อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 807 แต่งงานกับผมนะ(4)
ยิ้มทั้งน้ำตา เธอรีบหันหน้าหนีเพื่อเช็ดน้ำตา
ฟู่ยี่เฉินเองก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว ถอดหน้ากากอนามัยพร้อมพูดเตือน “คุณเองก็ไม่ค่อยแข็งแรง อย่าลืมพักฟื้นดีๆ”
“อืม ฉันรู้” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมากในพริบตา พวงแก้มเริ่มมีสีระเรื่อไม่ขาวซีดเหมือนก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเองได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วมาจากห้องผ่าตัด
ไป๋ซู่เย่กล่าวคำขอบคุณต่อฟู่ยี่เฉินก่อนจะรีบสับเท้าเดินเข้าไปข้างใน
เย่เซียวถูกคนเข็นเตียงออกมาจากห้องผ่าตัด
เขาโดนฉีดยาสลบและตอนนี้ยังไม่ได้สติ นอนสะลืมสะลืออยู่บนนั้นขณะที่ใบหน้าขาวซีด ถังซ่งกำลังคุยโทรศัพท์ที่น่าจะเป็นสายจากไฟเรนเซ่กับคุณนายเย่ ถังซ่งเดินออกมาโดยที่บอกข่าวดีกับพวกเขาไปด้วย พอเห็นไป๋ซู่เย่ทำเพียงโบกมือหย่อยๆ นับว่าเป็นการทักทาย
เธอไม่ได้เข้าไปขัดการคุยโทรศัพท์ของเขาเพราะใจคำนึงถึงแต่เย่เซียว รีบก้าวเดินไปโน้มตัวกระซิบเรียกเขาข้างหู “เย่เซียว” ความจริงไม่ต้องให้เขาตอบกลับตัวเอง แค่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ แค่เรียกขานเขาแบบนี้ สัมผัสถึงลมหายใจของเขาได้ก็เพียงพอ
เธอกุมมือเย็นเฉียบของเขามาแนบไว้ข้างมุมปาก ลูบจับใบหน้าไร้สีเลือดฝาดดังเดิมของเขา คอยสัมผัสอุณหภูมิจากร่างกายเขา หัวใจที่บีบรัดแน่นในทีแรกถึงผ่อนคลายลง
จากนั้นเดินเข็นเตียงเขาเข้าห้องพักผู้ป่วยพร้อมพยาบาล
เขาถูกพยาบาลพยุงอย่างระมัดระวังให้นอนลงบนเตียง พยาบาลยังคงเดินขวักไขว่เพื่อทำการตรวจเช็ครอบสุดท้ายให้เขา เธอตักน้ำมากำลังเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากและมือให้เขาอย่างระวัง เพิ่งผ่านพ้นศึกสงครามมาทำให้ตัวของเขาเปียกชุ่มทั้งตัว
“คุณหมอถัง”
เสียงพยาบาลเรียกให้ท่วงท่าของเธอหยุดชะงัก เห็นถังซ่งเดินใส่เสื้อกาวน์สีขาวเข้ามาจากข้างนอก
ทำการผ่าตัดที่มีความยากขั้นสูงมาหลายชั่วโมง เขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
หาววอดอย่างเกียจคร้านทีหนึ่งก่อนโบกมือให้คนอื่น“เสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ”
คุณหมอและพยาบาลต่างพยักหน้ารับรู้ถึงเดินตามกันออกไป
ไป๋ซู่เย่หยุดงานในมือ ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณ ครั้งนี้ยังดีที่มีคุณ”
เธอแทบพูดอะไรต่อไม่ได้ ไม่อยากจะคาดคิดว่าหากวันนี้ไม่มีถังซ่งเรื่องจะดำเนินอย่างไรต่อไป
“นั่นสิ ยังดีที่มีผม ไม่งั้นวันนี้เขาตายแน่ ก่อนหน้านี้ใครให้เขาหัวรั้นไม่ยอมผ่าตัดสักที!ถ้าผ่าตัดเร็วกว่านี้คงไม่ยื้อมาถึงตอนนี้หรอก?” ถังซ่งบ่นไปพลางปรับความเร็วของสายน้ำเกลือเขาไปด้วย
ไป๋ซู่เย่รู้ว่าถังซ่งหวังดีต่อเขาจริงๆ เลยรู้สึกขอบคุณจากใจ ถามเพียง “เขาจะฟื้นจากยาสลบเมื่อไหร่?”
