อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 779 คำสารภาพรักที่มาช้า(4)
“อ่า ค่ะ”
ไป๋ซู่เย่ตอบรับแล้วเดินตามคุณแม่เย่ไป
ในห้องโถงจึงเหลือเพียงสองพ่อลูกกำลังประจันหน้ากันอยู่
ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ในห้องครัวเองก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลัวไฟเรนเซ่จะทำมิดีมิร้ายต่อเย่เซียว ในเมื่อในร่างกายเขายังมีกระสุนฝังอยู่ และเป็นฝีมือไฟเรนเซ่เองด้วย
“ถ้าหนูไม่วางใจก็แอบไปนั่งในห้องโถงข้างๆ” คุณแม่เย่ดูออกถึงความเป็นห่วงของเธอ
“แต่ หนูยังต้องทำอาหาร…”
“คิดว่าจะให้หนูทำอาหารจริงเหรอ? ไม่ต้องหรอก หนูไปเถอะ!”
“ค่ะ คุณป้า งั้นหนูไปก่อนนะคะ” ไป๋ซู่เย่เดินออกมาจากห้องครัวค่อยๆ ย่างกรายไปยังห้องโถงข้างๆ ห้องโถงข้างๆ กับห้องโถงใหญ่มีเพียงกำแพงกั้น ทำให้เธอพอจะได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขาได้บ้าง
………………
ไฟเรนเซ่พูดด้วยน้ำเสียงห้วน “อย่าคิดว่าฉันอยู่ต่างประเทศแล้วจะไม่รู้เรื่องของพวกแก ฉันแค่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แค่คิดว่าแกจะมีขอบเขต แต่ตอนนี้แกกลับพาเธอมาทำท่าได้ใตตรงหน้าฉัน!”
“ผมไม่ได้ทำท่าได้ใจ” ต่อหน้าความเข้มงวดของไฟเรนเซ่นั้นน้ำเสียงของเย่เซียวยังคงราบเรียบเช่นเดิม ไร้ความตื่นตระหนกราวกับกำลังอธิบายความจริงสักอย่างแบบปกติ “เธอเป็นผู้หญิงของผม ท่านเป็นพ่อบุญธรรมของผม ไม่ช้าก็เร็วที่ท่านกับเธอต้องเจอกัน และบังเอิญว่าเป็นวันนี้เท่านั้นเอง”
“ผู้หญิงของแก? ตลกสิ้นดี!” ไฟเรนเซ่แค่นเสียง “ทำไม? ตอนนี้คิดจะทำลายสัญญาฉบับนี้เพื่อผู้หญิงของแกอีกแล้วงั้นเหรอ?!”
“ไม่หรอกครับ” เย่เซียวตอบ “ท่านสบายใจได้ ในเมื่อผมเคยสัญญากับท่านก็ไม่มีวันยกเลิกสัญญาครั้งนี้เองเด็ดขาด อะไรที่ผมพูดไปผมจะทำมันให้ได้”
“ดี งั้นฉันถามแก—จุดประสงค์ที่เธอเข้าใกล้แก เพราะสัญญาพวกนี้ใช่มั้ย?”
เย่เซียวเงียบไปชั่วขณะ
ไฟเรนเซ่โกรธจนคว้าหมอนข้างกายโยนใส่เขา “น้ำเข้าสมองแกหรือไง!รู้ทั้งรู้ว่าเธอมาปั่นหัวแกเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างแกยังกล้าเล่นกับเธอ!จะเล่นให้ตัวตายถึงจะพอใจใช่มั้ย? แกมั่นใจในตัวเธอเหรอ? แกมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ยว่าสุดท้ายเธอจะไม่ฆ่าแกจริงๆ?!”
