อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 792 ที่แท้ก็คือคุณ (1)
“คุณลูกค้า?” เห็นสายตาอีกฝ่ายที่ทิ้งอยู่บนตัวตนเองตลอดนั่นหญิงสาวจึงเรียกขานเสียงเบาทีหนึ่ง
อีกฝ่ายได้สติคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าเสียมารยาทแต่ก็อดถามอีกประโยคไม่ได้ว่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับอดีตคู่หมั้นของคุณเย่เซียวอย่างคุณน่าหลันหรือครับ? อ้อ ผมถามล่วงเกินมากไป แต่พวกคุณดูหน้าตาคล้ายคลึงกันมากจริงๆ”
หญิงสาวอมยิ้ม “ฉันกับเย่เซียวเป็นเพื่อนเก่ากันน่ะค่ะ”
——————
สามชั่วโมงหลังจากนั้นงานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
คฤหาสน์ไฟครึกครื้นไปทั่ว
เย่เซียวยืนอยู่ชั้นบนคอยมองทุกอย่างตรงหน้าจากข้างบน ดวงตาไร้แวว
ต่อให้ทั้งคฤหาสน์กำลังคึกคักเต็มที่แต่เขากลับรู้สึกโล่งเปล่าไปหมด โหวงเหวงจนน่าตกใจ
ในอีกโลกหนึ่งที่แยกความเป็นความตายนั่นจะเป็นอย่างไร? แผลบนตัวเธอหายดีหรือยัง? อยู่ที่นั่นยังเจ็บอยู่หรือเปล่า? ปกติเธอไม่ชอบใส่เสื้อหนาๆ แต่ในอีกโลกที่เย็นยะเยือกคงหนาวสินะ?
เธอได้ดื่มน้ำซุปคุณยายเมิ่งไปหรือยัง? แล้วจะนึกถึงเขาบ้างหรือเปล่า? แล้วรู้บ้างไหมว่าเขาที่อยู่ไกลตรงนี้ ไม่เคยลืมเธอเลยสักนาทีเดียวหรือวินาทีเดียว
รู้สึกเจ็บตรงอกขึ้นมา
เขาหายใจหอบหนัก ยกแก้วเหล้าดื่มรวดแล้วกลืนลงท้องไป
ถังซ่งพุ่งเข้ามาจากข้างนอก แย่งแก้วจากมือเขาแล้วเขวี้ยงลงพื้น “มีชีวิตอยู่ต่ออีกวันมันลำบากนายมากเลยใช่มั้ย? ”
“ลงไปเถอะ งานใกล้จะเริ่มแล้ว”
ใบหน้าเย่เซียวราบเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ทุกหยาดอารมณ์ได้ถูกเก็บไว้ตั้งแต่วินาทีที่ถังซ่งพุ่งตัวเข้ามาแล้ว
เขาเดินออกไปข้างนอกเหลือเพียงแผ่นหลังโดดเดี่ยวให้ถังซ่ง
“บัดซบ!ยิ่งอยู่ยิ่งอึดอัด ยิ่งอยู่ยิ่งไม่สนุก!” ถังซ่งอดสบถไม่ได้ หากเป็นไปได้อยากจะไปขุดสุสานไป๋ซู่เย่เสียตอนนี้ ลากเธอขึ้นจากหลุมแล้วชุบชีวิตเธอให้ได้!
