อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 804 แต่งงานกับผมนะ(1)
เธอคิดว่าตัวเองน่าจะต้องมนต์บางอย่างเข้า
ข้างนอกนี้คือป้อมยาม พวกเขาสองคนทำเรื่องแบบนี้บนรถ…จากสติและการควบคุมตัวเองของเธอ ปกติเธอจะต้องปฏิเสธ
แต่ต่อหน้าเย่เซียวเธอกลับพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมาไม่ได้
ได้แค่ตัวอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขา ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
ความจริงเย่เซียวแค่อยากกอดเธอสักหน่อย จูบเธอสักหน่อยเพื่อทดแทนความต้องการของร่างกายและหัวใจที่มีต่อเธอ แต่สุดท้ายเขากลับถูกทรมานให้แย่ลงกว่าเดิม ร่างกายเกร็งจนแทบระเบิด
“เย่เซียว…” ไป๋ซู่เย่เรียกเขาอย่างอดไม่ได้
“ผมรู้…ผมไม่ทำอะไรหรอก…” เย่เซียวหักห้ามใจอย่างมากแล้ว เสียงของเขากำลังกดความเจ็บปวดอยู่
“…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ไป๋ซู่เย่ใช้ดวงตาที่มีม่านน้ำใสสบตาสีเข้มของเขาคู่นั้น พักใหญ่ถึงปริเสียง “หรือว่า…เราลองดูสักครั้ง? แต่คุณต้องอ่อนโยนหน่อยนะ”
ประโยคสุดท้ายเสียงของเธอเบาแทบเบากว่านี้ไม่ได้แล้ว
พูดจบแม้แต่เธอยังอยากขุดคลุมฝังตัวเองเสีย นี่เธอ…เป็นคนพูดแบบนี้ก่อนหรือ? ทำให้เธอดูหิวกระหายมากขนาดไหน
อีกอย่าง…
พอพูดจบรู้สึกได้ชัดว่าร่างกายของเย่เซียวเกร็งแน่นยิ่งกว่าเดิม
ท่าทางของเขาเหมือนจะกลืนกินเธอเสียให้ได้
สุดท้ายเขาไม่แตะต้องเธอ แค่ยกตัวเธอกลับไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับเหมือนเดิม ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาหอบหายใจ “ไม่มีครั้งหน้า”
“หืม?”
“คำพูดเชื้อเชิญแบบนี้ คราวหน้าถ้าคุณพูดอีก ผมไม่ออมมือแน่ๆ…”
ไป๋ซู่เย่หน้าแดงก่ำ เธอไม่กล้าพูดอะไรอีกแค่เสหน้ามองไปนอกหน้าต่างแสร้งพูดเร่งเขาอย่างใจเย็น“จะพาฉันไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ? รีบขับรถสิ”
เย่เซียวถึงได้ผละห่างจากเธอ สตาร์ทรถยนต์
ภายในรถร้อนระอุอย่างน่าแปลก ไป๋ซู่เย่ปิดฮีตเตอร์แต่ยังรู้สึกร้อนเลยเปิดหน้าต่างเล็กน้อย ให้ลมเย็นได้เข้ามาสักหน่อย
เย่เซียวมองการกระทำนี้ของเธอด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม
รถยนต์ขับลงจากเขาจงซัน รอสักพักเขาก็สะกดกลั้นอารมณ์จนได้ถึงถาม “ดีขึ้นหรือยัง?”
“หืม?” เธอหันหน้ามามองเขา
“ไม่ร้อนแล้วก็ปิดหน้าต่าง เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อนเป็นหวัดง่าย”
“อ่อ ได้” เธอเคอะเขินน้อยๆ พลางปิดหน้าต่างรถ
เย่เซียวยื่นมือไปสอดประสานทั้งห้านิ้วของเธอ เขาไล้นิ้วเล่นปลายนิ้วเธอเบาๆ “คุณหมอคุณเคยบอกมั้ยว่าเราจะออกกำลังกายหนักหน่วงได้เมื่อไหร่?”