ไฟเรนเซ่โกรธจนเสียงสั่นเครือ
เย่เซียวจับหมอนไว้แม่น ถ้อยคำยาวพรืดของพ่อบุญธรรมทำให้เขาตอบไม่ได้สักอย่าง
เขาไม่มั่นใจจริงๆ กับเธอ สุดท้ายแล้วหากไม่ถึงวินาทีสุดท้ายก็เดาใจเธอไม่ถูกอยู่ดี เธอมีสติแยกแยะที่ดีเกินไป ทุกความรู้สึกบางทีอาจไม่มีค่าอะไรเลยยามเทียบกับหน้าที่ภาระของเธอ
“ชีวิตแกฉันเป็นคนให้!แกกลับปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งเอาชีวิตแกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เย่เซียว แกนี่มัน—หมดทางจะช่วยแล้ว!”
“อย่างน้อยตอนนี้เธอยังไม่เอาชีวิตผม” เทียบกับไฟเรนเซ่ เขาในฐานะตัวการกลับคงความใจเย็นเสมอต้นเสมอปลาย
“ได้ งั้นฉันถามแก—ถ้าสุดท้ายเธอคิดจะฆ่าแกจริงๆ เป้าหมายของเธอคิดจะฆ่าแก แกจะทำยังไง?”
เย่เซียวเงียบไปชั่วครู่ถึงเอ่ยปากตอบช้าๆ ด้วยเสียงขรึม “หวังว่าเธอจะไม่เลือกทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้น…เท่ากับรนหาที่ตาย”
ประโยคสุดท้ายเขาพูดเสียงแผ่วแต่กัดฟันพูดหนักแน่น มือที่วางบนที่วางแขนโซฟาเริ่มเกร็ง
“ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เธอรนหาที่ตาย แม้แต่แก–” ไฟเรนเซ่ชี้นิ้วใส่เย่เซียว “แม้แต่แกก็อย่าคิดจะมีชีวิตต่อ!”
เย่เซียวกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว เพียงถาม“ถ้าหากความจริงพิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้จะฆ่าผม ไม่ได้เข้าใกล้ผมเพราะหนังสือสัญญา พ่อก็จะยอมตอบตกลงผมเรื่องหนึ่งใช่มั้ยครับ?”
ไฟเรนเซ่แค่นเสียงเย็นชา “แกอย่าคิดจะได้ใจเชียว”
“ถือว่าเราพนันกันก็ได้ครับ”
“พนัน? แกแพ้ไปตั้งนานแล้ว!”
“ท่านไม่กล้าพนัน?”
“อย่าคิดจะใช้วิธีกระตุ้นฉัน มันไม่ได้ผลกับฉันหรอก!” ไฟเรนเซ่มองเย่เซียววูบหนึ่ง สักพักน้ำเสียงก็อ่อนลง “แกว่ามา!”
“ลองเปิดใจยอมรับเธอ”
ไฟเรนเซ่มองเย่เซียว “ยอมรับเธอ? ก่อนที่จะถามฉันเกรงว่าแกต้องถามลูกน้องพวกนั้นของแกก่อน ยี่สิบห้าชีวิตไม่ใช่เรื่องตลก”
“ท่านเป็นพ่อของผม เป็นผู้อาวุโสของผม ผมก็ต้องถามท่านก่อน ส่วนคนอื่นผมจะลองหาทางคุยอีกที”
“ฉันว่าแกมันโดนของเข้าแล้วจริงๆ!” ไฟเรนเซ่กัดฟันกรอด
“งั้นผมจะคิดว่าท่านตอบตกลงแล้วกัน”
“อยากให้ฉันยอมรับเธอ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ต้องทำอะไรสักอย่างให้ฉันยอมรับจากใจจริงถึงจะถูก ปากบอกยอมรับมันใช่การยอมรับที่ไหน!”
——————
อีกฟากหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่นั่งอยู่ห้องโถงข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยมและนิ่งเหม่อเล็กน้อย ความจริงเธอรู้ดีมาตลอดว่าเย่เซียวไม่เชื่อเธอ แต่พอได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้ก็แอบรู้สึกขมขื่นในใจอยู่บ้าง
คล้ายว่า…
ขอแค่เธอไม่ลงมือก่อนที่การเซ็นสัญญาครั้งนี้จบลง ความเชื่อใจของเขาที่มีต่อตนเองถึงจะกู้กลับมาได้บ้าง
“คิดจะฟังอยู่ตรงนี้ต่อไปงั้นเหรอ?”
