อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 786 การเลือกครั้งสุดท้าย (3)
คืนนั้นเย่เซียวไม่ได้ปรากฏตัวอีก ซึ่งไป๋ซู่เย่ไม่เคยคาดหวังอะไรอีก
เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่างรอคอยพระอาทิตย์ขึ้นเงียบๆ แสงแรกของเช้าวันใหม่ได้โผล่พ้นสุดขอบทะเลอีกฟากขึ้นมา แสงทองอร่ามปกคลุมไปทั่วเมือง
เธอหลับตาลงซึมซับแสงอาทิตย์ในยามเช้า รู้สึกเหลือเพียงความสงบที่ไร้ขีดจำกัดอยู่ภายในใจ
เธอคิด ในที่สุดเธอก็ได้นอนดีๆ สักตื่นแล้ว
ไม่ต้องโดนเรื่องใดหรือคนใดบงการ และไม่ต้องคอยยืนหลงทางอยู่ต่อหน้าความอลหม่าน…
เธอเหยียดกายลุกไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดนอนซุกตัวบนเตียงก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ครั้งนี้ไม่ได้นอนไม่หลับแถมยังหลับสนิทดีอีกด้วย
————
ตอนเย็นห้าโมงครึ่ง
ไป๋หลางโทรศัพท์หาเธอแต่กลับไม่มีใครรับสายสักที เขารู้สึกลางสังหรณ์แปลกๆ พอเงียบไปอึดใจสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน รีบพุ่งไปห้องข้างๆ ไม่ทันเปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ
เคาะประตู เคาะเสียงดังสนั่นไหวก็ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากภายในห้อง
“คุณผู้ชายครับ ทำอะไรครับ?” พนักงานโรงแรมเดินมาเพราะเสียงดังในครั้งนี้
“กุญแจห้องของพวกคุณล่ะ? ให้ผมใช้หน่อย!” ไป๋หลางพูดเสียงสั่นระริกปนร้อนรน
อีกฝ่ายมองเขาอย่างระแวง “คุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของห้องนี้ครับ?”
“คนที่พักข้างในนั้นคือหัวหน้าผม เพื่อนผม ตอนนี้ผมสงสัยว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเธอ ฉะนั้นคุณรีบเปิดประตูให้ที!” ไป๋หลางเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีขยับตัวเลยตะคอกไปทีด้วยแรงอารมณ์ “เร็ว!เปิดประตู!”
“คุณผู้ชาย ขอโทษด้วย เราไม่มีกฎอนุญาตให้ทำแบบนี้ นอกจากคุณสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเพื่อนกัน”
“ยืนยันบ้าอะไร!” ไป๋หลางใจลนดั่งไฟแผดเผา ไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับอีกคน เขามีวิชาต่อสู้ที่ดี เข้าควบคุมตัวอีกฝ่ายให้กดแนบไปกับกำแพง ใช้มืออีกข้างควานหากุญแจห้องบนตัวเขา
“ไป๋หลาง นายทำบ้าอะไร?” ขณะนั้นเองประตูห้องถูกเปิดจากข้างในกะทันหัน ไป๋ซู่เย่ในชุดนอนยืนอยู่ตรงประตู มองเขาอย่างฉงนใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋หลางมองเธอที่อยู่ตรงประตูอย่างนิ่งอึ้ง
พักใหญ่ถึงเปล่งเสียงพูด“คุณ…คุณไม่เป็นอะไร?”
“นายรีบปล่อยเขาก่อน แขนเขาจะโดนนายหักเอาแล้วน่ะ” ไป๋ซู่เย่เดินไปตบมือเขาออก ไป๋หลางถึงได้สติมาก่อนรีบปล่อยตัวอีกฝ่ายพร้อมกล่าวขอโทษ ด้วยความที่พวกเขาเป็นลูกค้ากับตัวเองที่ไม่ได้รับบาดแผลใดๆ อีกทั้งเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งมากมาย พนักงานจึงรีบล่าถอยไปโดยไม่กล้าคร่ำครวญไปมากกว่านี้
ไป๋ซู่เย่ย้อนกลับห้องไปคุยกับเขาไป “ทำไมนายถึงไปฝึกวิชาโรคจิตแบบนี้มา?”
