อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 789 รักที่มาจากความจริงใจ (2)
สิ้นเสียงของเธอ เย่เซียวรู้สึกเพียงความเย็นที่จ่อตรงหน้าอกตัวเอง ปืนหนึ่งกระบอกกำลังจ่อเขาไว้อย่างแรง
ร่างเย่เซียวสะท้านรุนแรง ดวงตาที่จดจ้องเธอวูบไหวด้วยหยาดอารมณ์ชั่ววูบ
ที่แท้…
เธอยังคิดจะฆ่าเขาอยู่…
ต่อหน้าภาระหน้าที่ ทางเลือกของเธอคือการสูญเสียของเขาเสมอไป!
เดิมที่เย่เซียวคิดว่าตัวเองไม่สนใจจริงๆ แล้ว หัวใจได้ตายไปแล้ว น่าจะไม่เจ็บแล้ว…
แต่เมื่อปลายกระบอกปืนจ่อที่ตัวเองนั้นเขายังรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่ถูกคนทอดทิ้ง เขายังคงคาดหวังอยู่เพียงนิดอย่างน่าอนาถ แล้วก็ถูกเธอผลักตกเหวลึกที่มืดมนไร้แสงสว่างอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง…
“ทะ…ทำไม?” ครู่ใหญ่เขาถึงเปล่งเสียงออกมาได้…
กลีบปากขาวซีดเริ่มสั่นระริก เขาเหมือนบุคคลที่ใกล้ตาย น้ำเสียงแหบแห้ง แหบเสียจนประโยคสั้นๆ นี้ยังเปลี่ยนโทนเสียงไป
ภาพตรงหน้าไป๋ซู่เย่พร่ามัว มือที่กำปืนของเธอไว้เองก็สั่นอย่างรุนแรง ดวงตาจ้องชายหนุ่มตรงหน้านิ่งราวกับจะสลักเขาลงที่หัวใจตัวเอง สลักลงที่กระดูก…
เย่เซียว…
ต่อให้ระหว่างทางสู่โลกอเวจี เธอได้ดื่มซุปของคุณยายเมิ่ง[1]ไป ชาติหน้าเธอก็จะไม่มีวันลืมว่าเคยมีคนที่รักเธอเยี่ยงชีวิตตัวเอง…
เธอถือปืนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่รู้ว่าด้วยความที่ดื่มเหล้าหรือเพราะอารมณ์ที่รุนแรงเกินไปทำให้เธอยืนไม่ค่อยนิ่ง ปลายกระบอกปืนยังคงจ่อหน้าอกเขาเช่นเดิมไม่เคลื่อนสักนิด
“กรี๊ด จะฆ่ากันแล้ว!”
“จะฆ่ากันแล้ว!”
คนรอบข้างเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติต่างตะโกนร้องเสียงดังและเอามือทึ้งหัววิ่งกระเจิง
“สไนเปอร์เตรียมพร้อม!” หลี่สือตวาดเสียงดังที
หยูอันได้สลัดตัวคู่เต้นรำทิ้งพลางหยิบปืนขึ้นเล็งศีรษะไป๋ซู่เย่ไว้ด้วยความเยือกเย็น
ตรงมุมไป๋หลางกำลังตะเกียกตะกายสุดชีวิต คอยมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่แทบจะพังทลาย
“…ผมให้โอกาสคุณอีกครั้งได้นะ” เย่เซียวเอ่ยปาก สีหน้าเขาเรียบตึงคล้ายซาตานในวันมืดค่ำ แต่…กับเธอยังคงไว้ซึ่งความปราณี “ไปตอนนี้ คุณไม่ต้องตายที่นี่”
หยูอันตะลึงไปที ไม่คิดว่าเย่เซียวจะยอมปล่อยเธออีกครั้ง แต่ราวกับก็อยู่ในความคาดหมายได้
ไป๋ซู่เย่คือใคร?
สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเย่เซียวด้วยซ้ำ!