“อีกชั่วโมงสองชั่วโมงก็น่าจะโอเคแล้ว”
“งั้นก็ดี” ไป๋ซู่เย่หยักหน้ารับ เย่เซียวคล้ายลืมตาขึ้นแต่เพราะเหนื่อยล้าเกินไปเลยหลับตาผล็อยหลับอีกรอบ
ถังซ่งมองเธอแวบหนึ่ง“เมื่อกี้ได้ยินคุณหมอท่านอื่นบอกว่าบนตัวคุณยังมีแผลอยู่?”
“อืม แต่โชคดีที่เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย แผลเรื้อรังจากแผลครั้งก่อน” เธอตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ความสนใจกำลังถูกเพ่งไปยังตัวเขา ทั้งกังวลว่าเขาจะหนาวเลยห่มผ้าครึ่งท่อนล่างให้เขา
“กระดูกซี่โครงแตกเชียวยังกล้าบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก คุณทำจากเหล็กเหมือนเขาหรือยังไงกัน?” ถังซ่งดึงเสื้อคนไข้บนตัวเธอที “ไปไปไป คุณเองก็กลับไปนอนเตียงห้องคุณได้แล้ว เขานอนรอบนี้ไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดเขาฟื้นแล้วรู้ว่าคุณบาดเจ็บแต่ผมยังปล่อยให้คุณมาเฝ้าเขาที่นี่ เขาต้องมาหาเรื่องผมแน่ๆ”
“ฉันกลับไปก็ไม่ไว้วางใจ”
“ไม่ไว้วางใจอะไร? ที่นี่มีคุณหมอกับพยาบาลตั้งมาก หรือว่าเราจะกินเขาเข้าไปได้งั้นเหรอ?”
ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็เผยยิ้มออกมาจนได้ “ได้ ฉันรู้แล้ว ฉันกลับห้องตัวเองแต่ถ้าเขาฟื้นคุณต้องให้คนมาบอกฉัน”
“ได้”
“ถ้าเขามีตรงไหนที่ไม่สบายตัว คุณก็ต้องให้คนมาบอกฉัน”
“บอกคุณทำไม คุณไม่ใช่คุณหมอนี่”
“คุณจะบอกไม่บอก? ไม่บอกงั้นฉันอยู่นี่ไม่กลับแล้ว”
“บอกก็บอก!”
ไป๋ซู่เย่มองเย่เซียวอีกรอบถึงกลับห้องตัวเองไปอย่างไม่ไว้วางใจ
ในห้องเหลือเพียงถังซ่งกับเย่เซียวสองคน ถังซ่งพลิกอ่านข้อมูลการจ่ายยาของเขาไปโดยที่บางครั้งเชยตาเขม่นมองเขาแวบหนึ่ง“เย่เซียว คนอย่างนายก็มีวันนี้จนได้ บอกให้นายผ่าตัดตั้งนานแล้วใช่มั้ย? ไม่ฟังคำคนเตือน ก็เสียเปรียบไปเถอะ ดูสิว่านายทำผู้หญิงของนายขวัญเสียขนาดไหน พวกนายสองคนชอบเล่นเกม ‘เธอหลอกฉัน ฉันหลอกเธอ’ เหรอ?”