“…”
คุณหมอฟู่บอกแค่ว่าห้ามออกกำลังหนักหน่วง แต่กลายเป็นการออกกำลังกายหนักหน่วงระหว่างพวกเขาไปตั้งแต่เมื่อไร?
“ไม่ได้บอก แค่ตักเตือนฉันไว้เท่านั้น บอกว่าหลายเดือนนี้ต้องดูแลร่างกายตัวเอง อย่าทำอะไรหนักหน่วง…”
เย่เซียวพยักหน้ารับถือว่ารับทราบ“พรุ่งนี้ผมจะลองไปถามถังซ่งดู”
“…เรื่องแบบนี้คุณไปถามถังซ่ง?”
“เขาเป็นคุณหมอ การถามข้อมูลจากเขาไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?” เย่เซียวกลับไม่ใส่ใจ
ไป๋ซู่เย่หมดคำจะโต้แย้ง
พอจินตนาได้ว่าหากถังซ่งรู้เข้าจะต้องทำหน้าระรื่นหยอกล้อแน่นอน
——————
รถยนต์พุ่งทะยานสู่ท้องถนนเส้นหลัก
ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ถามก็รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังจะไปไหน รถขับถึงครึ่งทางเธอพิงไหล่เย่เซียวเพราะเริ่มง่วง เย่เซียวเอียงตัวถูปลายคางกับศีรษะเธอ “ง่วงก็นอนพักก่อน ถึงแล้วจะปลุกคุณ”
“ฉันไม่อยากนอน” เธอพึมพำ ง่วงน่ะใช่แต่ก็ไม่อยากหลับตา อยากใช้เวลาอันแสนสงบนี้กับเขา
มีแต่ความอิ่มเอมใจและความสุขสบายเต็มอก
เสียเวลาที่จุดพักบริการไปนาน เวลาตีสามกว่าถึงมาถึงเขามู่เจี้ย
เดินถึงครึ่งทางเธอที่ร่างกายอ่อนแอก็หอบอย่างหนัก เย่เซียวนั่งยองลงตรงหน้าเธอ “ขึ้นมา”
เห็นแผ่นหลังกว้างนั่นเธอก็รู้สึกอุ่นใจ ก่อนหน้ามาที่นี่กับเขาเพราะการบอกลา บัดนี้มาที่นี่อีกครั้งกลับมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม
เธอทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังเขา เย่เซียวดูท่าทางสบายๆ ลุกขึ้นยืนทันที
เธอโอบลำคอแกร่งของเขา แนบหน้ากับหน้าเขา
“เย่เซียว…”
“หืม?”
“ครั้งก่อนที่นี่ สิ่งที่คุณเคยบอกฉัน คุณยังจำได้มั้ย?” เธอถามเขาด้วยรอยยิ้ม ความเจ็บปวดเจียนตายในอดีต พอมาย้อนนึกดูอีกทีก็สามารถใช้รอยยิ้มเผชิญหน้ากับมันได้แล้ว
เมื่อนั้นเขาบอกว่าเขาปล่อยมือแล้ว จะไม่ตามวอแวอีก…
ซึ่งความจริงนั่นเป็นเพียงคำลวง คำลวงที่แม้แต่ตัวเองยังโกหกตัวเองไม่ได้
“ยังโทษผมอยู่มั้ย?” เย่เซียวถามเสียงนิ่ง
ไป๋ซู่เย่แนบหน้ากับหน้าเขาพลางส่ายศีรษะ เสียงดังขึ้นข้างหูเขา “คุณรู้ว่าฉันไม่เคยโทษคุณ ถ้าจะโทษฉันก็โทษตัวเอง…”
เย่เซียวเงียบไปพักใหญ่ เดินไปได้ระยะหนึ่งจู่ๆ ก็เปล่งเสียงพูดขึ้นมาเรียบๆ “ขอโทษ…”
“ทำไมขอโทษฉันล่ะ?”