เย่เซียวเป็นคนที่อดกลั้นอย่างมาก วันที่เกิดเหตุเป็นวันเดียวที่อารมณ์ของเขาพังทลาย เมื่อถังซ่งเดินทางจากประเทศ S มาอย่างเร่งรีบนั้นเขาได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว แต่ในปากยังพึมพำชื่อเธอตลอดเวลา เขาหลับตาแน่นมีน้ำตาติดตรงหางตา
ถังซ่งไม่เคยพบเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน หยูอันกับหลี่สือเองก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เมื่อนั้นทุกคนแค่มองดูยังรู้สึกปวดใจ แม้แต่ไฟเรนเซ่ยังไม่กล้าเอ่ยถึง ‘ไป๋ซู่เย่’ ต่อหน้าเขาอีก เป็นดั่งคำสาปต้องห้ามที่แค่แตะเบาๆ ก็สร้างรอยแผลถึงชีวิตได้
หลังจากนั้นเมื่อเขาฟื้นมาเผชิญกับงานศพ เจอป้ายสุสานอันเย็นเฉียบของเธอ ทุกคนคิดว่าเขาจะคลุ้มคลั่งแต่เหนือความคาดหมายที่ว่าเขากลับทำใจยอมรับทุกสิ่งอย่างใจเย็น อย่างน้อยใบหน้าก็เรียบเฉย
ต่อมาถังซ่งรู้แล้ว—ที่เขาใจเย็นได้ขนาดนั้น เป็นเพราะเขากำลังจะไปหาเธอแล้ว ต่อจากนี้ในโลกที่ไม่มีความขัดแย้งไม่มีความเกลียดชัง พวกเขาไม่ต้องพลัดพรากจากกัน สามารถจูงมือกันและกัน ฉะนั้นเขาถึงได้ใจเย็น เงียบสงบ และเริ่มวาดฝัน…
เย่เซียวที่เป็นแบบนี้ ความจริงช่างใจร้ายถึงที่สุด
————
“นี่เป็นของขวัญที่จะมอบให้คุณไฟ แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มากเท่าไหร่” ชั้นล่างแขกที่มาได้ส่งมอบภาพวาดรูปหนึ่งให้คนที่คอยรับของอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณคุณลี่ เชิญครับ” อีกฝ่ายต้อนรับคุณลี่เข้าไป
“เอ่อ…ผมอยากถามหน่อยว่าคุณหยูอันอยู่ที่ไหนหรือครับ?”
อีกคนชี้ไปอีกทิศทางหนึ่งซึ่งแขกคนนั้นได้เห็นหยูอันที่กำลังยุ่งวุ่นวายพอดี เขาถลาเข้าไปหา
“คุณหยู”
หยูอันหันหน้ามาก็จำอีกฝ่ายได้ทันที “ที่แท้ก็คุณลี่นี่เอง ยินดีต้อนรับ ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ไปต้อนรับด้วยตัวเอง”
แม้จะว่าอย่างนั้นแต่ท่าทีของหยูอันกลับเฉยชา คุณลี่คนนี้เขารู้จักดี ช่วงนี้อยากทำธุรกิจร่วมกับเย่เซียวแต่นิสัยใจคอเจ้าตัวไม่ดีเท่าไร เย่เซียวไม่เคยสนใจเขา ตอนนี้วิ่งแจ้นมาหาเขาถึงที่เกรงว่าคงไม่พ้นเรื่องธุรกิจ
“คุณหยู เราไม่พูดอะไรที่เกรงอกเกรงใจกันแล้วกัน วันนี้ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณ”
“ต้องขอโทษด้วยคุณลี่ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณไฟ เรามีกฎว่าในงานวันเกิดจะไม่พูดเรื่องงานเด็ดขาด”
หยูอันปฏิเสธที่จะคุยกับอีกฝ่ายต่อ หันหลังเตรียมเดินออกจากตรงนั้น
“คุณหยู เรื่องนี้ผมจะพูดแค่ครั้งเดียว ถ้าคุณไม่ฟัง ไม่แน่อาจจะเสียใจทีหลังก็ได้นะครับ” คุณลี่ยืดอกยืนตัวตรง
หยูอันหันกลับมากวาดมองประเมินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแค่นหัวเราะที “ได้สิ ในเมื่อคุณลี่พูดขนาดนี้แล้วงั้นผมจะรอฟัง แต่เรื่องนี้ถ้าไม่ได้สำคัญเท่าที่ผมคิด หลังจากนี้ไม่ว่าอะไรที่คุณพูดคงไม่เข้าหูผมอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายท่านของเรา”
ความหมายคำพูดนี้เท่ากับว่าหลังจากนี้หากต้องการร่วมงานกับเย่เซียว ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์
อีกฝ่ายกลับไม่ได้รู้สึกลนเท่าไรนัก แค่เขยิบหน้ากระซิบข้างหูหยูอันไม่กี่ประโยค
หยูอันตะลึงและแทบไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่ได้ล้อผมเล่น?”
