อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 775 รักมาก(4)
เย่เซียวยื่นการ์ดสีดำใบหนึ่งไป
“เย่เซียว ไม่ต้องซื้อสามตัวหรอก แค่เอาตัวที่หนาที่สุดก็พอ” ไป๋ซู่เย่ยึดการ์ดสีดำจากมือเขาไป “ฟุ่มเฟือยเกินไป”
แววตาเย่เซียวล้ำลึกกว่าเดิม “คุณกำลังช่วยผมประหยัดเงินเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่แค่นเสียงทีแล้วเก็บการ์ดสีดำใบนั่นใส่กระเป๋าตัวเอง “คุณฟุ่มเฟือยมากกว่าเมื่อก่อนนะ ใครสอนคุณกัน?”
ดวงตาเย่เซียวล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม
ไป๋ซู่เย่ที่เป็นแบบนี้มันช่างแอบเหมือน…ท่าทางของแฟนสาวเลย…
สิบปีก่อนตอนที่เขายังรักยังหลงเธอ ขอแค่ทุกอย่างที่เธอถูกใจเขามักจะซื้อกลับมาเสมอ
เดิมทีแค่อยากเอาใจเธอ แต่สุดท้ายเธอกลับโกรธจนตำหนิดุด่าเขาหน้าบึ้งทุกครั้ง
พอมีประสบการณ์แบบนั้นหลายทีเข้าเขาเริ่มไม่ซื้ออะไรเหลวไหล ขนาดวันเกิดเขาได้มอบการ์ดที่ข้างในคือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาให้เธอโดยตรง แต่กลับทำเธอเดือดพล่าน
ความคิดผู้หญิงมันเดายาก สิบปีก่อนเขาได้สัมผัสมาอย่างลึกซึ้งแล้ว
ดึงสติกลับมาก่อนจะยื่นการ์ดอีกใบให้พนักงาน “รูดใบนี้แล้วกัน”
“เย่เซียว” ไป๋ซู่เย่ไม่พอใจหน่อยๆ
“พอแล้ว ผมรู้แล้วว่าผมฟุ่มเฟือย ไม่มีคราวหน้า” เย่เซียวดึงมือเธอลงมากุมไว้เอง การกระทำนี้ราวกับกำลังปลอบเธออยู่ “วันนี้แต่เช้าแม่ผมก็โทรมาบอกผมว่าคุณใส่เสื้อผ้าน้อยไป สั่งให้ผมซื้อเสื้อหนาๆ ให้คุณหลายๆ ตัว คุณว่าผมควรฟังคุณหรือฟังแม่ผม?”
ไป๋ซู่เย่กล่าว “นี่เป็นแค่ข้ออ้างแก้ตัวของคุณ”
“คุณผู้หญิงคะ นี่ไม่เรียกว่าฟุ่มเฟือยนะคะ ผู้ชายหาเงินก็เพื่อเอาใจแฟนสาวอยู่แล้วนี่นา ผู้หญิงน่ะมีใครบ้างที่ไม่อยากได้แฟนแบบนี้บ้าง!” พนักงานรูดการ์ดไปก็พูดแทรกพวกเขาไป สายตาเหลือบมองเย่เซียวเป็นบางครั้ง ต่อให้หักห้ามใจขนาดไหนก็ไม่อาจกลบสายตาชื่นชอบนั่นได้
แต่ว่า…
เย่เซียวเป็นผู้ชายประเภทไม่ยุ่งกับคนอื่นอยู่แล้ว จูงมือหญิงสาวข้างกายพลางเล่นนิ้วของเธอไปอย่างสนอกสนใจ
สายตาก็จดจ่อบนตัวเธออย่างเดียว คนอื่นหรือเรื่องอื่นไม่มีตัวตนในสายตาเขาแต่อย่างใด
ไป๋ซู่เย่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เธอคิดกลัวก็แต่เย่เซียวไม่รู้ถึงสายตาชื่นชมที่หญิงสาวคนอื่นมีต่อเขาเลยน่ะสิ
คิดๆ ก็รู้สึกขบขัน
“หัวเราะอะไร?” เย่เซียวมองเธอ
เธอส่ายศีรษะไม่ยอมบอก
เย่เซียวชอบรอยยิ้มของเธอ ตั้งสติมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย
“คุณผู้ชาย เสื้อของคุณค่ะ” อีกฝ่ายยื่นเสื้อให้เย่เซียว เย่เซียวรับไปโดยไม่ปรายตามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่แวบเดียว
“การ์ดของคุณ” หญิงสาวยิ้มหวานอีกที ยื่นการ์ดให้ด้วยสองมือ
ไป๋ซู่เย่ยื่นไปรับแทนเย่เซียวก่อนกล่าวขอบคุณเสียงเรียบ เธอคล้องแขนเย่เซียวอย่างสนิทสนมถึงเดินออกมาจากร้าน
“เป็นอะไร?” เย่เซียวก้มมองเธอ รู้สึกว่าเธอผิดปกติอยู่เรื่อย
“คุณดูไม่ออกเหรอ ผู้หญิงคนเมื่อกี้กำลังส่งสายตาให้คุณ?”