ที่เธอโดนยิงสองนัดไม่ใช่ความผิดเขาสักนิด
“…ผมไม่ควรลองใจคุณ” เสียงเขาแหบแห้ง ประโยคสั้นๆ ที่แฝงด้วยความรู้สึกผิด ความเสียใจ รวมถึงความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง
ไป๋ซู่เย่กัดหูเขาทีจนเขาหลุดเสียงออกมา หันข้างเหลือบมองเธอน้อยๆ ภายใต้แสงจันทร์ที่พร่ามัวได้สบตากับดวงตาที่เปื้อนยิ้มของเธอ เป็นประกายและน่าหลงใหล
“คุณยกโทษให้ฉันแล้ว ฉันก็ยกโทษให้คุณแล้ว ต่อจากนี้เราไม่คุยเรื่องพวกนั้นอีก ตกลงมั้ย?”
อดีตเจ็บปวดเกินไป
แล้วเหตุใดต้องพูดถึงให้กวนใจอีก?
เย่เซียวพยักหน้า “ได้ ไม่พูดถึง”
เธอว่าอย่างไรก็อย่างนั้น
“แต่คำถามที่ผมเคยถามคุณทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้คุณยังไม่ตอบผมเลย ตอนนี้บอกคำตอบผมได้หรือยัง?”
“คำถามอะไร?”
เย่เซียวเดินขึ้นเขาไปก็หันข้างคุยกับเธอไป สายตาร้อนผ่าวมองเธอ “หลายวันมานี้คุณคิดถึงผมมั้ย?”
พอเขาถาม ไป๋ซู่เย่ก็นึกน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เธอไม่ตอบ แค่กระชับอ้อมแขนที่กอดลำคอเขาแน่นกว่าเดิม บ่นเสียงพึมพำ “คุณแม่ยังไม่พอใจด้วยซ้ำ ว่าคุณไม่สนใจฉันเพราะงาน ไม่เคยเห็นใครคบกันอย่างเรามาก่อน”
น้ำเสียงเธอที่คล้ายบ่นและคล้ายออดอ้อน ขับให้ดูน่าสงสารเหลือเกิน
เย่เซียวเริ่มนึกเสียใจที่ตัวเองไม่ควรรีบร้อนจะจัดการงานทุกอย่างให้เสร็จสิ้นทีเดียว
ความจริง…
เขาคิดถึงเธอทุกวัน ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบขับรถมาเจอเธอที่จงซันอย่างอดใจไม่ไหวหลังทิ้งงานชั่วคราว ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าดึกแล้ว
อีกทั้ง…
เขาพบว่า…
หลังกลับมาคบกันใหม่ เขายอมถูกเธอจูงจมูก เธอในตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เคย เป็นหญิงสาวตัวน้อยๆ นิสัยขี้อ้อนยอมคนมากขึ้น–เธอรู้ว่าเขาต้านทานเธอในรูปแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้น…
“ผมรับปากว่าจะไม่มีแบบนี้อีก”
คำสัญญาของเขาได้ปัดเป่าความน้อยใจที่สุมในอกของเธอออกไปทั้งหมด เผยรอยยิ้มกว้างถามเขา“เย่เซียว เราสองคนตอนนี้ถือว่าคบกันอยู่ใช่มั้ย?”
กับคำถามที่เขาคิดว่าไม่ควรถามนี้ขมวดคิ้วน้อยๆ หันหน้ามากัดปากเธอหนึ่งที “นี่ถ้าไม่ได้คบกันอีก คืออะไรล่ะ?”
เธอหัวเราะเสียงเบาอย่างอารมณ์ดี เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นท่ามกลางภูเขาเงียบสงบฟังดูใสกระจ่าง และเต็มไปด้วยความสุข
เมื่อครั้งที่ตัดความสัมพันธ์กับเย่เซียวที่นี่ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสักวันจะได้ปืนเขาลูกนี้กับเย่เซียวด้วยกันอีก ปล่อยให้เขาแบกเธอขึ้นมา
………………………