อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 782 ความปราณีครั้งสุดท้าย (3)
วันนี้ ขณะที่ไป๋ซู่เย่กำลังต้มน้ำซุปในห้องครัวของโรงแรม โทรศัพท์ของเย่เซียวแผดเสียงขึ้นในห้องนั่งเล่นแต่กลับไม่มีใครรับสายอยู่ช้านาน
“เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่เรียกเขา
ไม่มีเสียงตอบรับ
เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเย่เซียวซึ่งหน้าจอเป็นเบอร์ของหยูอัน เธอเดินหาเจ้าตัวในห้องรอบหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงน้ำจากห้องอาบน้ำเธอเลยเคาะประตู “เย่เซียว โทรศัพท์คุณดัง”
“ใคร?”
“หยูอัน”
“คุณช่วยรับแทนผมแล้วกัน บอกเขาว่าค่ำๆ ผมค่อยตอบกลับเขา”
“อืม”
ไป๋ซู่เย่กดรับสายและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินหยูอันที่อยู่อีกฟากของสายกล่าว “นายท่าน เวลาและสถานที่เซ็นสัญญาได้ส่งเข้าเมลของท่านแล้วนะครับ”
ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัด มือที่กำโทรศัทพ์อยู่สั่นระริก
เซ็นสัญญา?
หากเธอเดาไม่ผิดน่าจะเป็นสัญญาตกลงค้าขายอาวุธ ความจริงนี่ก็ไม่ไกลจากเวลาเดิมที่พวกเขากำหนดไว้เท่าไรแล้ว
เธออยากพูดบางอย่างแต่ฝั่งหยูอันท่าทางจะยุ่งมาก พอเขาพูดจบก็วางสายไปทันที
หัวใจไป๋ซู่เย่เกิดว้าวุ่นขึ้นมาทันควัน ในหัวมีแต่เรื่องอีเมล เธอเงียบไปชั่ววูบ วินาทีถัดมาก็หมุนตัวเดินเข้าห้องหนังสือ
บนโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ของเย่เซียวตั้งอยู่ตรงนั้น
ระยะนี้เขาได้ย้ายสถานที่ทำงานมาห้องเธอเสียแล้ว…
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะโดยวางมือไว้บนฝาโน้ตบุ๊คที่ปิดสนิท ปลายนิ้วมือเย็นเฉียบรวมไปถึงทุกอณูของร่างกาย…
สูดหายใจลึกหลายที สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจเปิดโน้ตบุ๊ค เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าฝาพับโน้ตบุ๊คหนักอึ้งเพียงนี้ กระตุกสั่นสองทีถึงจับโน้ตบุ๊คให้นิ่งได้ เธอกดเข้ากล่องอีเมลเขา อีเมลเขาได้ตั้งรหัสซับซ้อนไว้โดยตลอดมา ไป๋ซู่เย่เคยเป็นสายลับมาก่อนซึ่งเรื่องถอดรหัสลับไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ
เมื่อถึงรหัสด่านสุดท้ายที่เธอพิมพ์ หมายเลขนั่นกลับเป็นวันเกิดเธอ…
ปวดใจ ความปวดใจนั่นตีตื้นขึ้นมาในอกไล่จนถึงจมูกและดวงตา
แต่ ณ เวลานี้ เธอไม่มีที่ให้ล่าถอยอีกต่อไป
กล่องอีเมลพบเอกสารที่หยูอันส่งมาตามคาด แต่เวลาและแผนที่ในนั้นล้วนถูกเขียนด้วยรหัสลับอย่างเชี่ยวชาญที่ไม่สามารถแก้ได้ในเวลาอันสั้น เธอรีบใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้จากนั้นตั้งกล่องรับเอกสารฉบับนั้นเป็น ‘ยังไม่อ่าน’ เหมือนเดิมก่อนจะกดปิดโน้ตบุ๊ค
ทำเรื่องนี้เสร็จเจ้าตัวยังคงหน่วงในใจ เหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงไปทั้งหมดอย่างฉับพลัน เธอนั่งตัวอ่อนแรงบนเก้าอี้ หมุนตัวกลับไปมองนอกหน้าต่างด้วยสายตาเจ็บปวด
————
ในห้องอาบน้ำมีเสียงน้ำดังแว่วมาตลอดสาย
แต่ใต้ฝักบัวไม่มีคนอยู่นานแล้ว
ประตูห้องหนังสือถูกคนแอบเปิดจากด้านนอกเป็นช่องเล็กๆ แค่ช่องเล็กๆ นั่นก็เพียงพอสำหรับที่จะเห็นทุกการกระทำของเธอได้ชัดเจน
เย่เซียวยืนนิ่งอยู่กับที่และมองแผ่นหลังที่อยู่ข้างเตียงนิ่ง ดวงตาคู่หม่นแสงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละนิด
สองมือที่ทิ้งข้างลำตัวกำแน่น แน่นถึงข้อกระดูกนิ้วขาวซีด
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…
เย่เซียวย้อนกลับห้องอาบน้ำ รอเขาจัดการทุกอย่างเสร็จกลิ่นหอมก็ตลบอบอวลไปทั่วห้องนั่งเล่น น้ำซุปไก่น่าจะต้มเสร็จแล้ว
“ทำไมคุณอาบน้ำขนาดนี้?” เธอที่ใส่เสื้อกันเปื้อนเดินออกมาจากครัว ยิ้มใส่เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เป็นผู้หญิงที่ถนัดเล่นละครเสียจริง
เธอเคยร้องไห้บอกเขาว่าจะไม่มีวันโกหกหลอกลวงเขาอีกตลอดไป…
ซึ่งความจริงก็คือ เธอเคยพูดความจริงสักประโยคไหม?
“เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ยินคำตอบเลยเรียกเขาอีกที
เขาได้สติกลับมาด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างมาก เพียงแค่เลียนแบบท่าทางของเธอ หยิบผ้าขนหนูเช็ดผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามเป็นปกติ “เมื่อกี้หยูอันบอกว่าอะไร?”
“เขาพูดมาแค่ประโยคเดียว ฉันไม่ทันฟังชัดเขาก็ตัดสายไปแล้ว”
เย่เซียวพยักหน้ารับและไม่มองเธอแค่โยนผ้าขนหนูทิ้ง หยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์ที่คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้นเคยนั่น รอสักพักหยูอันรับสาย
“นายท่าน”
“อืม”
“อีเมลฉบับนั้น มีคนกดเข้าไปอ่านอย่างที่คิดไว้เลยครับ”
“…” เย่เซียวเงียบ โทรศัพท์ในมือแทบจะถูกเขากำให้แหลก พักใหญ่เขาถึงตอบ “ฉันรู้ ทำตามแผนเดิม”
หยูอันเงียบไปอึดใจ อยากพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่พูดสักอย่าง
เย่เซียววางสายไป พิงโซฟายกมือกดนวดคลึงระหว่างคิ้วที่ปวดตุบ
“คุณ…ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ไป๋ซู่เย่เห็นสภาพเขาเช่นนี้จึงถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย”
“ฉันนวดให้คุณเอง”
เย่เซียวพยักหน้า ไม่มีคำพูดใดที่มากไปกว่านี้หลุดออกมา
ไป๋ซู่เย่เดินอ้อมไปหลังโซฟาเขา เขาแหงนหน้าพิงพนักโซฟาปล่อยให้เธอนวดไป น้ำหนักมือที่เบาแรงกำลังพอดี พอเธอก้มหน้าผมยาวสลวยตีแผ่บนหน้าเขา ปลายเส้นผมที่กวาดผ่านปลายจมูกเขาทำให้เขากำไว้จุกหนึ่งสูดดมกลิ่นแผ่วเบา
กลิ่นนั้นหอมมาก หอมเสียจนทำให้เขารู้สึกเจ็บไปทั้งใจ
“เย่เซียว คุณมีเรื่องหนักใจ?” ไป๋ซู่เย่ชะงักมือที่นวดคลึงอยู่ มองเขาด้วยแววตาล้ำลึกยากจะคาดเดา
ได้ยินถ้อยคำของเธอ เย่เซียวจึงเปิดเปลือกตามองเธอด้วยแววตาล้ำลึกตอบ ใบหน้าเธอที่สะท้อนในดวงตาช่างคุ้นเคยแต่ก็แปลกตาเหลือเกิน…
จะไม่แปลกตาได้อย่างไรล่ะ?
ใส่หน้ากากต่อหน้าเสมอ…เสมอ…
ต่อให้เขาเย่เซียวยอมควักหัวใจถวายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า…
เย่เซียวรู้สึกเพียงเจ็บหน้าอกแทบจะระเบิดก็ไม่ปาน เขาตบขาตัวเอง“มานี่ ให้ผมกอดคุณหน่อย”
น้ำเสียงอย่างนั้น…
สีหน้าอย่างนั้น…
ไป๋ซู่เย่เจ็บแปลบที่ใจจนน้ำตาแทบร่วงหล่น เธอไม่ถามให้มากความและไม่กล้าถาม เดินอ้อมโซฟากลับไปยืนหันข้างลงหน้าตักชายหนุ่ม เย่เซียวส่งแขนยาวตะครุบเอวเธอไว้
ทั้งคู่…
กอดกันและกันอยู่ในห้องนี้อย่างเงียบเชียบอยู่แบบนี้ มีคำถามมากมายอยากถาม มีถ้อยคำมากมายอยากพูด แต่ระหว่างกันกลับไม่มีสักประโยคออกจากปาก
ระหว่างพวกเขามีช่องว่างห่างกันเกินไป ไกลกันเกินไป…
อดีตที่เคยอยู่แค่เอื้อมมือ แต่ความจริง…หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านไปนั้น ความหอมหวานอบอุ่นทั้งหมดที่ผ่านมา ล้วนเป็นเพียงภาพมายา…
ปลอมเปลือก
ส่วนตอนนี้…
ในที่สุดก็ต้องตื่นแล้ว
ในที่สุด…
ในที่สุดก็ต้องฉีกหน้ากากออกแล้ว…
ในที่สุด…
ก็จะจบลงแล้ว…
คิดถึงนี่เย่เซียวก็หายใจหนักอึ้ง จับปลายคางเธอแล้วโน้มหน้าประกบปากเธออย่างแรง ไป๋ซู่เย่ตาร้อนผ่าวหยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาหยดแรก เธอแทบจะโอบลำคอเขาไว้โดยอัตโนมัติ ตอบรับจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งคู่ต่างจูบกันและกันอย่างรุนแรงคล้ายจะให้อีกฝ่ายหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน
แต่…
ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว…
เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป…
………………
เย่เซียวมีอะไรกับเธออย่างป่าเถื่อนภายในห้อง ครั้งนี้เหมือนสติหลุด คล้ายกำลังระบายและลงโทษ หรือบางที…เป็นวิธีลงโทษตัวเองอีกแบบหนึ่ง…
อย่างไรเสียบทรักในครั้งนี้ไม่มีใครรู้สึกดีไปกว่าใคร
………………………