สำหรับเย่เซียวแล้วการฆ่าเธอนั้นเจ็บปวดลำบากใจยิ่งกว่าฆ่าตัวเองมาก!ต่อให้เธอย่ำยีเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำร้ายเขาซ้ำๆ…
ไป๋ซู่เย่หัวเราะ ยิ้มจนน้ำตาซึมจากหางตา ทั้งที่เธอเป็นฆาตกร แต่ขณะนี้ทั้งตัวของเธอกลับถูกปกคลุมด้วยความเศร้าหมองอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“เย่เซียว…ไว้พบกันใหม่…”
ไม่สิ…ไม่พบกันอีกต่างหาก…
ปากของเธอขยับกล่าวอย่างยากลำบากคล้ายหมดสิ้นเรี่ยวแรงทั้งหมด ทุกคำที่กลั่นออกมาเบาหวิวจนฟังแทบไม่ชัด ดุจดั่งควันลมที่แสนเบาหวิวที่มือจับต้องไม่โดน เย่เซียวมองเธอที่เป็นแบบนี้แล้วรู้สึกหน้าอกบีบครั้นอย่างแรงเหมือนถูกคนชกต่อยหนักๆ หนึ่งมัด กระแทกแรงให้อวัยวะภายในของเขาแหลกเป็นชิ้นๆ
เธอ…คิดจะทำอะไรกันแน่?
แต่ไม่รอให้เขาคิดให้กระจ่าง เธอได้ยกปืนขึ้นจ่อ จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืนอย่างคล่องมือ
“ปัง–” เสียงดังสนั่น หน้าอกเย่เซียวยังอยู่ดีแต่เธอที่อยู่ตรงหน้าร่างกระตุกล้มคุกเข่ากับพื้น
ปืนนัดนั้นเหมือนยิงโดนตัวเย่เซียวด้วยเช่นกัน ร่างสูงตระหง่านของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง
ตามด้วยอีกเสียง ‘ปัง–’เลือดพุ่งกระฉูดจากหน้าอกของเธอ เลือดสีสดย้อมกระโปรงสีน้ำเงินให้เป็นสีเข้มวงกว้าง
“ไม่!” ในที่สุดไป๋หลางก็ร้องออกมาหนึ่งคำ น้ำตาไหลพรั่งพรูทันที
“หยุดนะ ให้พวกเขาหยุดเดี๋ยวนี้!” เย่เซียวที่เพิ่งได้สติเหมือนเป็นบ้า อารมณ์พังทลาย เส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปนออกมา เขาคุกเข่าลงกอดเธอที่ร่างอาบไปด้วยเลือดไว้ในอ้อมแขน
ทำไม?
ทำไมปืนของเธอไม่มีลูกกระสุน?
เขาหลงคิดมาตลอดว่ารักของเธอเป็นสิ่งจอมปลอม เป็นเรื่องเสแสร้ง เขาอยู่อย่างเจ็บปวดทรมานและคอยกดทับอารมณ์ไว้อย่างลำบาก เพียงแต่ ทำไม…ทำไมวินาทีสุดท้าย เธอกลับเลือกใช้วิธีให้เขาได้สติ?
“ซู่ซู่…ซู่ซู่…” เขาไม่เคยลนลานและสภาพโทรมเช่นนี้มาก่อน สองมืออุดแผลตรงหน้าอกเธอไว้อย่างแรงเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่านี้
พร่ำเรียกชื่อที่เขารักมาอย่างยาวนานด้วยเสียงแหบพร่า ริมฝีปากสั่นระริกแนบใบหน้าเธอพร้อมกับเสียงที่แหบแห้งลงอย่างเต็มที่ “ทำไมถึงทำแบบนี้? ทำไม?”
ชั่วขณะที่หัวใจได้ตายไปเธอคิดว่าเย่เซียวไม่รักเธออีกแล้ว ไม่ใจเต้นเพื่อเธออีกแล้ว แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่าทุกอย่าง แค่เธอกำลังโกหกตัวเองอยู่เท่านั้น…
“เย่เซียว…คุณยังเกลียดฉันอยู่มั้ย?” เสียงไป๋ซู่เย่แผ่วเบาขนาดนั้น เบาเสียจนราวกับว่าจะหายไปในพริบตา
เย่เซียวส่ายศีรษะ “ผมไม่เคยเกลียดคุณ…ไม่เคยเลย…”
ความเกลียดชังเหล่านั้นแค่เป็นการกลั่นแกล้งของความรัก เขารักเธอ ใช้ชีวิตรักเธอเข้ากระดูก และไม่มีวันเปลี่ยนไปตลอดชีวิต!
