อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 791 รักที่มาจากความจริงใจ (4)
หนึ่งเดือนให้หลัง
ฝนตกหนัก โลกทั้งใบมืดครึ้ม
มืดครึ้มยิ่งกว่าความมืดยามค่ำคืน ลมแรงโบกสะพัด อึดอัดเสียจนหายใจไม่ออก
ด้านใต้ป้ายสุสาน มีเงาร่างสูงของชายหนุ่มในเสื้อโค้ทดำล้วนยืนตระหง่านอยู่ คนข้างกายช่วยถือร่มคันใหญ่ให้เขา
เขาพยายามดูดบุหรี่แรงๆ แต่ไม่เดินไปข้างหน้า ไม่มองป้ายสุสานนั่นสักแวบเดียว
สักพักหยูอันเดินลงมา
สีหน้าหนักอึ้ง
เย่เซียวมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่งโดยไม่ถามอะไร แค่ได้ยินหยูอันพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “สุสานของเธอ…ไม่มีผิดครับ”
มือที่คีบบุหรี่อยู่กระตุกสั่นทำให้โคนบุหรี่ที่เผาไหม้เป็นขี้เถ้าตกหล่นใส่มือเย่เซียว เขากลับยืนนิ่งค้างตรงนั้นไม่มีปฏิกิริยาพักใหญ่
วันนั้น…
เป็นวันที่เขาไม่ยอมนึกถึงอีก เมื่อเธอถูกยกขึ้นรถพยาบาลเขาก็เป็นลมหมดสติไปเพราะหัวใจที่เต้นผิดปกติ
รอฟื้นมาอีกทีคืออีกสามวันให้หลัง
สิ่งที่ต้อนรับเขากลับเป็นงานศพ
เธอจากไปแล้ว…
นำพาดวงวิญญาณของเขารวมถึงหัวใจของเขาไปด้วย…
อนาคตในวันที่เขาตายตามไป จะต้องหลับใหลเคียงข้างเธอตลอดไปอย่างไม่ต้องสงสัย…
…………
เย่เซียวเร่งเท้ากลับประเทศ T เขาเพิ่งก้าวลงเมืองเยียวสายโทรศัพท์ของถังซ่งก็โทรเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“เย่เซียว ฉันหาวิธีได้แล้ว!ฉันหาวิธีที่จะช่วยนาย ช่วยเอาลูกกระสุนตรงอกนายออกมาได้แล้ว!”
ถังซ่งดีใจอย่างมาก
แต่ความดีใจนั่นกลับไม่ส่งผลถึงเขาสักนิด
“ถ้าไม่เอากระสุนนัดนี้ออกมา ฉันน่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน?” เขาถามเสียงเรียบ
“…อย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งเดือน”
“งั้นเหรอ?” น้ำเสียงเย่เซียวราบเรียบ “งั้นก็ปล่อยมันอยู่ต่อไปนั่นแหละไม่ต้องเอาออกมาแล้ว”
ถังซ่งชะงัก
ความจริงเป็นคำตอบที่อยู่ในความคาดหมายแต่พอได้ยินเขาพูดออกจากปากเช่นนี้ อีกทั้งยังพูดด้วยอารมณ์เรียบนิ่ง ทำให้ถังซ่งระเบิดอารมณ์ทันที
“เย่เซียว นายมันใช้ไม่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ นายไม่อยากมีชีวิตต่อเพราะผู้หญิงคนเดียว? ฉันจะบอกนายให้นะว่าฉันเสียแรงทุ่มเทขนาดไหนถึงจำลองการผ่าตัดได้อย่างคล่องแคล่ว นายกล้าทำให้ฉันผิดหวัง ฉัน—ให้ตายเถอะ!”
