อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 772 รักมาก(1)
เย่เซียวก้มมองเธอด้วยสายตารักใคร่ปนเอ็นดูโดยที่ตัวเองไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ“คุณนอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ก่อหน้านี้นอนไม่หลับ แต่วันนี้น่าจะไม่แล้ว…” เธอพูดเสียงพึมพำ ฝังหน้าลงกับอกเขาลึกกว่าเดิม
ดวงตาเย่เซียวมีแต่ความอ่อนโยน
อ่างอาบน้ำในห้องอาบน้ำ น้ำร้อนระอุปล่อยไอน้ำลอยโขมง เย่เซียวนอนอยู่ข้างในส่วนเธอตะแคงตัวนอนพิงอกเขา ตัวเย่เซียวสูงใหญ่เลยถูกแขนขาคู่ยาวของเขากักไว้ในอ้อมแขนยามเธอนอนบนตัวเขา ยิ่งขับให้เธอดูตัวเล็กกว่าเดิมมาก
ในหัวเย่เซียวมีภาพเมื่อสิบปีก่อนที่เป็นอย่างตอนนี้ทับซ้อนขึ้นมา เขาอดจูบเหนือศีรษะเธออย่างห้ามใจไม่ไหวไม่ได้ มือใหญ่สอดประสานทั้งสิบนิ้วกับเธอแล้ววางไว้บนหน้าท้องน้อยเธอ คลาดกันไปสิบปีเต็ม พอมาคิดดูแล้วก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี
“ลองเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังมั้ย?” เย่เซียวเอ่ยปากพูดเสียงเบา
“เรื่องฉัน? เรื่องอะไรของฉัน?”
“เรื่องสิบปีนี้…คุณอยากเล่าอะไรก็ได้” เขาอยากรู้มากจริงๆ ว่าสิบปีนี้เธอใช้ชีวิตอย่างไร มีความสุขหรือเสียใจเขาล้วนไม่สามารถผ่านมันไปพร้อมกับเธอหรือแบ่งปันให้กันและกัน แต่เขากลับยังอยากฟังเธอเล่าเรื่องตัวเอง
“สิบปีนี้…” ไป๋ซู่เย่งึมงำ หรี่ตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนซบลาดไหล่เขา ย้อนนึกถึงชีวิตในสิบปีที่ผ่านมาที่แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกลางๆ ว่าใช้ชีวิตได้สะเปะสะปะ กระทั่งวันที่เขาปรากฏตัวที่ประเทศ S วันนั้นโลกของเธอถึงได้กลับมาชัดเจนมากขึ้น
เธอหันกลับไปเกาะบนไหล่เย่เซียว “หลายปีก่อนฉันใช้ชีวิตแบบมึนงง นอนไม่หลับบ่อยครั้งบางครั้งนานทีจะหลับลงก็ฝันร้าย ในฝันสุดท้ายฉันมักจะโดนคุณยิงปืนฆ่า เลือดสาดกระจาย…”
เย่เซียวหายใจติดขัด พูดขัดเธอ“ไม่ต้องเล่ารายละเอียดของฝัน ยังไงฝันก็ตรงข้ามกับความจริง”
ฆ่าเธอ?
หากเขาทำได้คงไม่เจ็บปวดถึงเพียงนี้ แถมยังปล่อยให้เจ็บปวดมายาวนานกว่าสิบปี
ไป๋ซู่เย่หัวเราะทีหนึ่ง ทั้งที่กำลังเล่าเรื่องวันวานของเธอแต่สีหน้าเย่เซียวกลับดูหนักอึ้งกว่าเธอมาก
“ภายหลังคุณแม่เป็นห่วงว่าถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะตายได้ทุกเมื่อ เลยขอลาพักงานกับทางกระทรวงกลาโหมสักระยะ พบจิตแพทย์มากมาย เคยทานยาอะไรไม่รู้เต็มไปหมด…”
ลมหายใจเย่เซียวติดขัดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าและเริ่มเปลี่ยนโทนเสียงไปเล็กน้อย
“หลังจากนั้น…” ไป๋ซู่เย่หยุดคิดครู่หนึ่ง “หลังจากนั้นฉันก็ดีขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องพึ่งพายาพวกนั้นในการใช้ชีวิต”
“แล้วช่วงนี้ทำไมถึงเริ่มทานยาพวกนี้ใหม่?”