เธอยิ้ม ยิ้มได้สวยสลดอย่างมาก
ในเวลาแบบนี้ เธอยังอยากเหลือภาพที่สวยงามที่สุดของตัวเองไว้ให้เขา
“ฉันทำแบบนี้…ไม่ใช่เพื่อลงโทษคุณ…ฉะนั้น อย่ารู้สึกผิด…” ไป๋ซู่เย่ยกมือหมายจะลูบหน้าเย่เซียว แต่มือยกถึงกลางคันก็หมดแรงไป เย่เซียวกุมมือเธอไว้แน่นด้วยตาแดงก่ำ เอามาแนบหน้าตัวเอง เธอรู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ซึมซับความอุ่นจากตัวเขา และเพิ่งเปล่งเสียงออกมาได้ “ฉันเองที่อยากจะหลุดพ้นสักที…ฉันติดค้างพวกคุณไว้ยี่สิบห้าชีวิต ฉัน…ฉันไม่มีวิธีอื่นที่จะชดใช้พวกคุณได้แล้ว…”
ตอนนี้การตายด้วยน้ำมือพวกเขา ถึงจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของเธอไป๋ซู่เย่
นับจากนี้ไม่ต้องคอยกังวลว่าเย่เซียวจะบาดเจ็บเพราะอยู่กับตัวเอง
สิ่งที่ติดค้างพวกเขา ครั้งนี้ได้ใช้คืนทั้งหมดแล้ว…
“ผมไม่อนุญาตให้คุณตาย คุณได้ยินมั้ย? ผมไม่อนุญาตให้คุณตาย!” เขาจับมือเธอแน่นราวกับอยากจะรั้งเธอไว้
แต่ร่างกายไป๋ซู่เย่เริ่มเย็นลงทุกเมื่อ ลมหายใจอ่อนลงเรื่อยๆ
เธอพูดบอกเย่เซียว ในชั่ววินาทีสุดท้ายนี้ยังอาวรณ์ความอบอุ่นของเขา อาวรณ์กลิ่นอายของเขา
“เย่เซียว…ฉันรักคุณจัง…” เธอพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย ดวงตาเริ่มพร่ามัว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้เขาเชื่อในความรักของเธอได้สินะ?
“ผมรู้!ผมรู้ทั้งหมดแล้ว!” เขาเกลียดตัวเองแทบตาย ไม่ควรลองใจเธอ ไม่ควรสงสัยเธอ!
หากไม่มีการสงสัยจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า บางทีพวกเขาอาจไม่มาถึงจุดนี้ก็ได้ใช่ไหม?!
ได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าเธอเผยความปลื้มใจวูบหนึ่ง
ยังดี…ที่เขาก็เชื่อในที่สุด…
ยามนี้ต่อให้เธอจากไปแล้ว คงไม่มีเรื่องให้ต้องเสียใจทีหลังอีกแล้วสินะ…
ไม่ ยังมีอีกมาก…
ตั้งมากมาย…
ไม่อาจอยู่ประคับประคองกับเขาไปจนแก่เฒ่า ไม่มีลูกของพวกเขาสักคน และไม่มีวันได้เห็นสภาพเขาที่ผมขาวเต็มหัว…
แค่คิดก็รู้สึกแย่
“คุณกับประเทศ…ฉันทรยศไม่ได้ทั้งคู่ ดังนั้น…ฉันไม่เลือกแล้วกัน…” ไป๋ซู่เย่ยิ้มเหมือนได้หลุดพ้น เป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายลงอย่างเต็มที่ ดวงตาของเธอค่อยๆ ปิดลง “แต่ยังดี…หลังจากนี้ฉันไม่ต้องเลือกอีกแล้ว…”
…………………………
[1] ตำนานคุณยายเมิ่ง เป็นตำนานที่หากใครตายไปจะต้องดื่มน้ำซุปของคุณยายเมิ่งเพื่อลืมความทรงจำทั้งหมดของชาตินี้