อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 798 อยากจะกอดคุณดีๆ สักครั้ง(3)
ภายในห้องมีกลิ่นหอมจางๆ ที่ให้ความรู้สึกสบายเมื่อได้กลิ่น เย่เซียวถอดเสื้อตัวนอกวางพาดโซฟาห้องนั่งเล่นอย่างไม่ใส่ใจ กวาดตาหาคนที่ตามหา เธอเดินยกน้ำออกมาจากห้องครัว
“ดื่มสักคำ ข้างนอกหนาว” เธอยื่นแก้วน้ำใส่มือเขา
เย่เซียวรับแก้วน้ำมาดื่มอึกหนึ่งก่อนวางไว้ข้างๆ
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาล้ำลึกอยู่ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยปาก “มาให้ผมกอดคุณดีๆ หน่อย”
ไป๋ซู่เย่ใจสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนที่เย่เซียวจะเกี่ยวแขนยาวรวบตัวเธอเข้าอ้อมกอดแน่น ตัวเธอซุกอ้อมอกเขาพลางหลับตาลงสัมผัสไออุ่นจากร่างเขาอย่างหลงใหล เพียงแค่รู้สึกสบายใจ
ใจเย่เซียวยิ่งหุนหันผันแล่นเป็นร้อยเป็นพันรอบ มีทุกอารมณ์ความรู้สึก
อ้อมกอดหลังพลัดพรากจากกันไปเพราะความตาย หนึ่งเดือนนี้เขาจินตนาการถึงมันแทบทุกวัน
ได้กอดเธอแนบแน่นในอ้อมแขนแบบนี้ถึงรู้สึกถึงความสมจริงได้บ้าง…
……
ตกดึก เย่เซียวกลับไปเมื่อดึกมากแล้ว
เธอไม่รั้งเขาไว้
เขาเองก็ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ค้าง
ความเกี่ยวพันอาวรณ์ในใจของทั้งคู่มีเพียงตัวเองที่รู้ดีที่สุด
…………
ระหว่างทางที่กลับไปเย่เซียวขับรถช้ามาก หลายครั้งที่อยากจะกลับรถย้อนกลับไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ใจร้อนเกินไปไม่ดี
ระหว่างพวกเขาไม่เคยได้เปิดใจคบกันอย่างแท้จริงเลยตั้งแต่เริ่มต้น ในเวลาแบบนี้หากชะลอหน่อย มาคบกันดีๆ ก็ดี เขาปลอบใจตัวเอง กล่อมตัวเองเช่นนั้น
ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นอยู่ ขณะที่กำลังเรียกให้ตัวเองใจเย็นลงอยู่ๆ โทรศัพท์ก็แผดเสียง
หน้าจอฉายเบอร์มือถือของเธอ
ทั้งที่ปากบอกว่าต้องการชะลอแต่พอเห็นเป็นสายจากเธอ ไม่ปล่อยให้ดังต่อเนื่องถึงสองทีรีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล” เขาไม่ทันเก็บน้ำเสียงที่รีบร้อนด้วยซ้ำ
“…คุณถึงบ้านหรือยัง?” เขากลับไปนานพอสมควรแล้ว จากความเร็วตามปกติของเขาตอนนี้น่าจะใกล้ถึงแล้ว
แต่ความจริงนั้น…
เขายังขับวนอยู่ไม่ไกลจากที่พักเธอ
ปากกลับตอบไปว่า “อืม เดี๋ยวก็เข้าโรงจอดรถแล้ว ทำไมเหรอ?”
“อ้อ งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว” เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง
“…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เซียวถามอีกที
“ห้องฉันเมื่อกี้ไฟดับแต่บ้านคนอื่นยังไฟสว่างอยู่เลย ฮีตเตอร์ก็ดับเลยหนาวนิดหน่อย…” ขณะที่เธอพูดนั้นเสียงอ่อนโยนและติดออดอ้อนอย่างชัดเจน “ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาตรงวงจรไฟฟ้าไหนหรือเปล่า ฉันต้องเช็คเองมั้ย?”