“โรคเก่ากำเริบ”
เย่เซียวประคองใบหน้าเล็กเธอเพื่อยกเชิดหน้าเธอขึ้น สายตาล้ำลึกขึ้นมาก “เพราะผม?”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบอีกซึ่งเธอรู้สึกว่าเย่เซียวกำลังถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ เธอทำเพียงหลับตากระชับเรียวแขนที่กอดคอเย่เซียวให้แน่นราวกับกำลังร้องขอการปลอบประโลม ฝังหน้าลงบนลาดไหล่เขา
เย่เซียวไม่ถามไปมากกว่านี้ ความอยากทะนุถนอมและรักใคร่บางอย่างกำลังแผ่ขยายไม่หยุดหย่อนเข้าจับกุมพื้นที่หัวใจทั้งดวงของเขา เขาได้แต่กระชับวงแขนกอดเธอแน่น
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น…
เธอเผลอนอนบนตัวเขาในอ่างอาบน้ำทั้งอย่างนั้นจริงๆ เย่เซียวอุ้มเธอออกมาใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวที่เปียกโชกของเธอจากนั้นค่อยเอาชุดคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวเธอเป็นก้อนแล้ววางเธอลงบนเตียง
…………
ไป๋ซู่เย่กึ่งหลับกึ่งตื่นแต่ยังรู้สึกได้ถึงตัวตนของชายหนุ่มข้างกาย
พอตัวถึงเตียงเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ สองมือกอดเอวชายหนุ่มด้วยสัญชาตญาณ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้สร้างความวูบไหวแก่หัวใจเย่เซียวเป็นอย่างมาก ชั่ววูบหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการสำหรับเธอ อย่างน้อยก็ ณ เวลานี้…
เขาปล่อยให้เธอนอนบนแขนตัวเอง พอเธอขยับตัวชุดคลุมอาบน้ำเลยเลื่อนตกลงมาเผยให้เห็นลาดไหล่ข้างหนึ่ง บนไหล่นั่นยังมีรอยแผลปืนอันเก่าที่เขาเคยยิ่งใส่หนึ่งนัด
เย่เซียวหายใจหนักอึ้งขึ้น นิ้วโป้งลูบไล้บนรอยแผลเป็นนั่นไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็กอดเธอแนบแน่น
หวังแต่เพียง…
ต่อจากนี้ไปจะไม่มีการทำร้ายซึ่งกันและกันอีก
————
คืนนี้ ไป๋ซู่เย่นอนหลับอย่างสบาย
เมื่อตื่นมาตอนเช้าเย่เซียวกำลังคุยโทรศัพท์กับคนอื่นที่ทางเดินยาวนอกห้อง ไป๋ซู่เย่ที่สะลึมสะลือเหมือนจะได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาสองฉบับที่เหลือนั่นก็ตื่นในทันที
“พวกนายคุยกับพวกเขาก่อน รายละเอียดส่วนอื่นรอเดือนหน้าฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง” เสียงเย่เซียวเรียบนิ่งดังเดิม
“ใช่ สัญญาสองฉบับเซ็นด้วยกัน ยิ่งเร็วยิ่งดี”