ความจริงถังซ่งทำอะไรเขาไม่ได้เลย สุดท้ายได้แค่สบถหยาบออกมาอย่างนึกโกรธ
“ฉันวางสายนะ พี่ของนายโทรมา” เย่เซียวไม่คุยกับถังซ่งต่อก่อนจะวางสายไป ถังเจวี๋ยโทรเข้ามาซึ่งเขาก็กดรับสาย
“เย่เซียว ดีใจที่ได้ร่วมงานด้วย รอเงินถึงมือฉันจะโอนให้บัญชีนายทันที”
“ไม่ต้องหรอก” เย่เซียวตอบ “เงินก้อนนั้นถือว่าฉันให้นาย”
ถังเจวี๋ยนิ่งงันไป
หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ เขาเหมือนจะเดาความคิดของเย่เซียวได้
“เย่เซียว…”
สุดท้ายได้แค่เอ่ยเรียกเขาที อยากปลอบแต่เหมือนไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาปลอบโยนเขา
“ไม่ได้ให้นายฟรีๆ” เย่เซียวหยุดเว้นช่วง “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากขอร้องนาย”
“นายว่ามาเลย”
“หนึ่งเดือนหลังจากนี้ช่วยดูแลแม่ของฉันให้ดีแทนฉันด้วย ฉันรู้ว่าจากความสามารถของนาย การปกป้องท่านไม่ใช่ปัญหา”
“…” ถังเจวี๋ยเงียบ อึดอัดที่หน้าอกอย่างหายใจไม่ออก นานกว่าเขาจะปริปากพูดอีกครั้ง “ดูแลท่านไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อเป็นแม่แท้ๆ ของนายก็เท่ากับเป็นแม่แท้ๆ ของฉันเหมือนกัน แต่ว่า…เย่เซียว นายจะคิดใหม่อีกทีดูมั้ย?”
“ขอบใจ!” เย่เซียวกดวางสายไปโดยไม่ตอบคำถามใดๆ อีก
————————
ครึ่งเดือนหลังจากนั้นเป็นงานฉลองวันเกิดของไฟเรนเซ่
ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้กว่าครึ่งเมืองเยียวก็ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้และผู้คนมีฐานะทั้งหลายของเมืองเยียวต่างเข้าร่วมงานกันเกือบทั้งหมด
ทุกคนกำลังปวดหัวกับของขวัญที่จะให้
ส่วนแกลลอรี่ศิลปะแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดอยู่ทางเหนือของเมือง มีคนกำลังปวดหัวแทบตายกับภาพวาดที่กำลังจะส่งมอบเป็นของขวัญ
“พวกคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ภาพนี่ราคาสองแสนกว่า พวกคุณกลับทำน้ำหกใส่มัน!” ลูกค้าร้องโวยวายกำลังบ้าคลั่งอย่างห้ามไม่อยู่
“ขอโทษค่ะขอโทษด้วยคุณผู้ชาย เราไม่ระวังเอง แต่…เราได้แก้ไขเร่งด่วนไปแล้ว ถ้ารอยน้ำแห้งแล้วต้องดูไม่ออกแน่ๆ” พนักงานคนหนึ่งขอโทษรัวๆ
“ดูไม่ออกจะให้ฉันถือว่าไม่เคยรู้ว่าพวกคุณทำผิดเหรอ? พวกคุณเรียกเจ้านายพวกคุณออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”
“คุณผู้ชาย ถ้าคุณไม่ชอบภาพวาดภาพนี้แล้ว งั้น…คุณลองดูรูปอื่นมั้ยคะ? บางทีรูปอื่นอาจจะมีที่คุณถูกใจก็ได้นะคะ?”
อีกฝ่ายแค่นเสียงทีและนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว “จะให้เปลี่ยนรูปน่ะไม่มีทาง!เรียกเจ้านายพวกคุณออกมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง แล้วก็ลดราคาครึ่งหนึ่งให้ฉันด้วย เรื่องนี้ก็เท่ากับว่าจบลงแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกคุณอย่าคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ! ยังไงซะพวกคุณเพิ่งเปิดร้านใหม่ แต่ทำลายภาพที่ฉันจะให้คุณไฟ พวกคุณยังคิดจะเปิดร้านในเมืองเยียวต่อไปหรือเปล่า?”