“มีเหรอ?”
“มี”
“แบบไหนคือส่งสายตา?” เย่เซียวถามเสียงเรียบ
บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยมองหน้าหญิงสาวคนอื่นอย่างจริงจังมาก่อน ยกตัวอย่างน่าหลัน หากไม่ได้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอจะเข้าตาเขาได้อย่างไร?
“…” ไป๋ซู่เย่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบจริงจัง “ก็คือในสายตาเขียนอยู่ว่า ‘ฉันอยากนอนกับคุณ’ ห้าพยางค์นี้”
“อ่อ” เย่เซียวพยักหน้า มองเธอแล้วถามอย่างจริงจัง “แล้วคุณเคยส่งให้ผมบ้างมั้ย?”
“…” ไป๋ซู่เย่หมดคำจะพูด จากนั้นดวงตาสวยหรี่ลง ยกยิ้มเย้ายวนให้เขาทีเป็นเชิงหยอก “ตอนนี้ฉันกำลังส่งให้คุณอยู่ คุณดูออกมั้ย?”
เย่เซียวตาล้ำลึก “พอถูไถ แต่ตอนนี้ถ้าตัวผมเขียนอยู่ว่า ‘อยากนอนกับคุณ’ล่ะคือยังไง? ”
ไป๋ซู่เย่เพิ่งเข้าใจ หน้าแดงหัวใจเต้นแรง “อันนั้นเรียกหื่น”
————
“เย่เซียว ส่งกระเป๋าเงินให้ฉันหน่อย” บนรถไป๋ซู่เย่เอ่ยปากบอกเขา
เย่เซียวขับรถไปพลางโยนกระเป๋าเงินให้เธอไป เธอสอดการ์ดสีดำที่ยึดไปก่อนหน้าใส่กระเป๋าเงินเขา ขณะที่กำลังจะคืนกระเป๋าเงินกลับไว้ที่เดิมสายตาหยุดชะงักเมื่อการ์ดแสนพิเศษใบหนึ่งเข้ามาในสายตาเธอ
นั่นเป็นการ์ดใบเก่าใบหนึ่ง
ขับให้ดูเด่นสะดุดตาอย่างมากเมื่ออยู่ในกระเป๋าเงินเขา
“ดูอะไร?” เย่เซียวใช้หางตามองเธอ
เธอดึงการ์ดใบนั้นออกมาพิจารณามองอย่างละเอียดครู่หนึ่งถึงพบว่านั่นเป็นการ์ดในอดีตอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ไป๋ซู่เย่ขอบตาร้อนผ่าว“คุณยังเก็บไว้อยู่เหรอ?”