“ผมต้องทำตัวโรคจิตกับผู้ชายคนหนึ่งด้วยหรือไง? แต่ว่า…” ไป๋หลางมองแผ่นหลังเธอแล้วถอนหายใจโล่งอก “คุณไม่เป็นอะไรก็ดี”
“นายคิดว่าฉันจะเป็นอะไร?” เธอเทน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ตาเสมองไป๋หลางผ่านแก้วกระจก “คิดว่าฉันจะคิดไม่ตก ฆ่าตัวตายเหรอ?”
“…” ไป๋หลางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเมื่อนั้นเขามีความคิดแบบนี้จริงๆ
ไป๋ซู่เย่ทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากขำ “ในสายตานาย ฉันอ่อนแอขนาดนั้นเชียว?”
“ก็ไม่ใช่” ไป๋หลางเองยังคิดว่าตนคิดมากเกินไป ปกติเธอไม่ใช่คนยอมแพ้ง่ายๆ และไม่ใช่คนที่จะเลือกฆ่าตัวตาย “แค่ผมโทรหาคุณ คุณไม่รับ เคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับ…”
“ฉันหลับอยู่ กำลังฝันหวานเลย ไม่มีทางตอบรับอยู่แล้ว”
ไป๋หลางมองเธออีกที “เมื่อคืนคุณไม่นอนทั้งคืนอีกแล้วเหรอ?”
“ฉันดูไร้ชีวิตชีวาขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่หรอกครับ แต่วันนี้น่าจะเป็นสงครามใหญ่อีกครั้ง ต้องตั้งสติให้ดี”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบกลับไป๋หลาง แค่เงยหน้ามองนาฬิกาติดฝาผนังห้องแวบหนึ่ง ชั่วพริบตาก็ใกล้หกโมงเย็นแล้ว
เหลืออีกแค่สองชั่วโมงที่จะได้พบเขาในคืนนี้…
นึกถึงเย่เซียวหัวใจเธอก็บีบรัดแน่น ดวงตารื้นด้วยน้ำใสบางๆ โดยไม่รู้ตัว
“รัฐมนตรี?” ไป๋หลางเห็นเพียงใบหน้ามุมข้างที่แหงนมองของเธอ แต่ก็จับอารมณ์เธอได้ในแวบเดียวจึงเอ่ยเรียกทีด้วยความเป็นห่วง
ไป๋ซู่เย่ได้สติกลับมา หยิบกระเป๋าเงินตัวเองมาไว้ในมือเขา
ไป๋หลางมองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ช่วยไปเช็คเอาท์ห้องให้ฉันหน่อย รหัสนายรู้ ฉันขอเปลี่ยนชุดแต่งหน้าหน่อย”
ไป๋หลางรับคำแล้วหยิบกระเป๋าเงินออกไป ไป๋ซู่เย่นึกบางอย่างขึ้นได้จึงหันมาบอก “รอเดี๋ยว”
“ครับ?”
“ในกระเป๋าเงินมีการ์ดใบหนึ่ง อย่าใช้”
ไป๋หลางค้นกระเป๋าเงินเธอพร้อมดึงการ์ดทุกใบของเธอออกมา “ใบไหนครับ? ใบนี้?”
“อืม”
ไป๋หลางพยักหน้าก่อนจะสอดการ์ดกลับไปเหมือนเดิม แต่ขณะที่สอดการ์ดใบนั้นเข้าไปกลับชะงักมือชั่วครู่ ถาม “ใบนี้ เย่เซียวให้หรือครับ?”
“นายรู้ได้ยังไง?”