“ต่อให้ผมกล้าขนาดไหนก็ไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น เธอหน้าตาคล้ายคุณน่าหลันมาก แต่ดูจะโตกว่าคุณน่าหลันหน่อย แต่ก็คงโตกว่าไม่กี่ปี เหมือนจะเป็นนักเรียน…”
“โตกว่าไม่กี่ปี? นักเรียน?” หยูอันจับต้นชนปลายไม่ถูก แค่จากสองลักษณะดังกล่าวนี้คงไม่ใช่ไป๋ซู่เย่แล้ว ก็ใช่ เธอถูกฝังลงดินไปแล้วด้วยซ้ำแล้วจะเป็นเธอได้อย่างไร?
แต่ว่า…
หากหน้าตาคล้ายน่าหลัน นั่นบ่งบอกว่าก็คล้ายคลึงไป๋ซู่เย่อยู่บ้าง
หากตามตัวเธอกลับมาอยู่เคียงข้างเย่เซียวได้จริงๆ ไม่แน่เย่เซียวอาจจะมีความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตต่อ?
แค่คิดได้เช่นนี้หยูอันก็เริ่มตื่นเต้น เขารีบกล่าว “ที่อยู่ล่ะ? เอาที่อยู่ร้านขายรูปวาดนั่นให้ผม”
“คุณหยู นี่ก็เท่ากับว่าผมทำคุณความดีแล้วใช่มั้ย?”
“ผมต้องไปดูก่อนถึงจะรู้ว่าใช่หรือเปล่า ถ้าไม่คล้ายล่ะก็…” ธาตุแท้หยูอันเปิดเผย มือใหญ่ทำท่าตัดคอที “คุณตายแน่!”
อีกคนสะดุ้งตัวโยน ไม่กล้าพูดพร่ำทำเพลงรีบบอกที่อยู่ของร้านขายรูปวาดให้อีกฝ่ายไป
……………………………………
หยูอันไม่รอเสียงไล่ถามของหลี่สือ ก่อนจะขับรถตรงไปยังร้านขายรูปวาดชื่อ ‘Dark’ ใจกลางเมือง โดยปกติแล้วชื่อร้านขายรูปศิลปะในเมืองต้องตั้งชื่อที่ดูมีความศิลปะหน่อย แต่ Dark ออกจะเอนเอียงไปยังความมืดมน เดิมทีหยูอันคิดว่าคงเป็นร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือออกโทนสีมืด รถจอดข้างนอกขณะที่เจ้าตัวอึ้งอยู่กับที่
เขายังไม่เข้าไป แค่นั่งมองภาพที่แขวนอยู่ข้างหน้าต่างจากไกลๆ นิ่งไม่ได้ลงมา
ภาพเหล่านี้ล้วนเป็นภาพวาดชื่อดังของ Alex
Alex เป็นศิลปินเพียงคนเดียวที่เขารู้จักเนื่องจากสิบปีก่อนทุกครั้งที่ไป๋ซู่เย่ไปเยี่ยมชมนิทรรศการของ Alex นั้นล้วนมีเขาเป็นบอดี้การ์ดคอยติดตาม ทุกครั้งมักจะถูกภาพศิลปะที่ไม่มีวันเข้าใจทรมานแทบแย่ แต่ยังต้องไปเป็นเพื่อนเธอทุกครั้งไป พอไปบ่อยครั้งเข้านอกจากเขาจะชินชาแล้วกลับยังเคลิ้มไปตาม ‘การอบรม’ ของเธออยู่ไม่มากก็น้อย เพียงแวบเดียวก็จำได้ว่านั่นเป็นลายเส้นของ Alex
………………………