เย่เซียวหันข้างมองมาที่การ์ดใบนั่นทีแล้วมองเธอที สักพักถึงตอบกลับว่า ‘อืม’
“นั่น…คือของขวัญวันเกิดฉัน ฉันจะเอากลับไป” ไป๋ซู่เย่ว่าแล้วปิดกระเป๋าเงินเขาโดยที่เก็บการ์ดใบนั้นไว้
“คุณเกลียดการ์ดใบนั้นมากไม่ใช่เหรอ? งอนผมไปตั้งหลายวันเพราะการ์ดใบนี้”
ที่แท้ภาพในวันวานทั้งคู่ต่างจดจำได้ชัดเจนดี
ไป๋ซู่เย่หัวเราะ “เมื่อก่อนอายุน้อยไม่รู้ความ ตอนนี้ฉันฉลาดแล้ว คุณให้เงินฉัน ฉันจะดีใจมาก”
“วันเกิดคุณครั้งก่อนร้องไห้โทรมาขอให้ผมบอก ‘สุขสันต์วันเกิด’ให้ฟังแค่ประโยคเดียว นี่เพิ่งผ่านมาไม่นานเองคุณก็เปลี่ยนใจไปเอาเงินแล้วเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ฉัน…โทรหาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หมายความว่าคุณลืมหมดแล้ว?” เย่เซียวตวัดสายตามาด้วยสีหน้าที่เย็นชาลงมากทีเดียว
คนที่ความจำดีมีแค่ตัวเองอย่างนั้นหรือ?
ครั้งก่อนเธอโทรมาป่วนหัวใจเขาจนเละเทะ แต่สุดท้าย…ผู้กระทำ กลับลืมไปสะอาดหมดจด
“ลืมแล้วก็ช่างเถอะ” น้ำเสียงเย่เซียวไม่ได้สดใสเหมือนเมื่อสักครู่
“…” ไป๋ซู่เย่เงียบไปอึดใจ “ที่คุณบอกว่าโทรหาคุณ คงไม่ใช่วันเกิดที่เพิ่งผ่านมาหรอกนะ?”
“ก่อนหน้านั้นคุณเคยโทรเหรอ?”
“…ไม่” ไป๋ซู่เย่ส่ายศีรษะอย่างซื่อตรง เมื่อนั้นปล่อยให้ความคิดถึงกัดทึ้งตัวเองอย่างบ้าคลั่งก็ไม่กล้าจะแตะต้องเบอร์โทรเบอร์นั่น ไม่กล้าแม้แต่จะลอง เธอกลัว กลัวว่าหากมีครั้งแรกทุกความคำนึงหามันจะหวนกลับมาอีกครั้ง พาเธอลงขุมนรกขุมลึกซ้ำซ้อน ต้องรู้ว่าเมื่อนั้นเธอเสียแรงไปมากเท่าไรถึงโผล่พ้นหัวออกมาจากบ่วงลึกนั่นได้ แทบปลิดชีวิตกันเลยทีเดียว
เย่เซียวไม่พูดอะไรอีก
ราวกับต่างจมลึกอยู่ในความทรงจำวันวานช่วงนั้นถึงทำให้อารมณ์ดิ่งลงเล็กน้อย
ไป๋ซู่เย่มองเขาอยู่พักใหญ่ “เย่เซียว ตอนวันเกิดฉันครั้งนั้นที่เมาแล้วโทรหาคุณ ไม่ใช่ความฝันเหรอ?”
เย่เซียวไม่ตอบ กลับหันหน้ามามองเธอ “ผมเคยเข้าฝันคุณเหรอ?”
หยุดเว้นช่วงทีแล้วพูดเสริมอีกประโยค “นอกจากฝันร้ายพวกนั้น”
น้ำเสียงฟังดูเศร้าหมองปนเสียใจหน่อยๆ
แล้วแฝงด้วยความคาดหวังโดยไม่รู้ตัว
ความจริงเขาไม่กล้าคิดไปเอง
ไม่เคยมั่นใจในความรักที่เธอมีต่อตัวเองว่ามันมีน้ำหนักมากเท่าไร
ไป๋ซู่เย่รู้สึกได้ถึงความไม่มั่นใจของน้ำเสียงเขา ขอบตาอดร้อนผ่าวไม่ได้
ความจริงใช่ว่าจะเคยเข้าฝันเธอเท่านั้น? แต่ได้ซาบซึมไปยังทุกลมหายใจของเธอตั้งนานแล้ว…
สิบปีก่อนใช่
สิบปีหลังยังคงใช่…
เธอยื่นมือกุมมือเขาที่จับพวงมาลัยไว้แนบแน่นเงียบๆ ฝ่ามืออ่อนนุ่มและความร้อนที่อบอุ่นนั่นทำให้หัวใจเย่เซียวสั่นสะท้านแต่ไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่จรดสายตาไว้บนถนนด้านหน้ารถเหมือนเดิม
…………………………