“ดูหมายเลขการ์ดก็รู้แล้วครับ” ไป๋หลางตอบ “หมายเลขการ์ดเป็นวันเกิดของคุณกับเย่เซียว”
ไป๋ซู่เย่นิ่งงันไปอึดใจ ไป๋หลางเห็นปฏิเสธกิริยาของเธอ “อย่าบอกว่าคุณเองก็ไม่สังเกตเห็นนะ?”
เธอไม่ตอบ แค่ยื่นมือหยิบการ์ดใบนั้นมาถือไว้ บนการ์ดที่เป็นหมายเลขยาวเป็นพรวนนั่นทำเธอตาแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
เธอยิ้มเหมือนคนบ้า ยิ้มไปยิ้มมาก็ร้องไห้อีกแล้ว
น้ำตาตกกระทบบนการ์ดใบนั้น…
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่รู้ว่าเธอพลาดความใส่ใจของเย่เซียวไปมากเท่าไรแล้ว…
“ปกติคุณขี้สังเกตนี่นา ทำไมหมายเลขยาวขนาดนี้ถึงมองไม่เห็น?” ไป๋หลางกล่าวแล้วมองเธออีกทีถึงเห็นว่าเธอร้องไห้ รีบดึงกระดาษทิชชู่ส่งไปอย่างทำตัวไม่ถูก
แต่น้ำตากลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง แค่ครู่เดียวเท่านั้นทำทิชชู่เปียกชุ่มไปหมด
สิบปีก่อนเธอเอาแต่โกรธเย่เซียวอยู่ฝ่ายเดียว ไม่เคยสังเกตการ์ดใบนี้ให้ละเอียดดีสักครั้ง ภายหลังรู้สึกแค่ว่านี่เป็นของขวัญวันเกิดในอดีตที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันเท่านั้น ไม่เคยสังเกตหมายเลขการ์ดเลย…
“รัฐมนตรี?” น้อยครั้งที่ไป๋หลางเห็นเธอร้องไห้ เธอในอดีตต่อให้เสียใจขนาดไหนก็จะยังคงท่าทางเหมือนเป็นอะไร ไม่มีทางพังทลาย
ฉะนั้น ณ เวลานี้เห็นเธอร้องไห้จนสภาพนี้แล้วทั้งรู้สึกสงสารปนทำตัวไม่ถูก
“ไม่ต้องสนใจฉัน นายไปเช็คเอาท์ห้อง” ไป๋ซู่เย่กำการ์ดใบนั้นแน่นและบอกไปสั้นๆ ไม่กี่พยางค์ หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไม่คิดจะมองไป๋หลางอีกแม้แต่แวบเดียว กระชากประตูปิดอย่างแรง
ในกระจก เห็นน้ำตาเปื้อนไปทั้งใบหน้า
————————
ไป๋หลางไม่ได้เข้าห้องเธอทันที
รอเช็คเอาท์เสร็จสูบบุหรี่อยู่ข้างนอกสองมวนถึงผลักประตูเข้าไป
เธอไม่ได้มีอารมณ์ที่พังทลายเหมือนเมื่อครู่ กลับเป็นประกายวาวหลังเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินและแต่งหน้าเบาๆ เครื่องประดับเจิดจรัส เธอในค่ำคืนนี้สุดจะเย้ายวนใจ
ไม่ต่างจากไป๋ซู่เย่ในยามปกติ ไม่สิ ดูดีกว่าเธอในยามปกติมากทีเดียว
หากไม่ได้เห็นเองกับตา ไป๋หลางคงไม่มีทางเชื่อว่าเมื่อสักครู่คนที่น้ำตาตกต่อหน้าเขาคือเธอ
“เช็คเอาท์แล้วเหรอ?” เธอหันมามองไป๋หลางแวบหนึ่ง
ดวงตาวูบไหว ฉ่ำเยิ้มน่าหลงใหล
ไป๋หลางพยักหน้า “ครับ”
“งั้นเราไปกันเถอะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว”
ไป๋หลางหยักหน้ารับ ยื่นข้อศอกให้เธอ
………………………