะ
ช่วงเวลาที่อยู่กับเธอนี้ ความเจ็บปวดที่แบกรับมาตลอดสิบปีราวกับกำลังค่อยๆ ถูกกลบ ถูกหลงลืม…
เขายังคงรักเธอ เสมือนไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อน
…………
เย่เซียวพาเธอขึ้นลิฟต์ส่วนตัวทันที
ประตูลิฟต์เพิ่งปิดตัวลงเขาก็ดันตัวเธอติดกำแพงลิฟต์ ก้มหน้าจูบเธออย่างลึกซึ้ง ตัวไป๋ซู่เย่อ่อนยวบคล้ายจะละลาย รีบคว้าแขนกอดแขนเขาไว้ให้เขากอด
สุดท้ายมาที่ชั้นสูงสุด ถูกเขาอุ้มเข้าห้องไปตลอดทาง
เธอซุกหน้ากับอกเขา ฟังเสียงหัวใจเขาเต้น รู้สึกสงบและอบอุ่น
หลังเย่เซียวมีอะไรกับเธอกลับไม่ยอมถอนตัวจากร่างกายเธอ เพียงแค่กอดเธอจากด้านหลังแนบแน่นโดยมือใหญ่แตะหน้าท้องน้อยเธอไว้
“เย่เซียว คุณอุ้มฉันไปอาบน้ำ ได้มั้ย?”
เธอยังรู้สึกอ่อนยวบไปทั้งตัว น้ำเสียงเองก็อ่อนระทวยคล้ายออดอ้อน
ร่างกายของเย่เซียวเกิดปฏิกิริยาทันทีหลังสิ้นประโยคนี้ของเธอ พอเธออ้อนขึ้นมาทีไรทำเอาเขาไม่อาจต้านทานไหวเสียจริงๆ
“คุณเอาอีกแล้ว…” ไป๋ซู่เย่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อหลบหนีเขา แค่ครั้งเดียวเธอก็ปวดเมื่อยตามตัวแทบไม่ไหว ระหว่างนั้นถูกเขาทำเกือบสลบไปหลายครา เย่เซียวรู้ว่าสุขภาพเธอไม่ดีเลยไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น ได้แต่เลิกผ้าห่มช้อนตัวเธอจากเตียง
เธอเริ่มง่วง นอนซบอกเขาแล้วพึมพำ “เย่เซียว ฉันจะนอนแล้ว…”
เย่เซียวก้มมองเธอด้วยสายตารักใคร่ปนเอ็นดูโดยที่ตัวเองไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ“คุณนอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ?”
………………………