เสียงคุ้นเคยแว่วมาเรียกสติไป๋ซู่เย่ทันควัน แค่เห็นเย่เซียวกำลังยืนอยู่ตรงประตูมองเธอด้วยสายตาซับซ้อน
“คุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่?”
“ตอนคุณเดินมา ผมเห็นเงา”
หมายความว่า…
ถ้อยคำเมื่อสักครู่ของเขากำลังพูดให้ไฟเรนเซ่ฟังรวมถึงพูดให้เธอฟังด้วยสินะ ตีวัวกระทบคราด เขาหวังว่าเธอจะได้รับรู้ถึงผลสุดท้ายด้วยตัวเอง
“ฉันกลัวว่าฉันมาแล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณเลยมาแอบฟังแบบนี้ คุณคงไม่ว่าหรอกใช่มั้ย?” ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นเดินไปหาเขา
เขาส่ายศีรษะ “แค่สองพ่อลูกคุยกันเรื่องทั่วไป ไม่มีปัญหาอะไร”
“อืม” เธอพยักหน้า
ทั้งคู่สบตา แววตาแฝงด้วยความรู้สึกซับซ้อน
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเริ่มต้นพูดก่อน
เรื่องที่น่าอ่อนไหวเหล่านั้นล้วนถูกพวกเขาเก็บไว้ส่วนลึกของหัวใจอย่างพร้อมเพรียงกัน
“งั้นตอนนี้ฉันไปที่ครัวก่อน คุณอยากทานอะไร ฉันจะทำให้คุณสักเมนู” เธอปริปากทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด
สายตาเย่เซียวยังคงจดจ่อกับใบหน้าอมยิ้มจางๆ ของเธอ ตอบเสียงอ่อน “ผมชอบอะไรง่ายๆ ทำน้ำซุปไข่มะเขือเทศที่คุณเคยถนัดมือก็แล้วกัน”
“อ้อ ใช่สิ…” ไป๋ซู่เย่มองเขาแวบหนึ่ง “พ่อบุญธรรมคุณชอบอะไร? ฉันจะได้ทำเมนูที่ท่านชอบด้วย”
ดวงตาเย่เซียววูบไหวเล็กน้อย สักพักถึงตอบ “ฟันของท่านไม่ดีสักเท่าไหร่ ปกติคนรับใช้ชอบทำเผือกให้ท่าน”
“เผือก” ไป๋ซู่เย่ไม่เคยทำจริงๆ แต่น่าจะขอความช่วยเหลือจากคุณป้าเย่ได้ “งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
เย่เซียวพยักหน้ารับ
ไป๋ซู่เย่เตรียมเดินเข้าครัว เพิ่งหันหลังอยู่ๆ ก็ถูกเย่เซียวสวมกอดจากด้านหลัง
เธอชะงักงัน
แขนของเขาโอบรัดรอบอกเธอรวบเธอเข้าไปกอดแน่น
ครั้งเดียวทำไป๋ซู่เย่ตาร้อนผ่าว ทุกความรู้สึกพุ่งพรวดขึ้นมาผ่านลมหายใจของเธอ ทำเอาเธอแทบจะหลั่งน้ำตาทีเดียว
ไป๋ซู่เย่รู้สึกแย่มากเหลือเกิน
ไม่ว่าอนาคตเรื่องราวจะดำเนินไปทิศทางใด เธอล้วนเป็นตัวอันตรายสำหรับเย่เซียวอยู่เสมอ นอกเสียจาก…
เธอไม่ได้คิดต่อ พักใหญ่สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แย้มปากตบมือเย่เซียวเบาๆ “หยุดกอดฉันได้แล้ว เดี๋ยวคุณไฟเห็นเข้าก็หาว่าเราทำตัวได้ใจอีก”
เย่เซียวกัดหูเธอที “คุณเป็นคนของผม ผมอยากจะทำยังไงใครก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
………………………