ต่อมาเย่เซียวคุยเรื่องอะไรนั้นไป๋ซู่เย่ไม่ได้ยินอีก ความง่วงงุนของเธอไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย ในหัวจำได้แค่ประโยคของเขาที่ว่ายิ่งเร็วยิ่งดี…
ห่างกันเพียงประตูกระจกกั้น เธอมองแผ่นหลังเขานิ่ง นอกหน้าต่างแสงอาทิตย์ยามเช้าลอดส่องเข้ามากระทบบนตัวเขา ทำให้เขาไม่ดูเย็นชาเหมือนอย่างปกติ แอบเพิ่มความอบอุ่นให้ไม่น้อย
ไป๋ซู่เย่อยากคว้าความอบอุ่นนี้ไว้เหลือเกิน…
ทุกอย่างเมื่อคืน ทำให้เธอหลงใหล…
แต่เธอคว้าได้จริงหรือ? เธอไม่มั่นใจเลยสักนิด
ราวกับใจที่คิดตรงกัน เย่เซียวที่กำลังโทรศัพท์อยู่ๆ ก็หันหน้ามาประสานสายตาเข้ากับเธอที่กำลังมองเขาอยู่ ไป๋ซู่เย่ไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบหนีกลับจุดยิ้มตาโค้ง ลุกขึ้นนั่งจากกองผ้าห่ม
“ฉันวางสายก่อน พอดียังมีธุระนิดหน่อย” ความคิดของเย่เซียวไม่สามารถจดจ่อกับสายโทรศัพท์อีกแล้ว
หลังพูดทิ้งท้ายลวกๆ สองประโยคก็วางหูไป
เปิดประตูกระจกเดินเข้ามาจากข้างนอก
ไป๋ซู่เย่ได้ลงจากเตียงและใส่ชุดนอนของตัวเองเสร็จสรรพ
“ทำคุณตื่นเหรอ?” เย่เซียวถาม
“เปล่า ฉันตื่นเอง” ไป๋ซู่เย่อมยิ้ม รวบผมมัดไว้ลวกๆ “ฉันไปล้างหน้าก่อน ว่าแต่ตอนเช้าคุณอยากทานอะไร ฉันทำให้”
“คุณทำ? ทำยังไง?”
“ในห้องมีห้องครัวไม่ใช่เหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่นี่แล้วน่าเบื่อมากเลยซื้อวัตถุดิบมาฝึกทำอาหารคนเดียว ถ้าซับซ้อนมากฉันคงทำไม่ได้แต่ต้มโจ๊กง่ายๆ ก็ไม่มีปัญหา” เธอว่าไปพลางเดินไปยังห้องน้ำ
สักพักเสียงเธอดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวดูมีชีวิตชีวากว่าเธอคนก่อนมาก
เย่เซียวตอบจากข้างนอก“อืม ผมไม่มีความเห็นอะไร”
“งั้นคุณนั่งแป๊บหนึ่ง ฉันล้างหน้าเสร็จก็จะไปเตรียมของ”
เย่เซียวตอบรับ ‘อืม’ทีหมุนตัวออกไปคุยโทรศัพท์ คล้ายว่าโทรหาคุณหมอที่รับผิดชอบเธอคราวก่อน เธอถึงนึกได้ว่าวันนี้ต้องไปเอาผลการตรวจสุขภาพของเธอ
——————
ไป๋ซู่เย่เข้าห้องครัวไปต้มโจ๊ก เป็นโจ๊กเค็มง่ายๆ
เย่เซียวยืนมองเธอจากนอกห้องครัวโดยที่เขาสวมใส่กางเกงขายาวกับเสื้อฮูดและยืนเท้าเปลือยบนพื้นพรม ท่าทางกระฉับกระเฉงนั่นพอไป๋ซู่เย่ได้เงยหน้าเห็นเขาก็เริ่มละสายตาไม่ได้
“คุณคงไม่คิดจะยืนอยู่ตรงนี้ตลอดหรอกนะ?” เธอชิงถามก่อน
“คุณทำของคุณไปไม่ต้องสนใจผม” เย่เซียวไม่ขยับ ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
“…” ต่อให้หน้าหนาขนาดไหนพอถูกสายตาเขาจ้องแบบนี้ก็คงมีทำตัวไม่ถูกบ้างแหละ
………………………