เสียงอ่อนนุ่มนั้นกำลังอ้อนชัดๆ และแฝงด้วยความพึ่งพาเล็กน้อยเรียกให้ความร้อนระอุบางอย่างพุ่งแล่นขึ้นมากลางอกเย่เซียวคล้ายถูกของบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจัง เมื่อตั้งสติได้ก็กลับรถไปอีกทางเสร็จสรรพ
“อย่าเช็คเอง!นอนบนเตียง เดี๋ยวผมไป”
“แต่คุณถึงบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เปล่า ยังอยู่แถวๆ ห้องคุณ”
ยังอยู่แถวนี้?
ไป๋ซู่เย่กระตุกยิ้ม “งั้น…ฉันจะรอคุณ”
“อืม”
“เย่เซียว…” ใกล้จะวางสายเสียงเธอดังแว่วมาจากอีกฟากของสาย
เสียงนุ่มที่เรียกคำนี้ทำให้เย่เซียวรู้สึกร้อนผ่าวทั้งใจ เสียงแหบพร่าตอบกลับ ‘อืม’
“ไม่มีอะไร” เธอหยุดเว้นช่วงครู่หนึ่งถึงตอบอีก “แค่อยากบอกว่า ฉัน…คิดถึงคุณนะ…”
เย่เซียวนิ่งงัน ความจริง…ใช่ว่าเขาจะไม่คิดถึง?
เขาไม่ได้คิดถึงเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่คิดถึงมาก…คิดถึงมาก…
เขาเพิ่มความเร็วยิ่งกว่าเดิม
ไป๋ซู่เย่ที่เพิ่งวางสายไปพลางถือโทรศัพท์นอนบนเตียง ฟ้าข้างนอกดำสนิทดังเดิมแต่เธอกลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้าสว่างไสว
คนที่รอดกลับมามีชีวิตครั้งใหม่หลังความตาย ไม่ได้มีเพียงเธอ เย่เซียวเองก็เช่นกัน
ทุกอย่างระหว่างสองคนดูสดใสขึ้นมาทันตา ต่างคบหากันและกันด้วยใจที่บริสุทธิ์ นี่ต่างหากที่สร้างความสบายใจให้แก่กัน
……………………
เย่เซียวขับวนอยู่แถวห้องเธอจริงๆ ด้วย
สิบนาทีหลังจากนั้นกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
ไป๋ซู่เย่รีบเด้งตัวจากเตียง คลำหาประตูท่ามกลางความมืด ชั่วขณะที่ประตูถูกเปิดออกและแสงไฟทางเดินข้างนอกสาดเข้ามา ปกคลุมร่างเขาเป็นสีเหลืองอร่าม
เขาก้มหน้าใช้สายตาร้อนผ่าวมองเธอ สุดท้ายความรู้สึกในใจก็ยากจะควบคุมได้ ไม่สนใจที่จะปิดประตูด้วยซ้ำใช้มือข้างเดียวประคองหลังศีรษะเธอพร้อมกระชากตัวเธอเข้าไป ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะหน้า ไม่รอให้ตั้งสติริมฝีปากก็ถูกประกบ
จูบลึกซึ้งของเขาแนบลงมา
ยามนั้นคล้ายจูบไปถึงหัวใจเธอ เธอโอบลำคอเขาไว้โดยอัตโนมัติ ตอบรับจูบเขาอย่างร้อนแรง
ทั้งคู่ยิ่งจูบยิ่งเร่าร้อน
มือของเย่เซียวล้วงเข้าไปใต้ชุดนอนเธอด้วยสัญชาตญาณ ประคองบั้นท้ายเธอช้อนตัวเธอขึ้นแล้วยึดไว้ตรงกำแพง