เย่เซียวนอนตรงนั้นไม่ได้สติ
…………………………
หลังไป๋ซู่เย่กลับไปนอนบนเตียงในห้องถึงรู้สึกได้จริงๆ ว่าเจ็บกระดูกซี่โครงอย่างมาก ทั้งตัวเหมือนร่างจะแหลก เธอกุมหน้าอกไว้แล้วทิ้งตัวลงไป แต่จะลุกขึ้นอีกทีออกจะลำบากสักหน่อย
เมื่อคืนไปภูเขามู่เจี้ยไม่ได้หลับทั้งคืน วันนี้ก็มาคลุกคลีอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ หัวเพิ่งแตะหมอนก็รู้สึกง่วงแทบทนต่อไม่ไหว
ผ่านไปสักพักเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป
แต่หลับไม่สนิทสักนิดเพราะมัวแต่พะวงถึงเขา ไม่อาจหลับได้อย่างเต็มที่
ฉะนั้นหนึ่งชั่วโมงให้หลังเจ้าตัวก็ตื่นมาอีกแล้ว
“คุณไป๋ ตื่นแล้วเหรอ?”
พยาบาลผลักประตูเข้ามาพอดีโดยที่ในมือมียาด้วย
“คุณหมอถังบอกว่าคุณต้องฉีดยาแก้อักเสบหน่อยถึงจะดี”
“รอสักแป๊บแล้วกัน” ไป๋ซู่เย่เลิกผ้าห่มอยากลุกนั่งบนเตียง พอขยับสะเทือนถึงปากแผลจนเผลอหลุดเสียงร้องออกมา พยาบาลวางยาลงมาพยุงเธอ “ตอนนี้ทางที่ดีคุณอย่าเดินเลยดีกว่า นอนพักสองวันก็หาย”
“ไม่เป็นไร” ไป๋ซู่เย่ทรงตัวจากการประคองของเธอพร้อมถาม “เย่เซียวฟื้นหรือยัง?”
“ฟื้นแล้ว ถามถึงคุณครั้งหนึ่ง รู้ว่าคุณนอนอยู่เลยเตือนเราไว้โดยเฉพาะว่าอย่าทำคุณตื่น”
“งั้นฉันไปดูสักหน่อย อ้อ ยานี่…ไปฉีดที่ห้องเขาแล้วกัน”
พยาบาลคิดที “งั้นก็ได้ค่ะ”
ยกถาดยาพร้อมประคองเธอไปด้วย
…………
ในห้องพักผู้ป่วยอย่างดีอีกห้อง
เย่เซียวกำลังหลับตานอนบนเตียง เขาเพิ่งฉีดยาเสร็จไป มือวางบนผ้าปูเตียงสีขาวขณะที่หลังมือมีเทปสีขาวแปะติดอยู่
ไป๋ซู่เย่ผลักประตูออกอย่างระมัดระวังเพราะกลัวทำเขาตื่น ฝีเท้าก็เบาหวิว
เดิมทีอยากจะฉีดยาที่นี่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว ตนอยู่นี่มีแต่จะรบกวนเขา ดังนั้นกะจะแค่ดูเขาสักหน่อยก็กลับห้องตัวเองไป
แต่ว่า…
เพิ่งเดินย่องมาถึงข้างเตียงเขานั้นกลับถูกเขาคว้ามือไว้
เธอก้มมองเขา “คุณไม่ได้หลับเหรอ?”
“นอนบนเตียงผ่าตัดนานขนาดนั้น ตอนนี้ไม่อยากนอนแล้ว” เขาลืมตามองเธอ เสียงยังคงแหบแห้งขณะที่อ้าปากพูด
ระหว่างที่พูดอยู่ปลายนิ้วโป้งลูบหลังมือเธอแผ่วเบา
“ทำคุณตกใจใช่มั้ย?”
ไป๋ซู่เย่แสบจมูกหน่อยๆ พยักหน้ารับ “ถังซ่งพูดไว้ไม่ผิด คุณเอาแต่ใจเกินไป ถ้าไม่ยืดเยื้อมานานขนาดนี้จะทำฉันตกใจได้ยังไง?”
น้ำเสียงตำหนิของเธอเต็มไปด้วยความปวดใจ
…………………………