พนักงานสองคนต่างมองกันและกันอย่างนึกลำบากใจ
เจ้านายของพวกเธอ ความจริงพวกเธอเพิ่งเคยเจอครั้งสองครั้งเท่านั้น หากไม่ใช่สถานการณ์คับขันจริงๆ ปกติเจ้านายจะไม่ปรากฎตัวที่นี่
“มัวยืนบื้อทำไม? ไม่รีบไปอีก!” พอคนคนนั้นเร่งเร้า อีกฝ่ายจึงจำต้องไปโทรศัพท์จนได้
หลังผ่านไปสักครู่ พนักงานย้อนกลับมาด้วยท่าทางที่คล้ายจะโล่งใจเล็กน้อย
“คุณผู้ชาย รบกวนช่วยรอสักครู่นะคะ เจ้านายของเราเพิ่งเลิกเรียน เดี๋ยวก็มาแล้ว”
“ฉันมีเวลาเหลืออีกสิบห้านาที ถ้าผ่านไปแล้วสิบห้านาทีเจ้านายพวกคุณยังไม่โผล่มา พวกคุณก็รีบปิดร้านไสหัวไปซะ!”
พนักงานร้านอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ
สิบสองนาทีผ่านไป
ประตูร้านถูกคนผลักเข้ามาจากข้างนอก
หญิงสาวคนหนึ่งสวมแว่นกรอบดำเดินเข้ามา มัดผมยาวดัดลอนไว้หลังศีรษะอย่างสบายๆ และแบกกระดานวาดรูปไว้ด้านหลัง
กระโปรงผ้าคอตตอนสีขาวบนตัวเต็มไปด้วยสีสันหลากสีเปรียบเสมือนสายรุ้งแสนงดงาม
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ มีลูกค้าต้องการคุยกับฉันเหรอ?” เสียงน่าฟังอย่างมาก
ลูกค้าคนนั้นเดิมทีคิดว่าเป็นเพียงนักเรียนเลยไม่ได้ประเมินเธอสักเท่าไร พอได้ยินคำพูดนี้ถึงเงยหน้าขึ้น “คุณคือเจ้าของร้านภาพวาดร้านนี้เหรอ?”
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอเปลี่ยนชุดหน่อยแล้วจะรีบออกมาค่ะ คุณช่วยนั่งรอสักครู่”
หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ และมีท่าทีเป็นกันเอง พูดสั่งให้พนักงานเทน้ำชาให้ลูกค้าส่วนตัวเองเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเล็กข้างๆ
แค่สองนาทีสั้นๆ หลังจากนั้น รอเธอเดินออกมาอีกทีนอกจากทำเอาพนักงานร้านอึ้ง ลูกค้าเมื่อครู่เองก็อึ้งตาค้าง
หญิงสาวที่แต่แรกมัดผมหางม้าได้ปล่อยลงมาสยายอยู่ด้านหลัง กระโปรงขาวผ้าคอตตอนเองก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสกระโปรงยาวสีดำสุดแสนจะสง่า รองเท้าคัชชูส้นเตี้ยเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นสูง แว่นตากรอบดำถูกถอดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เรียกให้คนมองตะลึงอย่างไม่อาจละสายตาได้
นี่มัน…
อีกฝ่ายหรี่ตาลง “เรา…เคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า?”
ทำไม เขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คุ้นตานัก?
“อาจจะนะคะ เมืองเยียวไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก ถ้าเป็นคนที่ชอบวาดรูปเหมือนกันจะเจอกันคงไม่แปลก” หญิงสาวนั่งลงอมยิ้มหน่อยๆ “คุณลูกค้ามีปัญหาเดือดร้อนอะไรที่จะให้ฉันจัดการหรือคะ?”
สายตาอีกฝ่ายกวาดมองหน้าเธออย่างประเมินอยู่ตลอด สักพักในหัวมีใบหน้าคุ้นตาวาบขึ้นมา นี่…คนรักเย่เซียวไม่ใช่หรือ?
………………………