“รอเดี๋ยว…เย่เซียว…” ไป๋ซู่เย่หอบหนัก มือกดไหล่เขาไว้พยายามดึงสติกลับมา “รอเดี๋ยวก่อน…เราทำไม่ได้…”
เย่เซียวหยุดการกระทำลงเชยตามองเธอแวบหนึ่ง ดวงตาของเขาเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมเพราะหยาดอารมณ์ความต้องการ อาศัยแสงไฟอ่อนๆ จากข้างนอกที่สาดเข้ามาขับให้สายตาคู่นั้นเหมือนเคลือบด้วยน้ำใสชั้นบางๆ
เขาพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลงบ้างแต่ระหว่างคิ้วยังดูเจ็บปวดเพราะความอดกลั้น
“ผมทำคุณเจ็บใช่มั้ย?” เขาหายใจแรง
“เจ็บนิดหน่อย…” ไป๋ซู่เย่ชี้ตำแหน่งบาดแผล เมื่อครู่ที่ถูกยึดกับกระแทกกำแพงเจ็บนิดหน่อย เธอเงยหน้ามองเย่เซียว “คุณหมอฟู่ได้เตือนฉันไว้…ช่วงนี้ห้ามออกกำลังกายหนักหน่วง…ฉะนั้น…”
เย่เซียวปวดใจ
กิจกรรมบนเตียงเป็นกิจกรรมที่หนักหน่วงอย่างแน่นอน เขาไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจ
เขาซุกหน้าเข้าซอกคอเธอ สูดดมกลิ่นอายเฉพาะตัวของเธอลึกๆ เพื่อดับไฟความต้องการที่กำลังแผดเผาในใจเขา
เห็นเธอ มีเพียงฟ้าที่รู้ว่ายากจะหักห้ามใจแค่ไหน
“…ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ไป๋ซู่เย่ลูบหลังเขาอย่างเป็นห่วง สองขาเธอยังเกี่ยวเอวเขาเช่นเดิมโดยที่บั้นท้ายชมพูระเรื่อถูกเขาประคองไว้ จนถึงตอนนี้เสียงยังอ่อนระทวยอยู่
“ไม่เป็นไร” แม้จะว่าเช่นนั้นแต่เสียงเย่เซียวไม่ได้ฟังดู ‘ไม่เป็นไร’ เลยสักนิด เขาปัดผมยาวที่ประบ่าเธอออก ดูดดึงเนื้อผิวตรงคอเธอหนึ่งที เธอหลุดเสียงออกมาเบาๆ อยากจะหลบหนีโดยอัตโนมัติแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ทันเสียแล้ว
รอมั่นใจว่ามีรอยที่ตนทิ้งไว้บนลำคอเธอเขาถึงเงยหน้าจากซอกคอเธอ
“ผมไปปิดประตู รวดดูวงจรไฟฟ้าให้คุณด้วย” ลมหายใจเขาแน่นิ่งบ้างแล้ว
“โอเค”
เย่เซียวไม่อยากจะปล่อยเธอทั้งอย่างนี้เลยคงท่าเดิมโดยอุ้มเธอกลับเข้าห้องไป ท่ามกลางความมืดที่มองไม่เห็นอะไร ลมหายใจทั้งคู่ ความอุ่นจากร่างกายที่สัมผัสได้ชัดเจน ละเอียดมากกว่าเดิม ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลุมเครือ
ไป๋ซู่เย่ปล่อยให้เขาอุ้มต่อไปและคอยดื่มด่ำกับความรู้สีกนี้
เย่เซียวทะนุถนอมเธอราวกับเด็กคนหนึ่ง คอยวางเธอลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเธอที่ใส่เพียงชุดนอนตัวเดียว “ฮีตเตอร์ในห้องดับ ใช้ผ้าห่มคลุมตัวไปก่อน ห้ามเป็นหวัด”
………………………